โดย ชาวอังคาร
เมื่อ ศุกร์, 25/10/2013 - 09:41
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่กระผมหายหน้าหายตาไปจากบอร์ดนี้เสียนาน
ก็เหมือนๆท่านๆแหล่ะครับ ที่ภาระหน้าที่การงานที่ยุ่งมาก มีเวลาบ้างก็แค่เข้ามาอ่านกระทู้ต่างๆบ้าง
แต่ไม่มีเวลามานั่งเขียนกระทู้ หรือตอบกระทู้ของท่านใดเลย
วันนี้ที่การเมืองกำลังครุกรุ่น -- กระผมของอนุญาต แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่กำลัง hot hit ในขณะนี้ด้วยคน
พวกเราคงได้อ่านมุมมองของ การนิรโทษแบบเหมาเข่ง จากหลายๆท่านกันไปแล้ว ทั้งแบบเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย
มีหลายท่านที่นอกจากจะไม่เห็นด้วยแล้วยังรู้สึกผิดหวัง พรรคเพื่อไทย กันอย่างมาก
กระผมจะไม่โต้แย้งความรู้สึกไม่พอใจและผิดหวังของพวกท่าน
แต่ผมขออนญาตนำเสนอ ประเด็นนี้ ในมุมมองของผม
ท่านทั้งหลายครับ -- เราก็เห็น และทราบกันดีว่าการตัดสินคดีต่างๆที่ผ่านมาฝ่ายเราไม่ได้รับเป็นธรรมนัก
ต่างจากคดีทางฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายอำมาตย์ อย่างสิ้นเชิง
พวกเราก็ทราบกันดีว่าเกิดจากอะไร
รับประกันได้เลยว่า ผลตัดสินคดี ของนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ จะถูกลากยาวไปอย่างเนิ่นนานเท่าที่จะทำได้
และเมื่อผลการตัดสินออกมา ก็ไม่มีวันเป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง
ในทางตรงกันข้าม หากเราทำให้คดีเหล่านี้ "สิ้นสุด" ลงอย่างเร็วที่สุด โดยการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
แน่นอนว่า -- นายอภิสิทธิ์ ม นายสุเทพ และพวกที่ทำร้ายประชาชนคนเสื้อแดง ก็จะรอดคดี พ้นผิด
(ซึ่งรวมทั้ง พวกของเราที่ติดคุก และ ท่านนายกฯทักษิณ ก็จะได้ประโยขน์ พร้อมกันไปด้วย)
พวกท่านลองทำใจเย็นๆ และคิดตามที่กระผมกำลังจะอธิบายต่อจากนี้ไปนะครับ
เมื่อได้รับการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ไปแล้ว นั่นก็คือ "คดีสิ้นสุด"
เมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว ---
หากพวกเราที่ถือว่า ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการนิรโทษกรรม -
ก็จะสามารถ นำคดีความที่ "ถือว่า สิ้นสุด" ไปแล้วนี้ ไปฟ้องยัง ศาล ICC ได้
เพราะตราบใดที่คดียังคาอยู่ในศาล ทางกฏหมายถือว่า คดียังไม่สิ้นสุด
ต่อให้รัฐบาลลงนามสัตยาบรรณ ICC ในวันนี้ ก็ไม่สามารถรับคดีความที่กำลังอยู่ในวาระการพิจาณาของศาลได้
จะทำได้ ก็เพียงแต่คดีที่เกิดขึ้นหลังจากการลงนามเท่านั้น
ฉนั้น -- การที่คดีทุกคดียังคงอยู่ในวาระการพิจารณา (ซึ่งสามารถลากยาวได้มากกว่า 10 ปี)-
นั้นก็แปลว่า การพิจารณาคดีกว่า 10 ปี เหล่านี้นั้น-คือ safe zone ของ อภิสิทธิ์และพวก นั่นเอง
และในทางตรงกันข้าม ก็แปลว่า - คนที่ติดคุกของเรา รวมทั้ง นายกฯ ของเรา ก็จะอยู่ใน danger zone ตลอดระยะเวลาการพิจารณาคดี เช่นกัน
วิธิแก้ คือ
เราต้องทำให้การพิจารณาคดีจบโดยเร็ว -- turn over กลับข้าง แบบย้ายสมการเลข
กระผมขอยกตัวอยางแบบเป็นรูปธรรม นะครับ
ตัวอย่าง เช่น -- เมื่อนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง - ออกมา
เพื่อนในคุกของเราสามารถพ้นโทษออกมาได้ --
นายกฯ ของเราพ้นโทษ เป็นอิสระ
แม่น้องเกด สามารถนำเรื่อง น้องเกิดถูกยิงตายในหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิตผู้อื่นโดยมนุษยธรรม
ไปร้องขอต่อศาล ICC ได้ บนพื้นฐานว่าคดีนี้ "สิ้นสุดแล้ว" และ ผู้ร้อง (คุณแม่น้องเกด)ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศาลภายในประเทศ
แต่หากปล่อยให้การว่าความคดีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เช่นนี้ -- เป็น 10 ปี ก็ไม่สามารถทำอะไร นายอภิสิทธิ์ และ พวก ได้
พวกเราก็จะเห็นได้แค่ -- รูปนายอภิสิทธิ์พิมพ์นิ้วมือ และ ก็ได้รับการประกันตัวในทุกครั้ง
ในขณะที่เพื่อนเราก็ต้องติดคุกไปเรื่อยๆ -
นายกฯ เราก็มีคดีติดตัวไปเรื่อยๆ เช่นกัน
ฝ่ายเราเสียเปรียบ --- ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ได้เปรียบ
------------------
นอกจาก FACT ที่กระผมเรียนให้ทราบในข้อความด้านบนแล้ว
ต่อจากนี้ไป ขอเรียนให้ทราบถึง "วาระซ่อนเร้น" จาก "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง"
การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อ ปี 53 อย่าง...มโหด ไม่สามารถออกนิรโทษกรรมแล้วเรื่องก็จบไปแบบบ 6 ตุลา ได้หรอกครับ
เพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการณ์นี้มันมากมาย และส่งกระทบ-วงกว้างมากกว่า
สืบเนื่องมาจาก โลกในสมัย 2519 กับ โลกในสมัย 2553 มันต่างกัน
ในสมัย 2519 นั้น เรายังสามารถกวาดขยะไว้ใต้พรม ใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ หาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนให้ลืมๆกันไปได้
เพราะสื่อหลักสำหรับการสื่อสาร ก็มีเพียงวิทยุ โทรทัศน์ ที่อำมาตย์สามารถ control ได้เต็มร้อย
แต่สมัยนี้ ยุคที่ประชาชนมีสื่อของตัวเอง เป็นยุคที่ต่อให้สื่อเสนอข่าวด้านเดียว 24 ชม ประชาชนก็มีทางหา "ความจริง" มาสู่การรับรู้ของตนเองจนได้
ฉนั้น -- การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 จะไม่สามารถทำให้เรื่องเลือนหาย เหมือน 14 ตค - 6ตค ได้
จึง --- ต้องมี "ผู้รับผิดชอบ" --- มารับโทษ
มองกันตามจริง นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ไม่ใช่เพียง 2 คน ที่ควรต้องรับผิดชอบ รับโทษ
แต่สำหรับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ หากเราสามารถนำ นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ขึ้นศาล ICC ได้ ก็ถือว่าได้บรรลุไป 1 ขั้น ในเบื้องต้น
ในระยะเวลาต่อไปภายภาคหน้า เมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ รัฐบาลเข้มแข็งกว่านี้ ก็ค่อย -- " ต่อยอด" -- ว่ากันใน step ต่อไป
ลองคิดดูนะครับ -- ทำไม นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพลพรรค ถึงออกมาดิ้นกันพราดๆ กับ การนิรโทษเหมาเข่ง
เพราะพวกมัน "รู้" ว่าจะเกิดอะไร ต่อจากนิรโทษเหมาเข่ง พวกมันจะต้อง "เจอ" กับอะไรต่างหาก
ถึงได้ทำให้คนพวกนี้ ร้อง เอ๋งๆ ไม่ยอมให้นิรโทษเหมาเข่ง เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
ในยามนี้ที่องคพยพในการปกครองประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือ ในอำนาจของเครือข่ายอำมาตย์ มากกว่า รัฐบาล
ในยามที่ทหาร ยังถืออาวุธ ที่พร้อมจะหันปากกระบอก -เล็งมาที่รัฐบาล ได้ทุกเมื่อ
ในยามที่ประชาธิปไตย ยังไม่เข้มแข็งเต็ม 100
ผมว่า นี่คือ การก้าวเดิน ที่ realistic ที่สุด ที่เราควรจะก้าวเดินไป
แม้การกระทำเช่นนี้ ยังไม่สามารถนำเอา "ตัวการ" ทั้งหมด มาสู่ขบวนการยุติธรรมได้ทั้งหมดในขณะนี้ได้
แต่ได้แค่ จิกหัวเอา 2 ตัว นี้ให้ได้ก่อน --รวมทั้งเพื่อให้เพื่อนเราออกจากคุก
เพื่อให้นายกฯ เราพ้นผิด ผมว่าก็น่าจะเป็น step แรก ที่เป็น แผนการที่ make sense ที่สุดในขณะนี้
ดีกว่าที่เราจะมายึดติดว่า จะไม่ยอมให้นิรโทษกรรมนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ
การที่เราพยายามจะให้การฟ้องร้องคดียังคงดำเนินต่อไป โดยศาลภายในประเทศ นี่แหล่ะ
ที่จะช่วยยื้อ "อิสระภาพ" ให้นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพวก ไปได้เรื่อยๆ มากกว่า 10 ปี
และการทำให้คดียังไม่สิ้นสุด นี่แหล่ะ คือ สิ่งที่ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องการ และพยายามยื้อไว้ให้ได้นานที่สุด.
----------------------------
ขอออกความเห็นแค่นี้นะครับ --
ขอบคุณครับ
-------- เบื้องหลัง และ วาระซ่อนเร้น ของ "นิรโทษเหมาเข่ง" ----
เมื่อ ศุกร์, 25/10/2013 - 09:41
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่กระผมหายหน้าหายตาไปจากบอร์ดนี้เสียนาน
ก็เหมือนๆท่านๆแหล่ะครับ ที่ภาระหน้าที่การงานที่ยุ่งมาก มีเวลาบ้างก็แค่เข้ามาอ่านกระทู้ต่างๆบ้าง
แต่ไม่มีเวลามานั่งเขียนกระทู้ หรือตอบกระทู้ของท่านใดเลย
วันนี้ที่การเมืองกำลังครุกรุ่น -- กระผมของอนุญาต แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่กำลัง hot hit ในขณะนี้ด้วยคน
พวกเราคงได้อ่านมุมมองของ การนิรโทษแบบเหมาเข่ง จากหลายๆท่านกันไปแล้ว ทั้งแบบเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย
มีหลายท่านที่นอกจากจะไม่เห็นด้วยแล้วยังรู้สึกผิดหวัง พรรคเพื่อไทย กันอย่างมาก
กระผมจะไม่โต้แย้งความรู้สึกไม่พอใจและผิดหวังของพวกท่าน
แต่ผมขออนญาตนำเสนอ ประเด็นนี้ ในมุมมองของผม
ท่านทั้งหลายครับ -- เราก็เห็น และทราบกันดีว่าการตัดสินคดีต่างๆที่ผ่านมาฝ่ายเราไม่ได้รับเป็นธรรมนัก
ต่างจากคดีทางฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายอำมาตย์ อย่างสิ้นเชิง
พวกเราก็ทราบกันดีว่าเกิดจากอะไร
รับประกันได้เลยว่า ผลตัดสินคดี ของนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ จะถูกลากยาวไปอย่างเนิ่นนานเท่าที่จะทำได้
และเมื่อผลการตัดสินออกมา ก็ไม่มีวันเป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง
ในทางตรงกันข้าม หากเราทำให้คดีเหล่านี้ "สิ้นสุด" ลงอย่างเร็วที่สุด โดยการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง
แน่นอนว่า -- นายอภิสิทธิ์ ม นายสุเทพ และพวกที่ทำร้ายประชาชนคนเสื้อแดง ก็จะรอดคดี พ้นผิด
(ซึ่งรวมทั้ง พวกของเราที่ติดคุก และ ท่านนายกฯทักษิณ ก็จะได้ประโยขน์ พร้อมกันไปด้วย)
พวกท่านลองทำใจเย็นๆ และคิดตามที่กระผมกำลังจะอธิบายต่อจากนี้ไปนะครับ
เมื่อได้รับการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ไปแล้ว นั่นก็คือ "คดีสิ้นสุด"
เมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว ---
หากพวกเราที่ถือว่า ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการนิรโทษกรรม -
ก็จะสามารถ นำคดีความที่ "ถือว่า สิ้นสุด" ไปแล้วนี้ ไปฟ้องยัง ศาล ICC ได้
เพราะตราบใดที่คดียังคาอยู่ในศาล ทางกฏหมายถือว่า คดียังไม่สิ้นสุด
ต่อให้รัฐบาลลงนามสัตยาบรรณ ICC ในวันนี้ ก็ไม่สามารถรับคดีความที่กำลังอยู่ในวาระการพิจาณาของศาลได้
จะทำได้ ก็เพียงแต่คดีที่เกิดขึ้นหลังจากการลงนามเท่านั้น
ฉนั้น -- การที่คดีทุกคดียังคงอยู่ในวาระการพิจารณา (ซึ่งสามารถลากยาวได้มากกว่า 10 ปี)-
นั้นก็แปลว่า การพิจารณาคดีกว่า 10 ปี เหล่านี้นั้น-คือ safe zone ของ อภิสิทธิ์และพวก นั่นเอง
และในทางตรงกันข้าม ก็แปลว่า - คนที่ติดคุกของเรา รวมทั้ง นายกฯ ของเรา ก็จะอยู่ใน danger zone ตลอดระยะเวลาการพิจารณาคดี เช่นกัน
วิธิแก้ คือ
เราต้องทำให้การพิจารณาคดีจบโดยเร็ว -- turn over กลับข้าง แบบย้ายสมการเลข
กระผมขอยกตัวอยางแบบเป็นรูปธรรม นะครับ
ตัวอย่าง เช่น -- เมื่อนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง - ออกมา
เพื่อนในคุกของเราสามารถพ้นโทษออกมาได้ --
นายกฯ ของเราพ้นโทษ เป็นอิสระ
แม่น้องเกด สามารถนำเรื่อง น้องเกิดถูกยิงตายในหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิตผู้อื่นโดยมนุษยธรรม
ไปร้องขอต่อศาล ICC ได้ บนพื้นฐานว่าคดีนี้ "สิ้นสุดแล้ว" และ ผู้ร้อง (คุณแม่น้องเกด)ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศาลภายในประเทศ
แต่หากปล่อยให้การว่าความคดีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เช่นนี้ -- เป็น 10 ปี ก็ไม่สามารถทำอะไร นายอภิสิทธิ์ และ พวก ได้
พวกเราก็จะเห็นได้แค่ -- รูปนายอภิสิทธิ์พิมพ์นิ้วมือ และ ก็ได้รับการประกันตัวในทุกครั้ง
ในขณะที่เพื่อนเราก็ต้องติดคุกไปเรื่อยๆ -
นายกฯ เราก็มีคดีติดตัวไปเรื่อยๆ เช่นกัน
ฝ่ายเราเสียเปรียบ --- ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ได้เปรียบ
------------------
นอกจาก FACT ที่กระผมเรียนให้ทราบในข้อความด้านบนแล้ว
ต่อจากนี้ไป ขอเรียนให้ทราบถึง "วาระซ่อนเร้น" จาก "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง"
การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อ ปี 53 อย่าง...มโหด ไม่สามารถออกนิรโทษกรรมแล้วเรื่องก็จบไปแบบบ 6 ตุลา ได้หรอกครับ
เพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการณ์นี้มันมากมาย และส่งกระทบ-วงกว้างมากกว่า
สืบเนื่องมาจาก โลกในสมัย 2519 กับ โลกในสมัย 2553 มันต่างกัน
ในสมัย 2519 นั้น เรายังสามารถกวาดขยะไว้ใต้พรม ใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ หาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนให้ลืมๆกันไปได้
เพราะสื่อหลักสำหรับการสื่อสาร ก็มีเพียงวิทยุ โทรทัศน์ ที่อำมาตย์สามารถ control ได้เต็มร้อย
แต่สมัยนี้ ยุคที่ประชาชนมีสื่อของตัวเอง เป็นยุคที่ต่อให้สื่อเสนอข่าวด้านเดียว 24 ชม ประชาชนก็มีทางหา "ความจริง" มาสู่การรับรู้ของตนเองจนได้
ฉนั้น -- การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 จะไม่สามารถทำให้เรื่องเลือนหาย เหมือน 14 ตค - 6ตค ได้
จึง --- ต้องมี "ผู้รับผิดชอบ" --- มารับโทษ
มองกันตามจริง นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ไม่ใช่เพียง 2 คน ที่ควรต้องรับผิดชอบ รับโทษ
แต่สำหรับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ หากเราสามารถนำ นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ขึ้นศาล ICC ได้ ก็ถือว่าได้บรรลุไป 1 ขั้น ในเบื้องต้น
ในระยะเวลาต่อไปภายภาคหน้า เมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ รัฐบาลเข้มแข็งกว่านี้ ก็ค่อย -- " ต่อยอด" -- ว่ากันใน step ต่อไป
ลองคิดดูนะครับ -- ทำไม นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพลพรรค ถึงออกมาดิ้นกันพราดๆ กับ การนิรโทษเหมาเข่ง
เพราะพวกมัน "รู้" ว่าจะเกิดอะไร ต่อจากนิรโทษเหมาเข่ง พวกมันจะต้อง "เจอ" กับอะไรต่างหาก
ถึงได้ทำให้คนพวกนี้ ร้อง เอ๋งๆ ไม่ยอมให้นิรโทษเหมาเข่ง เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
ในยามนี้ที่องคพยพในการปกครองประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือ ในอำนาจของเครือข่ายอำมาตย์ มากกว่า รัฐบาล
ในยามที่ทหาร ยังถืออาวุธ ที่พร้อมจะหันปากกระบอก -เล็งมาที่รัฐบาล ได้ทุกเมื่อ
ในยามที่ประชาธิปไตย ยังไม่เข้มแข็งเต็ม 100
ผมว่า นี่คือ การก้าวเดิน ที่ realistic ที่สุด ที่เราควรจะก้าวเดินไป
แม้การกระทำเช่นนี้ ยังไม่สามารถนำเอา "ตัวการ" ทั้งหมด มาสู่ขบวนการยุติธรรมได้ทั้งหมดในขณะนี้ได้
แต่ได้แค่ จิกหัวเอา 2 ตัว นี้ให้ได้ก่อน --รวมทั้งเพื่อให้เพื่อนเราออกจากคุก
เพื่อให้นายกฯ เราพ้นผิด ผมว่าก็น่าจะเป็น step แรก ที่เป็น แผนการที่ make sense ที่สุดในขณะนี้
ดีกว่าที่เราจะมายึดติดว่า จะไม่ยอมให้นิรโทษกรรมนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ
การที่เราพยายามจะให้การฟ้องร้องคดียังคงดำเนินต่อไป โดยศาลภายในประเทศ นี่แหล่ะ
ที่จะช่วยยื้อ "อิสระภาพ" ให้นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพวก ไปได้เรื่อยๆ มากกว่า 10 ปี
และการทำให้คดียังไม่สิ้นสุด นี่แหล่ะ คือ สิ่งที่ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องการ และพยายามยื้อไว้ให้ได้นานที่สุด.
----------------------------
ขอออกความเห็นแค่นี้นะครับ --
ขอบคุณครับ