อานาปานสติสูตร VS มหาสติปัฏฐานสูตร ....

ความนำ
เห็นกระทู้ http://ppantip.com/topic/31169837
พาดหัว "โดยเฉพาะ ข้อความ" ว่า (ผู้ใดตั้ง ยกไว้)
----->"มหาสติปัฏฐาน 4 นั้นมีหลายกรรมฐานในมหาสติปัฏฐาน " (ที่เหลือ ผมตัดทิ้ง  ไม่ใช่ประเด็นกระทู้นี้) <-------


เกิดความเห็นดังนี้
(๑)  ไม่มี พระพุทธดำรัสใด ตรัสไว้  แล้วพระเถระครั้งปฐมสังคายนา "อมแล้วบ้วน" (สังคีติ + มุขปาฐะ) ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  มหาสติปัฏฐาน ทั้ง 4 เป็นอย่างไรเล่า?  (แล้วตรัสต่อว่า)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  มหาสติปัฏฐาน ทั้ง 4  ได้แก่ ฯลฯ -------> คือพระสูตรตามที่ปรากฎใน "มหาสติปัฏฐานสูตร"


(๒)  ดังนั้น "ไม่มี มหาสติปัฏฐาน 4"   ------- ในชั้น  "พุทธดำรัส"  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(๓)  ใครที่ ใช้คำว่า "มหาสติปัฏฐาน 4"  
พระเถระครั้งปฐมสังคายนา หรือ พระอรรถกถาจารย์ หรือ ฯลฯ ?

สรุป
มหาสติปัฏฐานสูตร (เป็นพุทธดำรัส)  ไม่ใช่  มหาสติปัฏฐาน 4 (ไม่ใช่พุทธดำรัส)

อ้างหลักฐาน
http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

มหาสติปัฏฐานสูตร - วิกิซอร์ซ
th.wikisource.org/wiki/มหาสติปัฏฐานสูตร‎
3 ม.ค. 2556 - เอวัมเม สุตัง. อันข้าพเจ้า (พระอานนท์เถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้, เอกัง สะมะยัง ภะคะวา กุรูสุ วิหะระติ, กัมมะสะธัมมัง นามะ กุรูนัง.

จบความนำที่ ๑
---------------


อานาปานสติสูตร VS มหาสติปัฏฐานสูตร .... นั้น  ผม เสนอว่า
เนื่องกับ "ที่ตรัสว่า"


สติปัฏฐานทั้งสี่ ย่อมบริบูรณ์ เมื่อ อานาปานสติบริบูรณ์ ------------ อริยสัจจากพระโอษฐ์  หน้า ๑๑๙๘
สติปัฏฐานสี่บริบูรณ์ ย่อมทำโพชฌงค์ให้บริบูรณ์ -------------------- อริยสัจจากพระโอษฐ์  หน้า ๑๒๐๑
สติปัฏฐานสี่ที่ทำโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้บริบูรณ์ -------------------------- อริยสัจจากพระโอษฐ์  หน้า ๑๑๘๐
อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว -------------------- อานาปานสติภาวนา  หน้า ๔๙๙
ย่อมมีอานิสงส์ใหญ่ ย่อมมีผลใหญ่


ปัญจุปาทานขันธ์ ไม่อาจจะเกิด
เมื่อรู้เท่าทัน เวทนาในปฏิจจสมุปบาท ------------------------------- ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์  หน้า ๓๓๕

^^^
ฯลฯ
ด้วยอาการอย่างนี้แล  อัฏฐังคิมรรค อันเป็นอริยะ ของเขานั้น
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ ---------------------------- ตรงตาม พระสูตรใด?  เช่น  
                                                                                    มหาจัตตารีสักกสูตร + อานาปานสติอานิสงส์ ๗

เมื่อเขาทำอัฏฐังคิมรรค อันเป็นอริยะ ------------------------------ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ให้เจริญอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ -------------------------------------  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สติปัฏฐานทั้งหลาย แม้ทั้ง ๔
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ --------------------------- ขั้น ? ตรงตาม พระสูตรใด?

สัมมัปปธานทั้งหลาย แม้ทั้ง ๔
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ --------------------------- ขั้น ? ตรงตาม พระสูตรใด?

อิทธิบาททั้งหลาย แม้ทั้ง ๔
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ --------------------------- ขั้น ? ตรงตาม พระสูตรใด?

อินทรีย์ทั้งหลาย แม้ทั้ง ๕
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ --------------------------- ขั้น ? ตรงตาม พระสูตรใด?

พละทั้งหลาย แม้ทั้ง ๕
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ --------------------------- ขั้น ? ตรงตาม พระสูตรใด?

โพชฌงค์ทั้งหลาย แม้ทั้ง ๗
ย่อมถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งความเจริญ --------------------------- ขั้น ? ตรงตาม พระสูตรใด?

ธรรมทั้งสอง  คือสมถะและวิปัสสนา ของเขานั้น
ย่อมเคียงคู่กันไป --------------------------------------------------- ใครที่ชอบ แยก สมถะ ออกจาก วิปัสสนา  ค้าน พระพุทธดำรัสนี้ มั๊ย

บุคคลนั้น
ย่อม กำหนดรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคล (ผู้สาวกในกรณีนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง) พึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

ย่อมละ (ธรรมที่พึงละ) ด้วยปัญญาอันยิ่ง
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคล (ผู้สาวกในกรณีนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง) พึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

ย่อมทำให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง -------------------------- (จนกว่าจะเกิด  ผลคือ สัมมาวิมุตติ มั๊ง  ดู สัมมัตตะ ๑๐ ฯ)
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคล (ผู้สาวกในกรณีนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง) พึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

ย่อมทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง
ซึ่งธรรมทั้งหลายอันบุคคล (ผู้สาวกในกรณีนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง) พึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก็ ธรรมเหล่าไหนเล่า เป็นธรรมอันบุคคล (ผู้สาวกในกรณีนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง) พึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

คำตอบ  พึงมีว่า --------------------------------------------------- มีตามพุทธดำรัส  ไม่ใช่ ตาม อรรถกถา เล่มที่ 77 ฯลฯ

ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย ------------------------------------- คือธรรมทั้งหลายอันบุคคล
                                                                                 (ผู้สาวกในกรณีนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง) พึงกำหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง

กล่าวคือ
อุปาทานขันธ์คือรูป
อุปาทานขันธ์คือเวทนา
อุปาทานขันธ์คือสัญญา
อุปาทานขันธ์คือสังขาร
อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ

ฯลฯ
จบความที่ ๒
------------------------------



พินิจ ตามที่ตรัสไว้ว่า
(๑)
อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว -------------------- อานาปานสติภาวนา  หน้า ๔๙๙
ย่อมมีอานิสงส์ใหญ่ ย่อมมีผลใหญ่  ---------------------------------- พระพุทธภาษิต เอกธัมมวัคค์ อานาปานสติสังยุตตื สังยุตตนิกาย
                                                                                      ๑๙/ ๓๙๗/๑๓๑๔
กับ

(๒)
ปัญจุปาทานขันธ์ ไม่อาจจะเกิด
เมื่อรู้เท่าทัน เวทนาในปฏิจจสมุปบาท ------------------------------- ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์  หน้า ๓๓๕



เมื่อ ตั้งต้นที่ "ปริยัติ" -----> ดุจแผนที่ ใช้เดินทาง บรรลุ เป้าหมายข้างบน (๑) กับ (๒)

อานาปานสติสูตร (๑๙/ ๓๙๗/๑๓๑๔)  VS มหาสติปัฏฐานสูตร (มหาสติปัฏฐานสูตร - วิกิซอร์ซ)

ประเด็น สนทนา
แผนที่ฉบับใด "น่านำมาใช้กว่ากัน เพราะ  ไม่มากมายฯ" แล้ว สอดคล้องกับ ที่ตรัสว่า "เป็นอยู่โดยชอบ โลกจักไม่ว่างจากพระอริยเจ้า"  (จากความจำ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่