"กลุ่มไลออน" เครือธุรกิจสายการบินสัญชาติอินโดนีเซีย ประกาศไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งที่ 2 ต่อจากมาเลเซีย หวังเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เส้นทางสายไหมเชื่อมต่อไปจีน โดยเปิดตัวสายการบินในประเทศ "ไทยไลออน แอร์" ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท หลังได้รับใบอนุญาตการบินจากกรมการบินพลเรือน (บพ.) แล้ว พร้อมประเดิม 3 เส้นทาง ดอนเมือง-เชียงใหม่, ดอนเมือง-จาการ์ตา และดอนเมืองกัวลาลัมเปอร์ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-900 ER ปลายเดือน พ.ย.นี้
นายรุสดี คีรานา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานอำนวยการของกลุ่มสายการบิน ไลออน แอร์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตการบินจากกรมการบินพลเรือน (บพ.) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขอใบรับรองการดำเนินงานทางอากาศจากคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (เอโอซี) โดยจะเปิดบริการสายการบินไลออนแอร์ที่เมืองไทย ภายใต้ชื่อ ไทยไลออน แอร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
สำหรับในสายตาคนไทยแล้ว อาจจะเป็นสายการบินที่ยังใหม่อยู่ ยังไม่คุ้นเคย แต่ในธุรกิจสายการบิน ไลออน แอร์ เป็นสายการบินที่มีการสั่งซื้อเครื่องบินครั้งเดียวกว่า 708 ลำ ทั้งโบอิ้งหลายร้อยลำ รวมถึงแอร์บัสอีกกว่า 234 ลำ ยังไม่รวมเครื่องบินเล็กอีกหลายลำ เพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจของกลุ่มไลออน และยังถือเป็นสายการบินที่มีฝูงบินอายุน้อยที่สุดในโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 ปี
จากสายการบินในประเทศสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายรุสดี เล่าถึงความเป็นมาของไลออน แอร์ จากสายการบินอินโดนีเซีย สู่ธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า เราเริ่มบินในช่วงปี 2543 นับเป็นสายการบินต้นทุนต่ำสายการบินแรกในเอเชีย ได้มีการปรับโฉมธุรกิจการบินแบบต้นทุนต่ำให้เหมาะกับตลาดในเอเชีย โดยไม่คิดค่าบริการเช็คอินสัมภาระของผู้โดยสาร ในขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำอื่นๆ โดยเฉพาะในแถบยุโรปและอเมริกา จะคิดค่าบริการเช็คอินสัมภาระของผู้โดยสาร เราขายตั๋วโดยสารโดยตรงให้กับลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงทำงานร่วมกับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวในการผลักดันยอดขาย
"สายการบินไลออน แอร์ ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-900ER ที่มีความจุที่นั่งจำนวนมากถึง 215 ที่นั่ง ทำให้มีต้นทุนต่อที่นั่งต่อกิโลเมตร(ASK) ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบระยะการบินต่อกิโลเมตร เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ต่ำและจำนวนที่นั่งมากกว่า นอกจากการจัดหาเครื่องบินที่ใหม่และทันสมัยให้กับลูกค้าแล้ว ไลออน แอร์ ยังชนะใจลูกค้าในอินโดนีเซียด้วยการนำเสนออัตราค่าโดยสารในราคาต่ำ มีเที่ยวบินมากกว่า และมีเครือข่ายเส้นทางการบินที่ครอบคลุมมากกว่า กลุ่มไลออน ร่วมกับบริษัทในเครืออย่าง วิงส์ แอร์ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินสู่ 76 จุดหมายปลายทาง และมีจำนวนเที่ยวบินไปยังสถานที่ต่างๆ ในอินโดนีเซียมากกว่าถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง" นายรุสดี กล่าว
โดยปัจจุบันกลุ่มไลออน ถือเป็นสายการบินที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในประเทศอินโดนีเซีย ให้บริการเที่ยวบินกว่า 700 เที่ยวบิน/วัน จาก 3 สายการบินที่เปิดให้บริการอยู่ในอินโดนีเซีย คือ 1.ไลออน แอร์ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) 2.สายการบินบาติก แอร์ (สายการบินพรีเมียม) และ 3.วิงส์ แอร์ (ทำการบินด้วยเครื่องบินขนาดเล็กไปยังเกาะเล็กๆ ต่างๆ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่เครื่องลำใหญ่ไม่สามารถทำการบินลงได้) ปีที่ผ่านมาให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 35 ล้านคน คิดเป็นกว่า 50% ของตลาดสายการบินภายในประเทศของอินโดนีเซีย โดยตลาดสายการบินภายในประเทศของอินโดนีเซีย คือตลาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโต 15-16%
ทั้งนี้ ได้ให้บริการในเส้นทางหลักสู่ที่หมายภายในประเทศใน 31 จุดหมายปลายทาง และบินระหว่างประเทศ 5 ประเทศ ตลอด 13 ปี ที่ดำเนินธุรกิจ บริษัทมุ่งเน้นตลาดภายในประเทศของอินโดนีเซียเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม เรากำลังขยายธุรกิจไปทั่วเอเชีย โดยการร่วมมือในการจัดตั้งสายการบินกับพันธมิตรในประเทศต่างๆ อาทิ มาลินโด แอร์ ในมาเลเซีย โดยกลุ่มไลออน ถือหุ้นถึง 49%
เล็งไทยเป็นฮับแห่งใหม่
สำหรับประเทศไทย เราจะถือเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการบิน หรือฮับ แห่งที่ 2 ในต่างประเทศของกลุ่มไลออน ที่จะเชื่อมต่อการเดินทางจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังจีน และประเทศต่างๆ ในเอเชีย เพิ่มจากก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปร่วมลงทุนตั้งมาลินโด แอร์ เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมระหว่างอินโดนีเซียและเอเชียใต้ ด้วยความเชื่อมั่นว่าสายการบินราคาประหยัด จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี แล้ว ซึ่งผู้โดยสารจะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ขณะเดียวกัน การเข้าไปร่วมลงทุน ยังทำให้กลุ่มไลออนขยายครือข่ายเส้นทางบินในต่างประเทศที่ครอบคลุมได้มากขึ้น
"ในไทยมีแผนจะเปิดบินใน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย ดอนเมืองเชียงใหม่ 3 เที่ยวบินต่อวัน, ดอนเมือง-จาการ์ตา 2 เที่ยวบินต่อวัน และดอนเมือง-กัวลาลัมเปอร์ 1 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-900ER จะเริ่มให้บริการในวันที่ 29 พ.ย. 2556 นี้ จากนั้น จะทยอยเพิ่มเส้นทางบิน เช่น อินเดีย จีน ส่วนเส้นทางบินในประเทศ ประกอบด้วย อุดรธานี ภูเก็ต พิษณุโลก หาดใหญ่ ส่วนระยะยาวมีแผนที่จะเปิดบริการเส้นทางบินไปญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นได้ยกเลิกวีซ่าให้คนไทยแล้ว โดยอาจใช้ชื่อใหม่ ซึ่งต้องรอดูทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคตก่อน" นายรุสดี กล่าว
เน้นกลยุทธ์ขายตั๋วถูกฟูลเซอร์วิส
นายรุสดี อธิบายต่อว่า การที่กลุ่มไลออนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในอินโดนีเซียได้กว่า 50% ขณะที่แอร์เอเชียมี 3% ไม่ใช่เพราะเราดีกว่าแอร์เอเชีย เพราะถ้าถามคนทั่วไป จะรู้จักแอร์เอเชียมากกว่า แต่ที่เราครองตลาดในอินโดนีเซียได้ เพราะราคาขายตั๋วที่ต่ำมาก และสิ่งที่เราทำจะโฟกัสไปที่การสร้างตลาดให้เติบโต ไม่ใช่การไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคนอื่น อย่างการเข้ามาลงทุนตั้งสายการบินต้นทุนต่ำในมาเลเซีย มาลินโด แอร์ ก็เห็นได้ชัดเจนว่าก่อนที่มาลินโด แอร์ เปิดให้บริการเมื่อเดือน มี.ค. 2556 ที่ผ่านมา การเติบโตของธุรกิจการบินในมาเลเซียมีการเติบโตอยู่ที่ 5% แต่เราเข้าไปตลาดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 20-25% และสำหรับการเข้ามาลงทุนไทย ไลออน แอร์ ก็ต้องการกระตุ้นตลาดการบินในไทยให้เติบโตเช่นกัน
ทั้งนี้ ความสำเร็จของธุรกิจองค์ประกอบหลักอยู่ที่การขายตั๋วได้ในราคาถูก ที่เป็นเช่นนี้เพราะเรามีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ต่ำ โดยเฉพาะการสั่งซื้อฝูงบินจำนวนมาก ทำให้ได้สิทธิ์ในการต่อรองราคาเครื่องบิน การมีสต๊อกอะไหล่ชิ้นส่วนอากาศยาน การใช้ฝูงบินโบอิ้ง 737-900ER ทำให้มีที่นั่งในการขายเพิ่มขึ้นอีก 35 ที่นั่ง เมื่อเปรียบเทียบกับแอร์บัส A320 โดยที่มีอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่เท่ากัน และการขายตั๋วราคาถูกยังสนับสนุนให้คนเดินทางโดยไร้พรมแดน และจะไม่คิดค่าบริการเช็คอินสัมภาระของผู้โดยสาร (น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม) เราเน้นการบริการที่ครบครันมากกว่าที่อื่น
ส่วนเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของไทย เราเริ่มต้นจะทำการบินด้วยเครื่องโบอิ้ง 737-900ER จำนวน 2 ลำ เป็นเครื่องบินใหม่ล่าสุด จำนวน 215 ที่นั่ง เริ่มต้นด้วยเส้นทางเชียงใหม่ กัวลาลัมเปอร์ และจาการ์ตา ซึ่งมีกว่า 200 เที่ยวบินต่อวันจากเมืองอื่นๆ มาจาการ์ตา หรือประมาณ 4 หมื่นคนต่อวัน ที่จะนำคนจากจำนวนเหล่านี้มากรุงเทพฯ และเชียงใหม่ได้ ผ่านการทำตลาด ซึ่งมีทั้งการขายรายตัว และขายเป็นแพ็กเกจทัวร์ ซึ่งกลุ่มไลออน ก็เป็นผู้ดำเนินธุรกิจทัวร์อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในปี 2557 น่าจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้บริการได้อีก 10 ลำ ขึ้นอยู่กับการเติบโตและการบริหารงาน ซึ่งตั้งเป้าที่จะไปอินเดียแน่นอน เพราะมีออฟฟิศอยู่ที่นิวเดลี มุมไบ รวมถึงขยายไปจีนทางตะวันตก เพื่อรองรับคนจีนในอินโดนีเซียที่ชอบไปกวางโจว รวมจุดบินอื่นๆ อาทิ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น ซึ่งเริ่มต้นจะเน้นขายเป็นแพ็กเกจทัวร์ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกโรงแรม การเดินทาง วางแผนการเที่ยวและช็อปปิ้ง
การดำเนินธุรกิจของไทยไลออน แอร์ ในอนาคต ยังมีแผนจะแยกการบริการในเส้นทางบินระยะไกล ในการบินไปยังโตเกียว โซล เมืองด้านเหนือของจีน ซึ่งจะเป็นบริการแบบพรีเมียม ไม่ใช่ราคาต่ำ ซึ่งในขณะนี้กลุ่มไลออน กำลังศึกษาถึงแผนการสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างมาให้บริการในเส้นทางบินระยะไกลในปี 2559 อาทิ โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ แอร์บัส A350 เพราะมองว่าเส้นทางบินระยะไกล (เกิน 7 ชั่วโมง) ไม่เหมาะที่จะทำการบินแบบราคาต่ำ เพราะผู้โดยสารจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย
นายรุสดี กล่าวว่า ที่สำคัญคือ เรามีกัปตันวรวุฒิ วงศ์โกสิตกุล รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบินของไทยไลออน แอร์ ซึ่งเป็นนักบินที่มีประสบการณ์สูง เป็นผู้รับผิดชอบการฝึกฝน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับบริการมีความปลอดภัยและเราปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ กัปตันวรวุฒิ วงศ์โกสิตกุล เป็นคนสัญชาติไทยที่ได้ทำงานในอุตสาหกรรมการบินเป็นเวลา 35 ปี และเริ่มอาชีพนี้กับสายการบินไทย ในฐานะผู้ดูแลเที่ยวบินก่อนที่จะเป็นนักบิน เป็นผู้ฝึกอบรม เขาได้บิน McDonnell ดักลาส DC-10s, โบอิ้ง 737s, แอร์บัส และ โบอิ้ง A300s 747-400s สำหรับ การบินไทย ตำแหน่งสุดท้ายของเขาคือ เป็นกัปตัน 747-400 จากนั้นเขาก็เข้าทำงานกับสายการบินเกาหลี เป็นกัปตัน 747-400 และเขาตัดสินใจที่จะกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากที่เขาเปลี่ยนไปฝึกอบรมนักบิน โดยการเข้าร่วมให้คำปรึกษาด้านการบินและการฝึกอบรมขององค์กรการบิน จากนั้นเขาเข้าร่วมกับเป็นผู้ตรวจสอบเที่ยวบิน เป็นอาจารย์ฝึกนักบินเพื่อขับเครื่องจำลองการบิน ประสบการณ์อันยาวนานของเขาสายการบิน จะมีประโยชน์กับการฝึกฝนนักบินของเราอย่างมาก
LION AIR ตั้งไทยเป็น HUB แห่งที่ 2 กรุยทางแนวหน้าธุรกิจการบินรับ AEC
นายรุสดี คีรานา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานอำนวยการของกลุ่มสายการบิน ไลออน แอร์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตการบินจากกรมการบินพลเรือน (บพ.) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขอใบรับรองการดำเนินงานทางอากาศจากคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (เอโอซี) โดยจะเปิดบริการสายการบินไลออนแอร์ที่เมืองไทย ภายใต้ชื่อ ไทยไลออน แอร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
สำหรับในสายตาคนไทยแล้ว อาจจะเป็นสายการบินที่ยังใหม่อยู่ ยังไม่คุ้นเคย แต่ในธุรกิจสายการบิน ไลออน แอร์ เป็นสายการบินที่มีการสั่งซื้อเครื่องบินครั้งเดียวกว่า 708 ลำ ทั้งโบอิ้งหลายร้อยลำ รวมถึงแอร์บัสอีกกว่า 234 ลำ ยังไม่รวมเครื่องบินเล็กอีกหลายลำ เพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจของกลุ่มไลออน และยังถือเป็นสายการบินที่มีฝูงบินอายุน้อยที่สุดในโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 ปี
จากสายการบินในประเทศสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายรุสดี เล่าถึงความเป็นมาของไลออน แอร์ จากสายการบินอินโดนีเซีย สู่ธุรกิจการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า เราเริ่มบินในช่วงปี 2543 นับเป็นสายการบินต้นทุนต่ำสายการบินแรกในเอเชีย ได้มีการปรับโฉมธุรกิจการบินแบบต้นทุนต่ำให้เหมาะกับตลาดในเอเชีย โดยไม่คิดค่าบริการเช็คอินสัมภาระของผู้โดยสาร ในขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำอื่นๆ โดยเฉพาะในแถบยุโรปและอเมริกา จะคิดค่าบริการเช็คอินสัมภาระของผู้โดยสาร เราขายตั๋วโดยสารโดยตรงให้กับลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงทำงานร่วมกับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวในการผลักดันยอดขาย
"สายการบินไลออน แอร์ ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-900ER ที่มีความจุที่นั่งจำนวนมากถึง 215 ที่นั่ง ทำให้มีต้นทุนต่อที่นั่งต่อกิโลเมตร(ASK) ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบระยะการบินต่อกิโลเมตร เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ต่ำและจำนวนที่นั่งมากกว่า นอกจากการจัดหาเครื่องบินที่ใหม่และทันสมัยให้กับลูกค้าแล้ว ไลออน แอร์ ยังชนะใจลูกค้าในอินโดนีเซียด้วยการนำเสนออัตราค่าโดยสารในราคาต่ำ มีเที่ยวบินมากกว่า และมีเครือข่ายเส้นทางการบินที่ครอบคลุมมากกว่า กลุ่มไลออน ร่วมกับบริษัทในเครืออย่าง วิงส์ แอร์ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินสู่ 76 จุดหมายปลายทาง และมีจำนวนเที่ยวบินไปยังสถานที่ต่างๆ ในอินโดนีเซียมากกว่าถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง" นายรุสดี กล่าว
โดยปัจจุบันกลุ่มไลออน ถือเป็นสายการบินที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในประเทศอินโดนีเซีย ให้บริการเที่ยวบินกว่า 700 เที่ยวบิน/วัน จาก 3 สายการบินที่เปิดให้บริการอยู่ในอินโดนีเซีย คือ 1.ไลออน แอร์ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) 2.สายการบินบาติก แอร์ (สายการบินพรีเมียม) และ 3.วิงส์ แอร์ (ทำการบินด้วยเครื่องบินขนาดเล็กไปยังเกาะเล็กๆ ต่างๆ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่เครื่องลำใหญ่ไม่สามารถทำการบินลงได้) ปีที่ผ่านมาให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 35 ล้านคน คิดเป็นกว่า 50% ของตลาดสายการบินภายในประเทศของอินโดนีเซีย โดยตลาดสายการบินภายในประเทศของอินโดนีเซีย คือตลาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโต 15-16%
ทั้งนี้ ได้ให้บริการในเส้นทางหลักสู่ที่หมายภายในประเทศใน 31 จุดหมายปลายทาง และบินระหว่างประเทศ 5 ประเทศ ตลอด 13 ปี ที่ดำเนินธุรกิจ บริษัทมุ่งเน้นตลาดภายในประเทศของอินโดนีเซียเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม เรากำลังขยายธุรกิจไปทั่วเอเชีย โดยการร่วมมือในการจัดตั้งสายการบินกับพันธมิตรในประเทศต่างๆ อาทิ มาลินโด แอร์ ในมาเลเซีย โดยกลุ่มไลออน ถือหุ้นถึง 49%
เล็งไทยเป็นฮับแห่งใหม่
สำหรับประเทศไทย เราจะถือเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการบิน หรือฮับ แห่งที่ 2 ในต่างประเทศของกลุ่มไลออน ที่จะเชื่อมต่อการเดินทางจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังจีน และประเทศต่างๆ ในเอเชีย เพิ่มจากก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปร่วมลงทุนตั้งมาลินโด แอร์ เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมระหว่างอินโดนีเซียและเอเชียใต้ ด้วยความเชื่อมั่นว่าสายการบินราคาประหยัด จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี แล้ว ซึ่งผู้โดยสารจะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ขณะเดียวกัน การเข้าไปร่วมลงทุน ยังทำให้กลุ่มไลออนขยายครือข่ายเส้นทางบินในต่างประเทศที่ครอบคลุมได้มากขึ้น
"ในไทยมีแผนจะเปิดบินใน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย ดอนเมืองเชียงใหม่ 3 เที่ยวบินต่อวัน, ดอนเมือง-จาการ์ตา 2 เที่ยวบินต่อวัน และดอนเมือง-กัวลาลัมเปอร์ 1 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-900ER จะเริ่มให้บริการในวันที่ 29 พ.ย. 2556 นี้ จากนั้น จะทยอยเพิ่มเส้นทางบิน เช่น อินเดีย จีน ส่วนเส้นทางบินในประเทศ ประกอบด้วย อุดรธานี ภูเก็ต พิษณุโลก หาดใหญ่ ส่วนระยะยาวมีแผนที่จะเปิดบริการเส้นทางบินไปญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นได้ยกเลิกวีซ่าให้คนไทยแล้ว โดยอาจใช้ชื่อใหม่ ซึ่งต้องรอดูทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคตก่อน" นายรุสดี กล่าว
เน้นกลยุทธ์ขายตั๋วถูกฟูลเซอร์วิส
นายรุสดี อธิบายต่อว่า การที่กลุ่มไลออนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในอินโดนีเซียได้กว่า 50% ขณะที่แอร์เอเชียมี 3% ไม่ใช่เพราะเราดีกว่าแอร์เอเชีย เพราะถ้าถามคนทั่วไป จะรู้จักแอร์เอเชียมากกว่า แต่ที่เราครองตลาดในอินโดนีเซียได้ เพราะราคาขายตั๋วที่ต่ำมาก และสิ่งที่เราทำจะโฟกัสไปที่การสร้างตลาดให้เติบโต ไม่ใช่การไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคนอื่น อย่างการเข้ามาลงทุนตั้งสายการบินต้นทุนต่ำในมาเลเซีย มาลินโด แอร์ ก็เห็นได้ชัดเจนว่าก่อนที่มาลินโด แอร์ เปิดให้บริการเมื่อเดือน มี.ค. 2556 ที่ผ่านมา การเติบโตของธุรกิจการบินในมาเลเซียมีการเติบโตอยู่ที่ 5% แต่เราเข้าไปตลาดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 20-25% และสำหรับการเข้ามาลงทุนไทย ไลออน แอร์ ก็ต้องการกระตุ้นตลาดการบินในไทยให้เติบโตเช่นกัน
ทั้งนี้ ความสำเร็จของธุรกิจองค์ประกอบหลักอยู่ที่การขายตั๋วได้ในราคาถูก ที่เป็นเช่นนี้เพราะเรามีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ต่ำ โดยเฉพาะการสั่งซื้อฝูงบินจำนวนมาก ทำให้ได้สิทธิ์ในการต่อรองราคาเครื่องบิน การมีสต๊อกอะไหล่ชิ้นส่วนอากาศยาน การใช้ฝูงบินโบอิ้ง 737-900ER ทำให้มีที่นั่งในการขายเพิ่มขึ้นอีก 35 ที่นั่ง เมื่อเปรียบเทียบกับแอร์บัส A320 โดยที่มีอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่เท่ากัน และการขายตั๋วราคาถูกยังสนับสนุนให้คนเดินทางโดยไร้พรมแดน และจะไม่คิดค่าบริการเช็คอินสัมภาระของผู้โดยสาร (น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม) เราเน้นการบริการที่ครบครันมากกว่าที่อื่น
ส่วนเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของไทย เราเริ่มต้นจะทำการบินด้วยเครื่องโบอิ้ง 737-900ER จำนวน 2 ลำ เป็นเครื่องบินใหม่ล่าสุด จำนวน 215 ที่นั่ง เริ่มต้นด้วยเส้นทางเชียงใหม่ กัวลาลัมเปอร์ และจาการ์ตา ซึ่งมีกว่า 200 เที่ยวบินต่อวันจากเมืองอื่นๆ มาจาการ์ตา หรือประมาณ 4 หมื่นคนต่อวัน ที่จะนำคนจากจำนวนเหล่านี้มากรุงเทพฯ และเชียงใหม่ได้ ผ่านการทำตลาด ซึ่งมีทั้งการขายรายตัว และขายเป็นแพ็กเกจทัวร์ ซึ่งกลุ่มไลออน ก็เป็นผู้ดำเนินธุรกิจทัวร์อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในปี 2557 น่าจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้บริการได้อีก 10 ลำ ขึ้นอยู่กับการเติบโตและการบริหารงาน ซึ่งตั้งเป้าที่จะไปอินเดียแน่นอน เพราะมีออฟฟิศอยู่ที่นิวเดลี มุมไบ รวมถึงขยายไปจีนทางตะวันตก เพื่อรองรับคนจีนในอินโดนีเซียที่ชอบไปกวางโจว รวมจุดบินอื่นๆ อาทิ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น ซึ่งเริ่มต้นจะเน้นขายเป็นแพ็กเกจทัวร์ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกโรงแรม การเดินทาง วางแผนการเที่ยวและช็อปปิ้ง
การดำเนินธุรกิจของไทยไลออน แอร์ ในอนาคต ยังมีแผนจะแยกการบริการในเส้นทางบินระยะไกล ในการบินไปยังโตเกียว โซล เมืองด้านเหนือของจีน ซึ่งจะเป็นบริการแบบพรีเมียม ไม่ใช่ราคาต่ำ ซึ่งในขณะนี้กลุ่มไลออน กำลังศึกษาถึงแผนการสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างมาให้บริการในเส้นทางบินระยะไกลในปี 2559 อาทิ โบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ แอร์บัส A350 เพราะมองว่าเส้นทางบินระยะไกล (เกิน 7 ชั่วโมง) ไม่เหมาะที่จะทำการบินแบบราคาต่ำ เพราะผู้โดยสารจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย
นายรุสดี กล่าวว่า ที่สำคัญคือ เรามีกัปตันวรวุฒิ วงศ์โกสิตกุล รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบินของไทยไลออน แอร์ ซึ่งเป็นนักบินที่มีประสบการณ์สูง เป็นผู้รับผิดชอบการฝึกฝน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับบริการมีความปลอดภัยและเราปฏิบัติตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ กัปตันวรวุฒิ วงศ์โกสิตกุล เป็นคนสัญชาติไทยที่ได้ทำงานในอุตสาหกรรมการบินเป็นเวลา 35 ปี และเริ่มอาชีพนี้กับสายการบินไทย ในฐานะผู้ดูแลเที่ยวบินก่อนที่จะเป็นนักบิน เป็นผู้ฝึกอบรม เขาได้บิน McDonnell ดักลาส DC-10s, โบอิ้ง 737s, แอร์บัส และ โบอิ้ง A300s 747-400s สำหรับ การบินไทย ตำแหน่งสุดท้ายของเขาคือ เป็นกัปตัน 747-400 จากนั้นเขาก็เข้าทำงานกับสายการบินเกาหลี เป็นกัปตัน 747-400 และเขาตัดสินใจที่จะกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากที่เขาเปลี่ยนไปฝึกอบรมนักบิน โดยการเข้าร่วมให้คำปรึกษาด้านการบินและการฝึกอบรมขององค์กรการบิน จากนั้นเขาเข้าร่วมกับเป็นผู้ตรวจสอบเที่ยวบิน เป็นอาจารย์ฝึกนักบินเพื่อขับเครื่องจำลองการบิน ประสบการณ์อันยาวนานของเขาสายการบิน จะมีประโยชน์กับการฝึกฝนนักบินของเราอย่างมาก