Treasury Department ของสหรัฐ แถลงข้อมูลว่าขณะนี้รัฐบาลกลางของสหรัฐมีการขาดดุลอยู่ที่ 680 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับจากปี 2008 โดยลดลง 51% จากปี 2009 ซึ่งมีการขาดดุลสูงสุดที่ 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การขาดดุลในปีนี้คิดเป็น 4.1% ของ GDP ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 5 ปีอีกด้วย โดยมีการขาดดุลถึง 10%ของ GDP ในปี 2009 และ 6.8%ในปีที่แล้ว
รายได้ที่เพิ่มขึ้นมีส่วนถึง 79 % ทำให้การขาดดุลลดลงจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้การเงินมีความแข็งแกร่งขึ้นในระยะใกล้ ทั้งเศรษฐกิจที่มีการกระเตื้องขึ้น และมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งรวมไปถึงการหมดอายุของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การตัดงบประมาณ และการเพิ่มภาษีสำหรับคนมีรายได้สูงในปี 2013
โดยรวมในปี 2013 รัฐบาลมีการใช้จ่ายเป็นจำนวน 20.8% ของ GDP ลดลงจากปีก่อนที่ 22% ซึ่งเป็นผลมาจากรายจ่ายที่ลดลงทางด้านความมั่นคงทางทหารและผลประโยชน์ของผู้ว่างงาน แต่กลับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของการประกันสังคมและการประกันสุขภาพผู้สูงอายุเงินที่เข้าไปเป็นเงินกองทุนของรัฐบาลกลางคิดเป็น 16.7% ของ GDP เพิ่มขี้นจาก 15.2% ในปี 2012
มาตรการรัดเข็มขัดยังดำเนินต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า สำนักงานงบประมาณรัฐสภาคาดว่าว่าการขาดดุลจะลดลงเหลือ 2.1% ของ GDP ในปี 2015 ก่อนที่จะเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นอย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกังวลไม่ใช่การขาดดุลของประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่กลับเป็นการกังวลว่าในอีกหลายสิบปีข้างหน้าการใช้จ่ายในโปรแกรมสิทธิต่างๆและดอกเบี้ยของหนี้สินที่จะมีปริมาณมากขึ้นจนกระทั่งรายได้ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ทันต่างหาก
ข่าวจาก
http://s30768309107.whotrades.com/blog/43804474959
สหรัฐขาดดุลลดลงเหลือ 680 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำสุดนับจากปี 2008
รายได้ที่เพิ่มขึ้นมีส่วนถึง 79 % ทำให้การขาดดุลลดลงจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้การเงินมีความแข็งแกร่งขึ้นในระยะใกล้ ทั้งเศรษฐกิจที่มีการกระเตื้องขึ้น และมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งรวมไปถึงการหมดอายุของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การตัดงบประมาณ และการเพิ่มภาษีสำหรับคนมีรายได้สูงในปี 2013
โดยรวมในปี 2013 รัฐบาลมีการใช้จ่ายเป็นจำนวน 20.8% ของ GDP ลดลงจากปีก่อนที่ 22% ซึ่งเป็นผลมาจากรายจ่ายที่ลดลงทางด้านความมั่นคงทางทหารและผลประโยชน์ของผู้ว่างงาน แต่กลับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของการประกันสังคมและการประกันสุขภาพผู้สูงอายุเงินที่เข้าไปเป็นเงินกองทุนของรัฐบาลกลางคิดเป็น 16.7% ของ GDP เพิ่มขี้นจาก 15.2% ในปี 2012
มาตรการรัดเข็มขัดยังดำเนินต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า สำนักงานงบประมาณรัฐสภาคาดว่าว่าการขาดดุลจะลดลงเหลือ 2.1% ของ GDP ในปี 2015 ก่อนที่จะเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นอย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกังวลไม่ใช่การขาดดุลของประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่กลับเป็นการกังวลว่าในอีกหลายสิบปีข้างหน้าการใช้จ่ายในโปรแกรมสิทธิต่างๆและดอกเบี้ยของหนี้สินที่จะมีปริมาณมากขึ้นจนกระทั่งรายได้ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ทันต่างหาก
ข่าวจาก http://s30768309107.whotrades.com/blog/43804474959