'สุเทพ' เปิดแผนแรกหลัง 'เป่านกหวีด' ใช้ 'กองกำลังชรา' ยึดศาลากลางสุราษฎร์ฯ

ที่มา: หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556





เมื่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมฉบับ "วรชัย เหมะ" ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) ถูกแปรญัตติ "ทะลุซอย" ด้วยแรกผลักของคนการเมืองใกล้ชิด "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี

เมื่อ "คำสั่งแดนไกล" เคลียร์-คัท-เปิดเป้าหมายชัดเจนว่า เป็นไปเพื่อล้างผิด โละคดี และอาจถึงขั้นคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทให้ "นายใหญ่" สำทับด้วยสัญญาณ "สู้ไม่ถอย" ที่หลุดจากปาก "พ.ต.ท.ทักษิณ" เองว่า "ถ้าให้รับกันเนี่ย คำว่าแพ้ผมสะกดไม่เป็น ไม่ตายถือว่ายังไม่จบเกม"

จึงได้เวลาที่ "ขั้วตรงข้าม" จะรอฟังเสียนกหวีดของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผู้ประกาศตัวพร้อมถอดสูท ทิ้งสภา ผันตัวไปเป็น "นักรบข้างถนน" ทันทีที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านการพิจารณาวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร

ในขณะที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เฝ้านับถอยหลังนึกถึงวันได้ "กลับบ้านอย่างเท่ๆ" "สุเทพ" กำลังนับถอยหลังวันที่ต้องหันหลังให้สภา นาทีต้องแยกจาก ปชป. พรรคการเมืองเดียวในชีวิตที่เขาทำงานรับใช้มา 35 ปี ทว่าเขายืนยันว่าจะไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

ทุกกลไกในการต่อสู้ถูกตระเตรียม ทุกกลเกมจากนี้คือความเสี่ยงสูงสุด "สุเทพ" กำนกหวีดในมือแน่น สนทนากับ "เครือเนชั่น" ก่อนความเคลื่อนไหวจะปรากฏหลังสิ้นเสียงนกหวีด...


พร้อมจะลาออกจาก ส.ส. ไปเป็นผู้นำมวลชนข้างถนนแล้วใช่หรือไม่

เรื่องจะลาออกหรือไม่ ไม่สำคัญ วันนี้เสื้อแดงก็อยู่ในสภาเต็มไปหมด ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปทำอย่างนั้น แต่สิ่งที่จะทำคือ แยกทางกับพรรค ก่อนอื่นต้องบอกว่า พวกผมคิดตั้งแต่ตอนเลือกตั้งปี 2554 แล้วว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ชนะ เขาคงออกกฎหมายลบล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ก็มาเจื้อยแจ้วว่า ตั้งใจมาพัฒนาประเทศ เข้ามาแก้ไข ไม่แก้แค้น วันนี้พิสูจน์แล้วว่าโกหก เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัยเข้าสภา ทีแรกบอกช่วยแต่ชาวบ้าน ไม่มีแกนนำ ทำโอ้ๆ เอ้ๆ ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) แต่พอประชาชนเผลอ รุกวันเดียว แปรญัตติทะลุซอยไปเลย แสดงเป้าหมายแท้จริงออกมาว่า ต้องการใช้สภาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมุนบริวาร

ที่ผ่านมา ปชป. ได้ต่อสู้คัดค้านโดยกรอบของกฎหมาย สู้ในสภา แต่ขณะเดียวกันเราไม่ปิดกั้นตัวเองในการเชื่อมโยงกับประชาชนข้างนอก จึงตั้งเวที "ผ่าความจริง" มาแล้ว 73 เวที สำหรับผมประกาศชัดเจนว่า หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้รับการโหวตวาระ 3 ของสภา จะออกมาสู้กับประชาชน จะยุติบทบาทการทำงานให้พรรคโดยสิ้นเชิง แต่เน้นบทบาทการปกป้องบ้านเมืองและแผ่นดิน จะมาต่อสู้ข้างนอกเต็มรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องยึดระบอบรัฐสภาแล้ว เพราะผมเดินจนถึงขีดสุดแล้วในสภา มันต้องแยกกัน เพราะผมไม่สามารถชวนพรรคออกมาอยู่ข้างนอกได้ ปชป. มีประวัติศาสตร์การต่อสู้มา 60-70 ปี และเขาก็สู้ในระบบ และผมหวังว่าวันหนึ่งเขาจะมีโอกาสทำหน้าที่ในระบบต่อไป


ชื่อ "สุเทพ" ถูกมองเป็นสัญลักษณ์ ปชป. การประกาศแยกทางกับพรรคจะทำให้สังคมคิดว่าเหมือนเวลา พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าไม่เกี่ยวกับ พท. หรือเปล่า

คนละอย่างนะ เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย (หัวเราะ) พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นทุกอย่างของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย เพราะเขาเป็นเจ้าของเงิน เจ้าของพรรค แต่ ปชป. ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง เป็นของประชาชน ผมเข้ามาอยู่ใน ปชป. ก็เป็นสมาชิกคนหนึ่ง เมื่ออยู่นานไปก็ได้ทำหน้าที่รับใช้พรรคมากขึ้นตามแต่ได้รับมอบหมาย แต่ผมไม่ใช่พรรค และพรรคก็ไม่ใช่ผม ผมเดินออกมา พรรคก็ยังอยู่ได้ มีคุณชวน (หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค) คุณบัญญัติ (บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค) คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค)


คนเหล่านี้จะไม่เดินตามท่านไปขึ้นเวทีบนถนนหรือ

ไม่ใช่ ใจเย็นๆ ตอนที่ผมทำเวทีผ่าความจริง แล้วคุณชวน คุณบัญญัติ คุณอภิสิทธิ์ ออกมาขึ้นเวทีได้ เพราะเขายังสามารถทำได้ในฐานะ ส.ส. ที่ออกมาให้ความรู้กับประชาชน แต่ถ้าวันไหนผมคิดล้มรัฐบาลเนี่ย เขาทำไม่ได้ ปชป. ต้องหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเขามาด้วยการเลือกตั้ง จะมาล้มรัฐบาลด้วยวิธีข้างถนนได้อย่างไร แต่ผมบอกไม่เอาแล้วอย่างนั้น


วันเป่านกหวีด จะเห็นภาพ "สุเทพ" กับ ปชป. เป็นอย่างไร

เอ่อ... ผมไม่ได้โกรธอะไรกันนี่ (หัวเราะ) แต่ผมจะออกไปทำงานกับมวลชนเต็มตัว ถึงวันเป่านกหวีด ผมจะออกไปร่วมมือกับผู้นำมวลชนทั้งหลาย ลงมือต่อสู้กับรัฐบาล กับความไม่ชอบธรรมไม่ถูกต้อง อาจถึงขั้นต้องล้มล้างรัฐบาลที่เห็นว่าเป็นพิษเป็นภัย อยู่ไปก็ยิ่งสร้างความเสียหายแก่ประเทศ ซึ่ง ปชป. เขาไปกับผมไม่ได้แล้ว เขาคงจะจอดอยู่ตรงนั้น บ๊ายบาย


ส.ส. ปชป. จะไปส่งขึ้นเวทีที่อุรุพงษ์ หรือสวนลุมพินี หรือตั้งเวทีใหม่ขึ้นมาเองเลย

เขาไม่ต้องส่ง ผมไปของผมได้ ไม่ต้องมายุ่งกับผมแล้ว ผมทำของผมเอง ผมมีมวลชนจำนวนหนึ่งที่ไปคบหาพูดคุยตลอด ไปตกลงกันไว้ว่า ถึงที่สุดแล้ว เราต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่นะ มีเท่าไร ผมไม่รู้ ใครจะไปนับได้ ปลาในทะเล ถึงเวลามีประชาชนออกเท่าไร ผมไม่รู้ แต่ผมร่วมได้กับทุกคน เวลาผมทำงานการเมืองจะเอาความสำเร็จเป็นที่ตั้ง ใครก็ตามที่ไปในทิศทางเดียวกัน ผมสามัคคีได้ทุกคน แต่ผมก็มีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ ยึดหลักอหิงสา ไม่รบราฆ่าฟัน ไม่เผาบ้านเผาเมือง และต่อสู้โดยเปิดเผย ผมประกาศว่าจะยึดศาลากลาง แต่ไม่ใช่ไปเผาศาลากลางแบบที่เสื้อแดงทำนะ เวลาไปพูดกับชาวบ้าน เขาก็ชอบใจ คนเฒ่าคนแก่จะเป็นกำลังของผมในการยึดศาลากลาง จะเอาเชี่ยนหมากไปเลย ไปนั่งตะบันหมากที่เก้าอี้ผู้ว่าฯ เลย แต่กูไม่ได้ไปรบอะไรกับเมริง กูไม่ได้พาปืนมา กูเอาแต่เชี่ยนหมากไป (หัวเราะ) ไปนั่งเต็มไปหมดตามบันได เพื่อแสดงออกว่าเราปฏิเสธอำนาจรัฐ พวกคุณทำงานไม่ได้แล้ว ไม่ต้องไปเป็นขี้ข้ามันแล้ว มันไม่ใช่ผู้ปกครองที่ดี มันเป็นผู้ร้าย พวกคุณกลับบ้านเถอะ พวกเราจะนั่งเฝ้ารักษาศาลากลางให้แทน


เป้าหมายแรกของปฏิบัติการ "เป่านกหวีด" คือยึดศาลากลางสุราษฎร์ธานี

ศาลากลางสุราษฎร์ฯ แน่นอนอยู่แล้ว ตำรวจกำลังเตรียมการต้อนรับผมกันคึกคักเลย ผมไปแน่นอน แล้วจะมีคนที่คิดเหมือนผมที่จะขึ้นศาลากลางจังหวัดอื่นกี่แห่งก็ทำมา แต่ผมบอกแล้วว่าให้ไปมือเปล่า อย่าเอาอาวุธไป เดินเข้าไปทีละคนสองคน ไปนั่งเก้าอี้นั้นเก้าอี้นี้อยู่กันเต็มไปหมดเลย ใช้วิธีการนี้ จากนั้นก็อาจจะนัดหยุดงานทั้งประเทศ ชวนคนต่อต้านสินค้าเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยกระดับไปเรื่อยๆ


อะไรคือความเสี่ยงของการเอาเกมต่อสู้ใต้ดินขึ้นมาเล่นบนดิน

ความเสี่ยงก็คือถูกจับ (ยิ้มยิงฟัน ก่อนเงียบไปนิดหนึ่ง) ถูกเขาทำร้าย แต่ผมไม่สนใจ ผมจะทำเปิดเผย แสดงตัวชัดเจน ติดตามดูได้ และผมจะทำตามที่ผมพูด


แนวร่วมฝ่ายไหนที่จะช่วยให้ท่านไปถึงเส้นชัยได้

อย่าพูดเรื่องเส้นชัยเลย วันนี้ผมคิดว่าสู้ดีกว่าไม่สู้ วันที่จะเป็นจะตาย จะเสียชีวิตข้างหน้า จะได้ไม่ต้องเสียใจว่า รู้อย่างนี้สู้ดีกว่า เรารู้ว่าการสู้ครั้งนี้มีโอกาสชนะยาก แต่เราสู้ไปเพราะตระหนักว่าเป็นหน้าที่คนไทย


ถ้า "สุเทพ" ชนะ ปชป. จะชนะทางการเมืองด้วยหรือไม่

(หัวเราะ) อย่าคิดมากครับ มันมีคนพูดอย่างนั้น แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมคิดว่าเมื่อมีภัยเกิดขึ้นกับบ้านเมือง เรามีหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง ส่วนสิ่งที่เราทำต่อไปจะเป็นประโยชน์กับใครก็ว่ากันไป หากใครรีบด่วนสรุปจะเป็นบาปไปหน่อย


เล่นการเมืองมา 35 ปี เคยคิดหรือไม่ว่าต้องเกษียณบนถนน

ไม่เคย ไม่เคยเลย รู้ไหมวันที่ 7 สิงหาคม ผมเดินไปสภากับคุณชวน คุณบัญญัติ คุณอภิสิทธิ์ ผมถามคำถามนี้กับคุณชวนว่า "ท่านเป็น ส.ส. มา 45 ปี เคยนึกไหมว่าวันหนึ่งต้องมาเดินขบวนบนถนนกับประชาชน" "พี่ไม่เคยนึกเลย สุเทพ" ผมเหมือนกัน ไม่เคยคิดมาก่อน ผมเลือกสู้ในระบบ แต่ผมมาถึงจุดที่ผมเห็นว่า โอเค แต่วันข้างหน้าที่ผมจะเดินกับที่ท่านชวนเดินเนี่ย คนละอย่างนะ แต่ผมจะยังไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนเขาจะไล่ผมก็เป็นเรื่องของเขา มีคนในพรรคบอกเหมือนกันว่า สุเทพทำให้พรรคเสียหาย แต่ผมก็ไม่อะไร อยากจะตั้งคณะกรรมการสอบก็ว่ากันไป

ผมไม่ชวนพรรคออกมาร่วมด้วย ขนาดน้องชายผม ผมยังบอกว่า เฮ้ย! ไม่ต้องตามกู ให้มันเลือกเอง ตัดสินใจเอง เพราะนี่ชีวิต และชีวิตไม่ใช่ของเมริงคนเดียว ไปคุยกับลูกเมียก่อน ผมบอกน้องที่รักๆ กันในพรรคหลายคนว่า ไม่จำเป็นต้องมาธุดงค์กับผม ทางที่ผมจะไปข้างหน้ามันวิบากแล้ว ผมอยู่ในระบอบรัฐสภา มองไม่เห็นทางที่จะชนะมันได้ แต่ผมก็อยู่จนถึงวาระ 3 ส่วนที่เหลือมันไม่ใช่แล้ว ไม่ต้องไปรอในชั้นวุฒิสภาหรือศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เพราะมันเกินขอบเขตที่จะสู้แล้ว


ทางเดียวที่จะน็อกรัฐบาลได้คือบทถนนเท่านั้น

น็อกได้ หรือไม่ก็เขาน็อกเรา




หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ




==============================================================




มีอยู่คำถามหนึ่ง ที่ผมเห็นว่านักข่าวควรจะถามคุณสุเทพ คือ ถ้าในบรรดาคนที่ไปยึดศาลากลางที่ต่างๆ ขัดคำสั่งคุณสุเทพ ไม่ได้เอาไปแต่เชี่ยนหมาก แต่เอาอาวุธไปด้วย คุณสุเทพจะทำอย่างไรกับคนเหล่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่