เป็นข้อความที่ผมได้พิมพ์ลงใน Notes ใน Facebook ส่วนตัวผมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เผยแพร่ออกไป
เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่ผมลองคิดวิเคราะห์จากมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิมครับ
การรู้จักกัน
ความลึกล้ำทางจิต มิติต่างๆ ของจิตใจนั้นยากที่จะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
การประสานกันของจิตในแต่ละมิติที่แต่งต่าง จิตใจจึงเปรียบเสมือนสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา การที่จะศึกษาและทำความเข้าใจในตัวบุคคลนั้นๆ อย่างถูกต้องและลึกซึ้งจึงเป็นไปได้ยาก ยิ่งหากผู้สังเกตุการณ์ มองเพียงมิติเดียวของผู้ถูกสังเกตุ ก็จะเกิดความเข้าใจและตีความบุคคลนั้นๆ ไปตามมิติที่ตนมองเห็น ซึ่งอาจจะไม่ได้ครอบคลุมครบ หรือรู้แจ้งในสิ่งที่ตัวบุคคลนั้นๆ เป็น
หากแต่การศึกษา และเรียนรู้สภาวะของตัวบุคคล ไม่สามารถทำได้จากการสังเกตุแต่ภายนอกเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ระยะเวลา การคลุกคลี เพื่อให้กระบวนการทางความคิด การแสดงออกของตัวบุคคลแสดงออกมา จากนั้นก็แล้วแต่ผู้สังเกตุการณ์ว่าจะเลือกที่จะมองเพียงมิติเดียว หรือหลายมิติของตัวบุคคล
หากเข้าใจในตัวบุคคลนั้น มิติต่างๆ ที่ตัวบุคคลนั้นเป็น แม้จะไม่ครอบคลุมทั้งหมด ก็พอจะทำให้รับรู้ถึงนิสัย และความเป็นตัวตนของบุคคลได้ หลังจากนั้นเป็นการตัดสินใจของผู้สังเกตุการณ์ ว่าจะเลือกที่จะเปิดรับมิติไหน ยอมรับมิติของจิตใจด้านนั้นๆ ของตัวบุคคล ดั่งเช่นที่เคยได้ยินกันเป็นประจำว่า "รับได้และพูดคุยกับคนๆ นั้น ได้เพียงบางเรื่องเท่านั้น"
หากมิติทางจิตใจของผู้สังเกตุการณ์ และผู้ถูกสังเกดุการณ์ มีความใกล้เคียงกันในหลากหลายมิติ และเกิดการยอมรับซึ่งกันและกันในแต่ละมิติ เชิงหลายมิติของสภาวะจิตจะเกิดการซับซ้อนยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ที่จะก้าวหน้าขึ้น พร้อมสภาวะของมิติจิดใจ ที่จะเติบโตขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของต่างฝ่าย การคงอยู่ด้วยกันจะดำเนินต่อไป หรือสิ้นสุดตรงจุดไหน ไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าได้ ความลึกและซับซ้อนของมิติทางจิต มีมากเกินที่จะสามารถคาดเดาอนาคตล่วงหน้าของบุคคลนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง
การรู้จักกัน
เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่ผมลองคิดวิเคราะห์จากมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิมครับ
การรู้จักกัน
ความลึกล้ำทางจิต มิติต่างๆ ของจิตใจนั้นยากที่จะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
การประสานกันของจิตในแต่ละมิติที่แต่งต่าง จิตใจจึงเปรียบเสมือนสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา การที่จะศึกษาและทำความเข้าใจในตัวบุคคลนั้นๆ อย่างถูกต้องและลึกซึ้งจึงเป็นไปได้ยาก ยิ่งหากผู้สังเกตุการณ์ มองเพียงมิติเดียวของผู้ถูกสังเกตุ ก็จะเกิดความเข้าใจและตีความบุคคลนั้นๆ ไปตามมิติที่ตนมองเห็น ซึ่งอาจจะไม่ได้ครอบคลุมครบ หรือรู้แจ้งในสิ่งที่ตัวบุคคลนั้นๆ เป็น
หากแต่การศึกษา และเรียนรู้สภาวะของตัวบุคคล ไม่สามารถทำได้จากการสังเกตุแต่ภายนอกเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ระยะเวลา การคลุกคลี เพื่อให้กระบวนการทางความคิด การแสดงออกของตัวบุคคลแสดงออกมา จากนั้นก็แล้วแต่ผู้สังเกตุการณ์ว่าจะเลือกที่จะมองเพียงมิติเดียว หรือหลายมิติของตัวบุคคล
หากเข้าใจในตัวบุคคลนั้น มิติต่างๆ ที่ตัวบุคคลนั้นเป็น แม้จะไม่ครอบคลุมทั้งหมด ก็พอจะทำให้รับรู้ถึงนิสัย และความเป็นตัวตนของบุคคลได้ หลังจากนั้นเป็นการตัดสินใจของผู้สังเกตุการณ์ ว่าจะเลือกที่จะเปิดรับมิติไหน ยอมรับมิติของจิตใจด้านนั้นๆ ของตัวบุคคล ดั่งเช่นที่เคยได้ยินกันเป็นประจำว่า "รับได้และพูดคุยกับคนๆ นั้น ได้เพียงบางเรื่องเท่านั้น"
หากมิติทางจิตใจของผู้สังเกตุการณ์ และผู้ถูกสังเกดุการณ์ มีความใกล้เคียงกันในหลากหลายมิติ และเกิดการยอมรับซึ่งกันและกันในแต่ละมิติ เชิงหลายมิติของสภาวะจิตจะเกิดการซับซ้อนยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ที่จะก้าวหน้าขึ้น พร้อมสภาวะของมิติจิดใจ ที่จะเติบโตขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของต่างฝ่าย การคงอยู่ด้วยกันจะดำเนินต่อไป หรือสิ้นสุดตรงจุดไหน ไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าได้ ความลึกและซับซ้อนของมิติทางจิต มีมากเกินที่จะสามารถคาดเดาอนาคตล่วงหน้าของบุคคลนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง