จากสามสี่กระทู้ที่ผ่านมา ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อยว่ายังมีคนชอบอ่านวีรกรรมของเราอยู่ 55555 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และข้อความหลังไมค์ทุกท่านนะคะ ค่อยหายเหงาหน่อย ดีใจจัง
วันนี้คิดว่าคงได้ฤกษ์เสียทีที่จะเล่าเรื่องโรงเรียนบ้าง
...คิดว่าหลายคนก็ยังคงสงสัยว่าเกิดมายี่สิบกว่าปีแล้วทำไมยังเพิ่งจะมาเริ่มเรียนบัลเล่ต์ แล้วจะไหวเหรอ คำถามนี่ก็เกิดขึ้นกับเราค่ะ ตอนแรกที่เริ่มเรียน เราก็เรียนที่เมืองไทยค่ะ โชคดีมากๆที่ได้ครูบัลเล่ต์เป็นแดนเซอร์ระดับแนวหน้าคนนึงของเมืองไทยเลย และท่านก็กรุณามาก ที่สอนไพรเวทให้เราเป็นกรณีพิเศษ เพราะอายุขนาดนี้เพิ่งจะมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ จริงๆไปเรียนคลาสรวมก็ได้ค่ะ แต่เคสเราไม่เคยธรรมดา เราก็เลยไปอ้อนคุณครู ขอเรียนก่อนจะมาที่นี่ และคุณครูก็ตอบตกลงด้วยคำพูดที่ว่า "เดี๋ยวมาดูกัน ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง"
การเรียนที่เมืองไทย และเป็นไพรเวทคลาสนั้น ค่อนข้างหนักทีเดียวค่ะ คุณครูละเอียดมาก ไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆเลยแม้แต่อย่างเดียว ทำให้ภายในสองเดือน เราอาจจะเรียนได้ไม่เยอะท่ามากนัก แต่เชื่อว่าเบสิคพื้นๆเลยเราก็ต้องพอได้บ้าง ไปถึงนิวยอร์คจะได้ไม่ช๊อคมากนัก
และแล้ว วันแรกที่โรงเรียนก็มาถึง...
พอพูดถึงบัลเลอริน่า ทุกคนคงนึกถึงสาวชุดขาว เต้นเป็นสวอนควีน สวยงามสง่า แต่กับกรณีของเรานี่ต่างกันลิบลับเลยค่ะ จริงๆก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเส้นทางสู่การเป้นหงส์ขาวนั้นไม่ได้มากันง่ายๆแน่นอน และยิ่งมาเริ่มช้ามากขนาดนี้ แต่เต้นให้สวยได้ก็คงเป็นเป้าหมายที่ดีมากพอแล้ว สวอนควงสวอนควีน ไม่ต้องพูดถึงค่ะ
แต่อนิจจา...
วันแรกในคลาสบัลเล่ต์ที่นิวยอร์ค เราแทบจะคลายร้องไห้ออกมานอกห้อง ไมไ่ด้หนักหนาสาหัสอะไรหรอกค่ะ เพราะที่เรียนที่เมืองไทยหนักกว่านี้มาก ตรงกันข้ามเลย ที่นี่ไม่มีใครสนใจใคร แต่สิ่งที่เราสนใจก็คือ เค้าบอกว่านี่เป็น Very Beginner class แล้วไหงพวกแอดวานซ์มาเรียนกันด้วยล่ะ!?!?!?!?!? แล้วลองนึกสภาพสิคะ เราเป็นนักเรียนใหม่ มีวิชาติดตัวจากไทยมานิดหน่อย เข้ามาในคลาสก็หวังว่าจะได้เจอบีกินเนอร์เหมือนกัน...มีมั้ย มันก็มี แต่พวกที่ใส่รองเท้าพ้อยท์ มายืนหมุนๆวอร์มกันยี่สิบแปดตลบนี่มันคืออะไร!!!!!!!
ท่าแรกๆ โอเค ทำได้ เฮ้ย ครูสอนมาแล้ว โอเคเลย ฮ่าๆๆ
...หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป....
เฮ้ย!! นี่มันท่าบ้าอะไรฟะเนี่ย เฮ้ยทำไงอะ ไม่เคยเห็น เวรแล้ว ครูยังไม่เคยสอน แล้วทำไมยัยนั่นมันเตะได้สูงขนาดนั้นอะ? โห ฉีกขากันได้ทั้งคลาส เฮ้ยฉีกขาไม่ได้ ทำไงดี!!!!!!!!!!!!!
...ตามนั้นเลยค่ะ เมื่อบีกินเนอร์ตัวจริงมาเจอกับพวกเทพที่มาลงคลาสีกินเนอร์ หมดครึ่งแรกเราแทบจะเดินร้องไห้ออกมาจากสตูดิโอ ถามตัวเองว่า นี่ฉันทำอะไรอยู่ฟะเนี่ย ก็พอดีมีเพื่อนคนนึงเดินออกมาจากคลาส เค้ายิ้มให้ เราหันไปมองแล้วก็ยิ้มแหยๆให้ เธอคนนั้นเลยเข้ามาคุยด้วย
เธอคนนั้น : นี่วันแรกของเธอหรอ เราไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย
เรา : ช่าย เครียดมากเลย เราตามไม่ทันเลย ทำไมทุกคนดูเทพกันจัง
เธอคนนั้น : อย่าคิดมากเลย เธอเรียนเต้นมานานแค่ไหนแล้วล่ะ
เรา : ไม่เคยเลย เคยเรียนมาจากเมืองไทยไม่ถึงสิบครั้งเลย เรียกว่าเพิ่งเริ่มเลยดีกว่านะ
เธอคนนั้น : โหววว แต่ไม่เ้ป็นไรหรอก อย่าไปสนใจคนอื่น สนใจแต่ตัวเองก็พอ ทำไปเรื่อยๆ เข้าเรียนอีกสองสามครั้งก็ตามทัน สู้ๆเนอะ
และแล้วเราก็ได้เพื่อนแล้ว ไชโย้ววววว เธอคนนั้นชื่อเอลิซาเบ็ธ เป็นสาวลูกเสี้ยวญี่ปุ่นกับอะไรไม่รุ้ จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ พูดญี่ปุ่นปร๋อเชียว แล้วเธอคนนั้นก็จูงมือเรากลับไปเรียนครึ่งกลังของคลาสที่เราก็ยังคงมึนตึ้บ แต่ก็สบายใจขึ้นเมื่อไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับชาวบ้าน (จริงๆก็ยังเทียบนะคะ แต่น้อยลง อาจเพราะมังแต่ตามท่าจนไม่เป้นอันดูคนอื่นก็ได้)
จริงของเอลิซาเบ็ธ หลังจากมาเทคคลาสอีกสองสามครั้ง แต่ละครั้งครูจะให้ทำทุกอย่าเกือบจะเหมือนเดิม เมื่อเริ่มรู้จังหวะ เริ่มคุ้นท่าบ้าง ก็ทำให้ตามคนอื่นพอได้ในที่สุดค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ไปถามครูบัลเล่ต์อีกคน ตอนนั้นเรายังไม่ได้เรียนกับเค้าเลย รู้มาว่าแกเคยเป้นนักบัลเล่ต์ขั้นเทพมากมาก่อนสมัยหนุ่มๆ ตอนนี้กินเบียร์จนอ้วนกลมแล้ว แต่ก็ยังสองเก่งอยู่เหมือนเดิม เราเคยพูดถึงแกเอาไว้ในโพสต์แรกๆค่ะ เคนนี่นั่นเอง
เราถามเคนนี่ด้วยประโยคคล้ายๆกับที่ถามคุณครูที่เมืองไทยว่า มันสายเกินไปมั้ยที่จะเริ่มเต้นตอนนี้ เคนนี่ยิ้ม แล้วตอบเราว่า "สายเกินไป...ถ้าเธออยากจะเป็น Professional Dancer แต่ถ้าแค่อยากจะเต้นให้สวย เป็นนักเต้นที่ดี ไม่สายเกินไปอยู่แล้ว แล้วเธอก็มีข้อที่ได้เปรียบคนอื่นอยู่เรื่องนึงด้วย ไม่รู้ว่าเธอจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่ขาของเธอยาวมาก เทียบสัดส่วนกับตัวแล้ว ขาของเธอยาวมากจริงๆ" มานั่งมองดู ก็จริงของเคนนี่ ถ้าวัดสัดส่วนกันตามตรงแล้ว ขาเราเรียกได้ว่ายาวผิดสัดส่วนอันควรจะเป็นเลยค่ะ คนอื่นยืดขาไปข้างหน้าแล้วก้มลงเอามือแตะปลายเท้า หัวจะอยู่ประมาณกลางหน้าแข้ง แต่หัวของเราอยู่แค่ตรงเข่าเท่านั้นเอง ^^" เราคิดมาตลอดว่ามันคือความไม่สมส่วน เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละว่ามันคือข้อดีที่ได้เปรียบ
เมื่อเห็นเราทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ เคนนี่จึงเดินมาตบไหล่ แล้วบอกกับเราว่า "เชื่อสิ ใครๆก็อยากได้หุ่นแบบเธอ(ผอมๆ ตรงๆ ยาวๆ) เสียดายนะที่เธอมาเริ่มตอนนี้ ไม่งั้นเธอคงเป็นนักบัลเล่ต์ที่ดีได้...ไม่เป็นไร ไม่ต้องเน้นเทคนิคมาก เธอเจ้นให้สวยน่ารักก็กินขาดแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอนให้เอง โอเคนะ"
แน่นอนว่าหลังจากนั้น เมื่อเคนนี่เปิดคลาสบีกินเนอร์ เราก็ไม่ลังเลที่จะไปเทคคลาสแกค่ะ เพราะปกติคนนี้จะสอนแต่พวกขั้นสูง เมื่อโอกาสจะได้เรียนกับครูเก่งๆที่นี่มาถึง จะไม่คว้าไว้ได้ยังไงล่ะเนอะ
และเมื่อเทคคลาสของแกเป็นครั้งแรก...คำเดียวค่ะ...นรกชัดๆ!!!!!
ไม่ใช่ว่าเคนนี่จะโหดร้ายอะไร แต่เราเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า เคนนี่!! นี่คือคลาสเวรี่บีกินเนอร์ จริงป้ะเนี่ย อย่ามาอำกันซะให้ยาก!!
...ก็แต่ละท่า ครึ่งชั่วโมงแรกนี่หลอกให้ตายใจชัดๆ เรียนๆไปเริ่มอ้าปากค้าง ไม่แล้ว นี่มันอินเทอร์มิเดียทที่เรียกตัวเองว่าเป้นบีกินเนอร์แน่นอน เพราะคนที่มาเรียนก็มีแต่พวกแอดวานซ์ เนื่องจากคลาสนี้ เวลานี้เคยเป้นคลาสแอดวานซ์ของเคนนี่มาก่อน นักเรียนเดิมจึงยังคงเข้าเรียนด้วยอยู่ เพิ่มเติมที่เด็กใหม่อย่างเราเท่านั้น
คืนนั้นกลับบ้านไป ได้รับข้อความจากรุ่นะพี่ว่า ไงจ๊ะแม่สวอนควีน หงส์ขาวจะเริ่มบินได้หรือยัง
ตอบกลับไปทันที...พี่ขา อย่าว่าแต่หงส์เลยค่ะ ตอนนี้แค่จะเป็นเป็ดยังยากเลย!!!!
แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ คงเพราะระบบการเรียนที่นี่ไม่มีการมานั่งเก็บรายละเอียดของนักเรียนทีละคนเหมือนที่บ้านเรา ดังนั้น จะทันไม่ทัน จะทำท่าแบบขอไปที ก็ไม่ค่อยโดนว่าหรอกค่ะ นอกจากคลาสเคนนี่ ซึ่งถ้ามันเหลือรับจริงๆเคนนี่จะเดินมาแนะนำให้เป้นเคสๆไป หลังจากหายเหวอในเดือนแรกแล้ว เราจึงเริ่มสังเกตเห็นได้ว่า หลายๆคนที่เทคคลาสแอดวานซ์นั้น จริงๆแล้วเบสิคไม่ได้ดีมากก็มีค่ะ อาศัยว่าทำท่าตามทันได้ก็เท่านั้น อย่างที่ว่าคือโรงเรยนนี้ชิวจริง ถ้าเป็นคนตั้งใจใฝ่รู้ ก็จะได้อะไรเยอะแยะ แต่ถ้าไม่เอาอะไรเลย ก็อยู่ได้ไปวันๆเหมือนกัน
ตอนนี่ สิ่งที่บอกกับตัวเองได้ก็คือ...เส้นทางสู่หงส์ขาว ยังอีกยาวไกลนัก นะจ๊ะ...ลูกป็ดน้อย
โพสต์เก่าค่า สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน
ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/31125604
ตอนที่สอง
http://ppantip.com/topic/31130377
ตอนที่สาม
http://ppantip.com/topic/31132000
ตอนที่สี่
http://ppantip.com/topic/31133020
ขอให้สนุกนะคะ ^^
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: จากลูกเป็ดขี้เหร่...สู่หงส์ขาว
วันนี้คิดว่าคงได้ฤกษ์เสียทีที่จะเล่าเรื่องโรงเรียนบ้าง
...คิดว่าหลายคนก็ยังคงสงสัยว่าเกิดมายี่สิบกว่าปีแล้วทำไมยังเพิ่งจะมาเริ่มเรียนบัลเล่ต์ แล้วจะไหวเหรอ คำถามนี่ก็เกิดขึ้นกับเราค่ะ ตอนแรกที่เริ่มเรียน เราก็เรียนที่เมืองไทยค่ะ โชคดีมากๆที่ได้ครูบัลเล่ต์เป็นแดนเซอร์ระดับแนวหน้าคนนึงของเมืองไทยเลย และท่านก็กรุณามาก ที่สอนไพรเวทให้เราเป็นกรณีพิเศษ เพราะอายุขนาดนี้เพิ่งจะมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ จริงๆไปเรียนคลาสรวมก็ได้ค่ะ แต่เคสเราไม่เคยธรรมดา เราก็เลยไปอ้อนคุณครู ขอเรียนก่อนจะมาที่นี่ และคุณครูก็ตอบตกลงด้วยคำพูดที่ว่า "เดี๋ยวมาดูกัน ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง"
การเรียนที่เมืองไทย และเป็นไพรเวทคลาสนั้น ค่อนข้างหนักทีเดียวค่ะ คุณครูละเอียดมาก ไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆเลยแม้แต่อย่างเดียว ทำให้ภายในสองเดือน เราอาจจะเรียนได้ไม่เยอะท่ามากนัก แต่เชื่อว่าเบสิคพื้นๆเลยเราก็ต้องพอได้บ้าง ไปถึงนิวยอร์คจะได้ไม่ช๊อคมากนัก
และแล้ว วันแรกที่โรงเรียนก็มาถึง...
พอพูดถึงบัลเลอริน่า ทุกคนคงนึกถึงสาวชุดขาว เต้นเป็นสวอนควีน สวยงามสง่า แต่กับกรณีของเรานี่ต่างกันลิบลับเลยค่ะ จริงๆก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเส้นทางสู่การเป้นหงส์ขาวนั้นไม่ได้มากันง่ายๆแน่นอน และยิ่งมาเริ่มช้ามากขนาดนี้ แต่เต้นให้สวยได้ก็คงเป็นเป้าหมายที่ดีมากพอแล้ว สวอนควงสวอนควีน ไม่ต้องพูดถึงค่ะ
แต่อนิจจา...
วันแรกในคลาสบัลเล่ต์ที่นิวยอร์ค เราแทบจะคลายร้องไห้ออกมานอกห้อง ไมไ่ด้หนักหนาสาหัสอะไรหรอกค่ะ เพราะที่เรียนที่เมืองไทยหนักกว่านี้มาก ตรงกันข้ามเลย ที่นี่ไม่มีใครสนใจใคร แต่สิ่งที่เราสนใจก็คือ เค้าบอกว่านี่เป็น Very Beginner class แล้วไหงพวกแอดวานซ์มาเรียนกันด้วยล่ะ!?!?!?!?!? แล้วลองนึกสภาพสิคะ เราเป็นนักเรียนใหม่ มีวิชาติดตัวจากไทยมานิดหน่อย เข้ามาในคลาสก็หวังว่าจะได้เจอบีกินเนอร์เหมือนกัน...มีมั้ย มันก็มี แต่พวกที่ใส่รองเท้าพ้อยท์ มายืนหมุนๆวอร์มกันยี่สิบแปดตลบนี่มันคืออะไร!!!!!!!
ท่าแรกๆ โอเค ทำได้ เฮ้ย ครูสอนมาแล้ว โอเคเลย ฮ่าๆๆ
...หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป....
เฮ้ย!! นี่มันท่าบ้าอะไรฟะเนี่ย เฮ้ยทำไงอะ ไม่เคยเห็น เวรแล้ว ครูยังไม่เคยสอน แล้วทำไมยัยนั่นมันเตะได้สูงขนาดนั้นอะ? โห ฉีกขากันได้ทั้งคลาส เฮ้ยฉีกขาไม่ได้ ทำไงดี!!!!!!!!!!!!!
...ตามนั้นเลยค่ะ เมื่อบีกินเนอร์ตัวจริงมาเจอกับพวกเทพที่มาลงคลาสีกินเนอร์ หมดครึ่งแรกเราแทบจะเดินร้องไห้ออกมาจากสตูดิโอ ถามตัวเองว่า นี่ฉันทำอะไรอยู่ฟะเนี่ย ก็พอดีมีเพื่อนคนนึงเดินออกมาจากคลาส เค้ายิ้มให้ เราหันไปมองแล้วก็ยิ้มแหยๆให้ เธอคนนั้นเลยเข้ามาคุยด้วย
เธอคนนั้น : นี่วันแรกของเธอหรอ เราไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย
เรา : ช่าย เครียดมากเลย เราตามไม่ทันเลย ทำไมทุกคนดูเทพกันจัง
เธอคนนั้น : อย่าคิดมากเลย เธอเรียนเต้นมานานแค่ไหนแล้วล่ะ
เรา : ไม่เคยเลย เคยเรียนมาจากเมืองไทยไม่ถึงสิบครั้งเลย เรียกว่าเพิ่งเริ่มเลยดีกว่านะ
เธอคนนั้น : โหววว แต่ไม่เ้ป็นไรหรอก อย่าไปสนใจคนอื่น สนใจแต่ตัวเองก็พอ ทำไปเรื่อยๆ เข้าเรียนอีกสองสามครั้งก็ตามทัน สู้ๆเนอะ
และแล้วเราก็ได้เพื่อนแล้ว ไชโย้ววววว เธอคนนั้นชื่อเอลิซาเบ็ธ เป็นสาวลูกเสี้ยวญี่ปุ่นกับอะไรไม่รุ้ จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ พูดญี่ปุ่นปร๋อเชียว แล้วเธอคนนั้นก็จูงมือเรากลับไปเรียนครึ่งกลังของคลาสที่เราก็ยังคงมึนตึ้บ แต่ก็สบายใจขึ้นเมื่อไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับชาวบ้าน (จริงๆก็ยังเทียบนะคะ แต่น้อยลง อาจเพราะมังแต่ตามท่าจนไม่เป้นอันดูคนอื่นก็ได้)
จริงของเอลิซาเบ็ธ หลังจากมาเทคคลาสอีกสองสามครั้ง แต่ละครั้งครูจะให้ทำทุกอย่าเกือบจะเหมือนเดิม เมื่อเริ่มรู้จังหวะ เริ่มคุ้นท่าบ้าง ก็ทำให้ตามคนอื่นพอได้ในที่สุดค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ไปถามครูบัลเล่ต์อีกคน ตอนนั้นเรายังไม่ได้เรียนกับเค้าเลย รู้มาว่าแกเคยเป้นนักบัลเล่ต์ขั้นเทพมากมาก่อนสมัยหนุ่มๆ ตอนนี้กินเบียร์จนอ้วนกลมแล้ว แต่ก็ยังสองเก่งอยู่เหมือนเดิม เราเคยพูดถึงแกเอาไว้ในโพสต์แรกๆค่ะ เคนนี่นั่นเอง
เราถามเคนนี่ด้วยประโยคคล้ายๆกับที่ถามคุณครูที่เมืองไทยว่า มันสายเกินไปมั้ยที่จะเริ่มเต้นตอนนี้ เคนนี่ยิ้ม แล้วตอบเราว่า "สายเกินไป...ถ้าเธออยากจะเป็น Professional Dancer แต่ถ้าแค่อยากจะเต้นให้สวย เป็นนักเต้นที่ดี ไม่สายเกินไปอยู่แล้ว แล้วเธอก็มีข้อที่ได้เปรียบคนอื่นอยู่เรื่องนึงด้วย ไม่รู้ว่าเธอจะรู้ตัวหรือเปล่า แต่ขาของเธอยาวมาก เทียบสัดส่วนกับตัวแล้ว ขาของเธอยาวมากจริงๆ" มานั่งมองดู ก็จริงของเคนนี่ ถ้าวัดสัดส่วนกันตามตรงแล้ว ขาเราเรียกได้ว่ายาวผิดสัดส่วนอันควรจะเป็นเลยค่ะ คนอื่นยืดขาไปข้างหน้าแล้วก้มลงเอามือแตะปลายเท้า หัวจะอยู่ประมาณกลางหน้าแข้ง แต่หัวของเราอยู่แค่ตรงเข่าเท่านั้นเอง ^^" เราคิดมาตลอดว่ามันคือความไม่สมส่วน เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกนี่แหละว่ามันคือข้อดีที่ได้เปรียบ
เมื่อเห็นเราทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ เคนนี่จึงเดินมาตบไหล่ แล้วบอกกับเราว่า "เชื่อสิ ใครๆก็อยากได้หุ่นแบบเธอ(ผอมๆ ตรงๆ ยาวๆ) เสียดายนะที่เธอมาเริ่มตอนนี้ ไม่งั้นเธอคงเป็นนักบัลเล่ต์ที่ดีได้...ไม่เป็นไร ไม่ต้องเน้นเทคนิคมาก เธอเจ้นให้สวยน่ารักก็กินขาดแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอนให้เอง โอเคนะ"
แน่นอนว่าหลังจากนั้น เมื่อเคนนี่เปิดคลาสบีกินเนอร์ เราก็ไม่ลังเลที่จะไปเทคคลาสแกค่ะ เพราะปกติคนนี้จะสอนแต่พวกขั้นสูง เมื่อโอกาสจะได้เรียนกับครูเก่งๆที่นี่มาถึง จะไม่คว้าไว้ได้ยังไงล่ะเนอะ
และเมื่อเทคคลาสของแกเป็นครั้งแรก...คำเดียวค่ะ...นรกชัดๆ!!!!!
ไม่ใช่ว่าเคนนี่จะโหดร้ายอะไร แต่เราเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า เคนนี่!! นี่คือคลาสเวรี่บีกินเนอร์ จริงป้ะเนี่ย อย่ามาอำกันซะให้ยาก!!
...ก็แต่ละท่า ครึ่งชั่วโมงแรกนี่หลอกให้ตายใจชัดๆ เรียนๆไปเริ่มอ้าปากค้าง ไม่แล้ว นี่มันอินเทอร์มิเดียทที่เรียกตัวเองว่าเป้นบีกินเนอร์แน่นอน เพราะคนที่มาเรียนก็มีแต่พวกแอดวานซ์ เนื่องจากคลาสนี้ เวลานี้เคยเป้นคลาสแอดวานซ์ของเคนนี่มาก่อน นักเรียนเดิมจึงยังคงเข้าเรียนด้วยอยู่ เพิ่มเติมที่เด็กใหม่อย่างเราเท่านั้น
คืนนั้นกลับบ้านไป ได้รับข้อความจากรุ่นะพี่ว่า ไงจ๊ะแม่สวอนควีน หงส์ขาวจะเริ่มบินได้หรือยัง
ตอบกลับไปทันที...พี่ขา อย่าว่าแต่หงส์เลยค่ะ ตอนนี้แค่จะเป็นเป็ดยังยากเลย!!!!
แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ คงเพราะระบบการเรียนที่นี่ไม่มีการมานั่งเก็บรายละเอียดของนักเรียนทีละคนเหมือนที่บ้านเรา ดังนั้น จะทันไม่ทัน จะทำท่าแบบขอไปที ก็ไม่ค่อยโดนว่าหรอกค่ะ นอกจากคลาสเคนนี่ ซึ่งถ้ามันเหลือรับจริงๆเคนนี่จะเดินมาแนะนำให้เป้นเคสๆไป หลังจากหายเหวอในเดือนแรกแล้ว เราจึงเริ่มสังเกตเห็นได้ว่า หลายๆคนที่เทคคลาสแอดวานซ์นั้น จริงๆแล้วเบสิคไม่ได้ดีมากก็มีค่ะ อาศัยว่าทำท่าตามทันได้ก็เท่านั้น อย่างที่ว่าคือโรงเรยนนี้ชิวจริง ถ้าเป็นคนตั้งใจใฝ่รู้ ก็จะได้อะไรเยอะแยะ แต่ถ้าไม่เอาอะไรเลย ก็อยู่ได้ไปวันๆเหมือนกัน
ตอนนี่ สิ่งที่บอกกับตัวเองได้ก็คือ...เส้นทางสู่หงส์ขาว ยังอีกยาวไกลนัก นะจ๊ะ...ลูกป็ดน้อย
โพสต์เก่าค่า สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน
ตอนแรก http://ppantip.com/topic/31125604
ตอนที่สอง http://ppantip.com/topic/31130377
ตอนที่สาม http://ppantip.com/topic/31132000
ตอนที่สี่ http://ppantip.com/topic/31133020
ขอให้สนุกนะคะ ^^