เรื่องนี้แต่งขึ้น เป็นเรื่องสมมุติ ตามจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆนะคะ
ขอขอบคุณ คุณโยโกะ คามิโอะ ผู้เขียน Hana Yori Dango ต้นฉบับแห่งแรงบันดาลใจ
นายหญิงแห่งเตมีย์กรุ๊ป
ทานตะวัน
เตชินท์ เตมีย์อภิทรัพย์วณิชย์
ณาวา กฤษจาวรนันท์ (Snowman)
คิรินท์ อินทราชัยพิศุทธิ์ หรือนายน้อยรินท์
หม่อมราชวงค์พศวีย์ สิริเมฑาวรกุล ชายวีย์แห่งวังสิริเมฑา
พี่แพร แพรธารา
เดียร์น่า ดิษยา
Fever 4 (F4 THAILAND) #1
http://ppantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2
http://ppantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3
http://ppantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4
http://ppantip.com/topic/31008854
Fever 4 (F4 THAILAND) #5
http://ppantip.com/topic/31040591
Fever 4 (F4 THAILAND) #6
http://ppantip.com/topic/31084221
Fever 4 (F4 THAILAND) #7
หลังจากสอบเสร็จ ทานตะวันแอบมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด แต่ด้วยความเหนื่อยที่มาพร้อมกับสายลมพัดเย็นๆ ผ่านเข้ามาตามหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำให้เธอเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว แต่ทานตะวันหลับไปได้ไม่นาน เธอก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงไวโอลินอันไพเราะ
มีนักศึกษาที่อยู่ในห้องสมุดไปยืนเกาะกลุ่มกันที่ริมหน้าต่าง เพื่อมองไปยังต้นตอของเสียงไวโอลินที่ลอยเข้ามามา ด้วยความสงสัย ทานตะวันเดินไปที่หน้าต่างด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอเห็นภาพนั้น เธอรู้สึกเหมือนถูกแรงดึงดูดให้รีบวิ่งไปยังที่แห่งนั้นทันที
ที่ลานน้ำพุกว้าง ณาวา เป็นตัวแทนของชมรมดนตรี ขึ้นไปเล่นไวโอลิน ท่าทางที่สุภาพ วงแขนที่แสนอบอุ่น กับไวโอลินที่ช่างเหมาะมือของเขามาก ทำให้ทานตะวันเหมือนตกอยู่ในโลกแห่งความฝัน ราวกับว่าที่ลานน้ำพุนั่น มีแค่เธอกับณาวาอยู่ด้วยกันแค่สองคน
"ตะวัน ตะวัน เป็นไรหรือเปล่า" เสียงของช้างปลุกให้เธอกับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
"อ้าว ช้าง มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ทานตะวันแกล้งถามเพื่อกลบเกลื่อนสายตา ที่กลัวช้างรู้ว่าเธอแอบมองแต่ณาวาอยู่คนเดียว
แต่นั่นก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะช้างรู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทของเขาดี
"
ชอบเค้าใช้มั้ยหละ" ช้างถามจี้จุด ทานตะวันถึงกับอึ้งไปกับคำถามที่แสนตรงของช้าง
"เปล่า บ้าหรอ ก็..ก็..ก็ แค่มาดูเฉยๆ คุณณาวาเค้าก็เล่นดีนี่น่า" ทานตะวันตอบอย่างตะกุกตะกัก
"หรอ เชื่อตาย มองแทบจะสิงร่างเขาได้อยู่แล้ว ไม่สมัครเข้าชมรมนี้เลยหละ" ช้างเริ่มประชด
"ไม่ดีกว่า" ทานตะวันก้มหน้าตอบ เธอต้องการเว้น...
ที่ว่าง ระหว่างเธอกับณาวาไว้เพียงแค่นี้ เพราะยิ่งใกล้เธอก็ยิ่งรู้สึก
หน่วงๆ ในหัวใจ
"เฮ้ยยย ชอบก็บอกว่าชอบสิ นี่ตอนนี้ฉันรวยแล้ว เธอลืมไปแล้วหรอ ให้ฉันพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอให้เลยเอามั้ย" ช้างแกล้งแหย่
"ทำเป็นพูดเล่นไป ไม่ขำนะช้าง" ทานตะวันบอกตามตรง
"พูดเล่นที่ไหน นี่พูดจริงทำจริงนะ คนที่ตะวันชอบทั้งคน แค่นี้ซำบายยย" ช้างวางมาดเต็มที จนทานตะวันต้องเผลอยิ้มออกมา
"ขอบใจนะช้าง"
"
นี่ว่าแต่...ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่า ชอบเค้าจริงๆ" ช้างกระซิบถามด้วยความอยากรู้
ทานตะวันเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่สายตาที่เธอกำลังมองณาวาอยู่นั้นแทนคำตอบในใจของเธอได้ดี
ดิษยา ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอได้ยินทุกคำสนทนาระหว่างช้างและทานตะวัน ดิษยามองไปที่ณาวาอย่างมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
เกวิตาหรือแก้ม หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเจ๊เฉียบ แกวานให้ไปเอาของจากร้านคนรู้จักให้หน่อย แก้มได้แต่ทำหน้าเซ็งแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ เกวิตามาที่ร้านอาหารของเพื่อนเจ๊เฉียบในห้างหรูกลางเมือง ทั้งชุดนักศึกษา ทางผู้จัดการให้เธอนั่งรอที่โต๊ะด้านใน เกวิตาเดินไปนั่งด้วยท่าทีที่ประหม่าเล็กน้อยถ้าเธอรู้ก่อนว่าร้านที่จะมาเป็นแบบนี้ ถ้าคงแต่งหน้าแต่งตาให้ดูดีกว่าตอนนี้ที่เธอดูโทรมมาก
เกวิตานั่งรอได้สักพักเธอก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังมาจากด้านหลัง ซึ่งไปห่างจากโต๊ะที่เธอนั่งสักเท่าไหร่นัก เกวิตาไม่กล้าที่จะหันไปเพราะกลัวจะเสียมารยาท แต่ด้วยความอยากรู้หันเลยไปสักหน่อย...
คงไม่เป็นไร
"
นายน้อยคิรินท์" เกวิตาเผลออุธานออกมาเมื่อเห็นคนที่เธอแอบปลื้มกำลังทะเลาะกับสาวไฮโซชื่อดังในร้านอาหารที่เธอนั่งอยู่
"ทำไมพี่รินท์ทำแบบนี้ ทั้งๆที่พี่รินท์คบกับพอลลี่อยู่ พี่รินท์ยังกล้าควงยัยนั่นไปงานเปิดร้านจิวเวอร์รี่ของเพื่อนพอลลี่อีก มันหมายความว่ายังไง" พอลลี่ถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ผิดกับคิรินท์ที่ยังคงนั่งเฉยแทบจะไม่ได้สนใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูดเลย
"พอลลี่กำลังถามพี่รินท์อยู่นะคะ" พอลลี่ย้ำอีกครั้ง คิรินท์ก็ยังคงเฉย เกวิตาที่แอบฟังก็ลุ้นอยู่เหมื่อนกันว่าคิรินท์จะตอบว่าอะไร
"
คบ พอลลี่ใช่คำนี้กับพี่ไม่ได้หรอกนะ และผู้หญิงคนนั้นก็คงเหมือนกัน"
"ถ้าเราไม่ได้คบกัน แล้วที่ผ่านมาเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราคืออะไรคะพี่รินท์" พอลลี่เริ่มถามเสียงสั่นทั้งโมโหทั้งน้อยใจ
"
ความพอใจ" คิรินท์ตอบอย่างไม่แคร์ เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่อง
เคยชิน สำหรับเขาไปเสียแล้ว
"ความพอใจแค่นั้นหรอคะ" พอลลี่ถามให้แน่ใจอีกครั้งว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นมันถูกต้องแล้ว
"ใช่ และถ้าวันนี้พอลลี่ไม่พอใจ มันก็จบ ก็แค่นั้น" คำตอบของคิรินท์ที่แสนเย็นชา จนเกวิตาที่แอบฟังอยู่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความห่างเหิน
พอลลี่เริ่มจะทนไม่ไหว ทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วเรื่องความเจ้าชู้ของคิรินท์แต่เธอก็ทนยอมรับมันต่อไปไม่ได้จริงๆ
"จบหรอ ได้ค่ะพี่รินท์" พอลลี่กัดฟังพูดก่อนจะสาดน้ำในแก้วตรงหน้าเธอใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธ คิรินท์ได้แต่นิ่งไม่ตอบโต้
"หวังว่าน้ำแก้วนี้ คงทำให้พี่รู้สึกได้ว่า ความเย็นของน้ำ ก็ไม่ต่างอะไรกับใจของพี่รินท์ พอลลี่จะคอยดูวันที่พี่รินท์ไม่เหลือใคร"
พอลลี่พูดก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดัง เพราะต้องการให้คนรอบข้างหันมามอง
เพื่อให้คิรินท์ได้อายแล้วเธอจะได้เดินจากไปอย่างผู้ชนะ
คิรินท์ใช้มือของเขาขึ้นมาเช็ดหน้าและปัดสะเก็ดน้ำตามเสื้อผ้าของเขา
"
ใช้นี่ดีกว่าค่ะ" เกวิตาส่งผ้าเช็ดหน้าของเธอให้กับเขา คิรินท์เงยหน้ามามองเธอ ก่อนจะเริ่มมองเกวิตาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่อยากให้คนแปลกหน้า
เสียน้ำใจ จึงรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาจากเธอ
"ขอบคุณครับ" คิรินท์ตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะส่งสัญญาณให้พนักงานนำบิลมาให้
"คุณไม่น่าพูดให้คุณผู้หญิงคนนั้นเสียความรู้สึกเลย อย่างน้อยคุณกับเค้าก็เคยรักกัน" เกวิตาตัดสินใจพูดตามความรู้สึกของเธอ
เธอคงติดนิสัยมาจากทานตะวันแน่ๆ เรื่องความไม่กลัวและไม่ยอมให้อะไรที่ไม่ถูกต้องผ่านไปง่ายๆ คิรินท์มองเกวิตาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งจนอีกฝ่ายเริ่มทำตัวไม่ถูก เขาต้องคิดว่าเธอเป็นคนจุ้นจ้านไปแล้ว คิรินท์เข้าใจผิดคิดว่าเกวิตาคงเข้ามาสมัครงานมากกว่าที่จะเป็นลูกค้าของร้านนี้ และคงคิดว่าเธอคงไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน คราวนี้คิรินท์มองที่ตาของอีกฝ่ายด้วยสายตาและท่าทางที่จริงจังมากขึ้น
"
รักหรอ คงไม่ใช่ และผมไม่รู้หรอกนะ ว่าความรู้สึกนั้นเป็นแบบไหน แล้วก็ไม่คิดที่อยากจะรู้ด้วย"
เกวิตาหลังจากได้ยินคำตอบเธอได้แต่ยืนอึ้ง ทั้งที่รู้อยู่แล้วเรื่องกิติศัพท์ของนายน้อยคิรินท์ เธอก็อดเสียใจแทนพวกผู้หญิงที่เคยควงกับคิรินท์ไม่ได้
"ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นของคุณนะคะ" เกวิตาแทบจะกลั้นใจต่อว่าเขา ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างละอายที่พูดแบบนั้นออกไป
สำหรับเกวิตา เธอคิดแค่ว่าคิรินท์และเธอคงเจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เลยตัดสินใจพูดประโยคนั้นออกไป
คิรินท์มองหน้าคนแปลกหน้าอีกครั้งด้วยความแปลกใจ ด้วยความที่เขาผ่านผู้หญิงมามาก เลยเข้าใจเกวิตาผิดเข้าไปอีก
"ของเล่น คงจะแรงไปนะ แต่ผมกับคิดแค่ว่า เป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายมากกว่า
และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มที่จะไม่พอใจ ก็แค่ต่างคนต่างแยกย้าย เท่านั้นเอง"
"ใจร้าย" เกวิตาเผลออุธานออกมา
"
ไม่หรอก ผมออกจะใจดีเกินไปด้วยซ้ำ จะลองดูมั้ยหละ" คิรินท์แค่พูดเล่นๆ
แต่เกวิตาแทบจะพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของคิรินท์ นี่เขากำลังคิดว่าเธอให้ท่าเขาอยู่หรือไง
คิรินท์ได้แต่ยิ้มที่ได้แกล้งอีกฝ่ายก่อนจะหยิบเงินพร้อมกับวางผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้บนโต๊ะ
"ขอให้เจ้าของร้าน รับคุณเข้าทำงานนะ" คิรินทร์พูดก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วเดินจากไป
เกวิตาได้แต่ยืนมองค้างกับรอยยิ้มนั่น เพราะคิรินท์ที่เป็นแบบนี้ สาวๆถึงได้ตรงหลุมรักเขาได้ง่ายๆ เกวิตาก้มมองดูตัวเองอย่างเริ่มปลง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาเก็บไว้
"ฉันไม่ได้มาสมัครงานสักหน่อย" เกวิตาบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คิรินท์จะเข้าใจเธอผิดในเรื่องนี้ เพราะถ้าเป็นเธอ เธอก็อาจคิดแบบเขาเหมือนกัน
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
เกวิตากลับมาทำงานด้วยท่าทีที่เหม่อลอย จนทานตะวันอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
"เป็นไรแก้ม" ทานตะวันถาม เกวิตาหันมามองหน้าเพื่อนก่อนจะโผเข้าไปกอดเหมือนต้องการที่พึ่ง
"นี่ฉันทำอะไรลงไป ฉันไม่น่าจะเข้าไปยุ่งหรือไปพูดกับเขาเลย" เกวิตาบ่นกับตะวันทั้งๆที่กอดเธออยู่
ทานตะวันเริ่มงงว่าเรื่องที่เพื่อนพูดหมายถึงเรื่องอะไร
"เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมดเลยนะ" ทานตะวันถามอย่างเป็นห่วง
เกวิตาพยักหน้าก่อนที่จะตัดสินใจเล่าเรื่องของคิรินท์ให้ทานตะวันฟัง
Fever 4 (F4 THAILAND) โดย Na Patchara #7
Fever 4 (F4 THAILAND) #1 http://ppantip.com/topic/30896810
Fever 4 (F4 THAILAND) #2 http://ppantip.com/topic/30922852
Fever 4 (F4 THAILAND) #3 http://ppantip.com/topic/30984872
Fever 4 (F4 THAILAND) #4 http://ppantip.com/topic/31008854
Fever 4 (F4 THAILAND) #5 http://ppantip.com/topic/31040591
Fever 4 (F4 THAILAND) #6 http://ppantip.com/topic/31084221
Fever 4 (F4 THAILAND) #7
หลังจากสอบเสร็จ ทานตะวันแอบมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุด แต่ด้วยความเหนื่อยที่มาพร้อมกับสายลมพัดเย็นๆ ผ่านเข้ามาตามหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำให้เธอเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว แต่ทานตะวันหลับไปได้ไม่นาน เธอก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงไวโอลินอันไพเราะ
มีนักศึกษาที่อยู่ในห้องสมุดไปยืนเกาะกลุ่มกันที่ริมหน้าต่าง เพื่อมองไปยังต้นตอของเสียงไวโอลินที่ลอยเข้ามามา ด้วยความสงสัย ทานตะวันเดินไปที่หน้าต่างด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอเห็นภาพนั้น เธอรู้สึกเหมือนถูกแรงดึงดูดให้รีบวิ่งไปยังที่แห่งนั้นทันที
ที่ลานน้ำพุกว้าง ณาวา เป็นตัวแทนของชมรมดนตรี ขึ้นไปเล่นไวโอลิน ท่าทางที่สุภาพ วงแขนที่แสนอบอุ่น กับไวโอลินที่ช่างเหมาะมือของเขามาก ทำให้ทานตะวันเหมือนตกอยู่ในโลกแห่งความฝัน ราวกับว่าที่ลานน้ำพุนั่น มีแค่เธอกับณาวาอยู่ด้วยกันแค่สองคน
"ตะวัน ตะวัน เป็นไรหรือเปล่า" เสียงของช้างปลุกให้เธอกับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
"อ้าว ช้าง มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ทานตะวันแกล้งถามเพื่อกลบเกลื่อนสายตา ที่กลัวช้างรู้ว่าเธอแอบมองแต่ณาวาอยู่คนเดียว
แต่นั่นก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะช้างรู้จักนิสัยของเพื่อนสนิทของเขาดี
"ชอบเค้าใช้มั้ยหละ" ช้างถามจี้จุด ทานตะวันถึงกับอึ้งไปกับคำถามที่แสนตรงของช้าง
"เปล่า บ้าหรอ ก็..ก็..ก็ แค่มาดูเฉยๆ คุณณาวาเค้าก็เล่นดีนี่น่า" ทานตะวันตอบอย่างตะกุกตะกัก
"หรอ เชื่อตาย มองแทบจะสิงร่างเขาได้อยู่แล้ว ไม่สมัครเข้าชมรมนี้เลยหละ" ช้างเริ่มประชด
"ไม่ดีกว่า" ทานตะวันก้มหน้าตอบ เธอต้องการเว้น...ที่ว่าง ระหว่างเธอกับณาวาไว้เพียงแค่นี้ เพราะยิ่งใกล้เธอก็ยิ่งรู้สึก หน่วงๆ ในหัวใจ
"เฮ้ยยย ชอบก็บอกว่าชอบสิ นี่ตอนนี้ฉันรวยแล้ว เธอลืมไปแล้วหรอ ให้ฉันพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอให้เลยเอามั้ย" ช้างแกล้งแหย่
"ทำเป็นพูดเล่นไป ไม่ขำนะช้าง" ทานตะวันบอกตามตรง
"พูดเล่นที่ไหน นี่พูดจริงทำจริงนะ คนที่ตะวันชอบทั้งคน แค่นี้ซำบายยย" ช้างวางมาดเต็มที จนทานตะวันต้องเผลอยิ้มออกมา
"ขอบใจนะช้าง"
"นี่ว่าแต่...ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่า ชอบเค้าจริงๆ" ช้างกระซิบถามด้วยความอยากรู้
ทานตะวันเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่สายตาที่เธอกำลังมองณาวาอยู่นั้นแทนคำตอบในใจของเธอได้ดี
ดิษยา ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอได้ยินทุกคำสนทนาระหว่างช้างและทานตะวัน ดิษยามองไปที่ณาวาอย่างมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่
เกวิตาหรือแก้ม หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเจ๊เฉียบ แกวานให้ไปเอาของจากร้านคนรู้จักให้หน่อย แก้มได้แต่ทำหน้าเซ็งแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ เกวิตามาที่ร้านอาหารของเพื่อนเจ๊เฉียบในห้างหรูกลางเมือง ทั้งชุดนักศึกษา ทางผู้จัดการให้เธอนั่งรอที่โต๊ะด้านใน เกวิตาเดินไปนั่งด้วยท่าทีที่ประหม่าเล็กน้อยถ้าเธอรู้ก่อนว่าร้านที่จะมาเป็นแบบนี้ ถ้าคงแต่งหน้าแต่งตาให้ดูดีกว่าตอนนี้ที่เธอดูโทรมมาก
เกวิตานั่งรอได้สักพักเธอก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังมาจากด้านหลัง ซึ่งไปห่างจากโต๊ะที่เธอนั่งสักเท่าไหร่นัก เกวิตาไม่กล้าที่จะหันไปเพราะกลัวจะเสียมารยาท แต่ด้วยความอยากรู้หันเลยไปสักหน่อย...คงไม่เป็นไร
"นายน้อยคิรินท์" เกวิตาเผลออุธานออกมาเมื่อเห็นคนที่เธอแอบปลื้มกำลังทะเลาะกับสาวไฮโซชื่อดังในร้านอาหารที่เธอนั่งอยู่
"ทำไมพี่รินท์ทำแบบนี้ ทั้งๆที่พี่รินท์คบกับพอลลี่อยู่ พี่รินท์ยังกล้าควงยัยนั่นไปงานเปิดร้านจิวเวอร์รี่ของเพื่อนพอลลี่อีก มันหมายความว่ายังไง" พอลลี่ถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ผิดกับคิรินท์ที่ยังคงนั่งเฉยแทบจะไม่ได้สนใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูดเลย
"พอลลี่กำลังถามพี่รินท์อยู่นะคะ" พอลลี่ย้ำอีกครั้ง คิรินท์ก็ยังคงเฉย เกวิตาที่แอบฟังก็ลุ้นอยู่เหมื่อนกันว่าคิรินท์จะตอบว่าอะไร
"คบ พอลลี่ใช่คำนี้กับพี่ไม่ได้หรอกนะ และผู้หญิงคนนั้นก็คงเหมือนกัน"
"ถ้าเราไม่ได้คบกัน แล้วที่ผ่านมาเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราคืออะไรคะพี่รินท์" พอลลี่เริ่มถามเสียงสั่นทั้งโมโหทั้งน้อยใจ
"ความพอใจ" คิรินท์ตอบอย่างไม่แคร์ เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่อง เคยชิน สำหรับเขาไปเสียแล้ว
"ความพอใจแค่นั้นหรอคะ" พอลลี่ถามให้แน่ใจอีกครั้งว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นมันถูกต้องแล้ว
"ใช่ และถ้าวันนี้พอลลี่ไม่พอใจ มันก็จบ ก็แค่นั้น" คำตอบของคิรินท์ที่แสนเย็นชา จนเกวิตาที่แอบฟังอยู่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความห่างเหิน
พอลลี่เริ่มจะทนไม่ไหว ทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วเรื่องความเจ้าชู้ของคิรินท์แต่เธอก็ทนยอมรับมันต่อไปไม่ได้จริงๆ
"จบหรอ ได้ค่ะพี่รินท์" พอลลี่กัดฟังพูดก่อนจะสาดน้ำในแก้วตรงหน้าเธอใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธ คิรินท์ได้แต่นิ่งไม่ตอบโต้
"หวังว่าน้ำแก้วนี้ คงทำให้พี่รู้สึกได้ว่า ความเย็นของน้ำ ก็ไม่ต่างอะไรกับใจของพี่รินท์ พอลลี่จะคอยดูวันที่พี่รินท์ไม่เหลือใคร"
พอลลี่พูดก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดัง เพราะต้องการให้คนรอบข้างหันมามอง
คิรินท์ใช้มือของเขาขึ้นมาเช็ดหน้าและปัดสะเก็ดน้ำตามเสื้อผ้าของเขา
"ใช้นี่ดีกว่าค่ะ" เกวิตาส่งผ้าเช็ดหน้าของเธอให้กับเขา คิรินท์เงยหน้ามามองเธอ ก่อนจะเริ่มมองเกวิตาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่อยากให้คนแปลกหน้า เสียน้ำใจ จึงรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาจากเธอ
"ขอบคุณครับ" คิรินท์ตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะส่งสัญญาณให้พนักงานนำบิลมาให้
"คุณไม่น่าพูดให้คุณผู้หญิงคนนั้นเสียความรู้สึกเลย อย่างน้อยคุณกับเค้าก็เคยรักกัน" เกวิตาตัดสินใจพูดตามความรู้สึกของเธอ
เธอคงติดนิสัยมาจากทานตะวันแน่ๆ เรื่องความไม่กลัวและไม่ยอมให้อะไรที่ไม่ถูกต้องผ่านไปง่ายๆ คิรินท์มองเกวิตาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งจนอีกฝ่ายเริ่มทำตัวไม่ถูก เขาต้องคิดว่าเธอเป็นคนจุ้นจ้านไปแล้ว คิรินท์เข้าใจผิดคิดว่าเกวิตาคงเข้ามาสมัครงานมากกว่าที่จะเป็นลูกค้าของร้านนี้ และคงคิดว่าเธอคงไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน คราวนี้คิรินท์มองที่ตาของอีกฝ่ายด้วยสายตาและท่าทางที่จริงจังมากขึ้น
"รักหรอ คงไม่ใช่ และผมไม่รู้หรอกนะ ว่าความรู้สึกนั้นเป็นแบบไหน แล้วก็ไม่คิดที่อยากจะรู้ด้วย"
เกวิตาหลังจากได้ยินคำตอบเธอได้แต่ยืนอึ้ง ทั้งที่รู้อยู่แล้วเรื่องกิติศัพท์ของนายน้อยคิรินท์ เธอก็อดเสียใจแทนพวกผู้หญิงที่เคยควงกับคิรินท์ไม่ได้
"ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นของคุณนะคะ" เกวิตาแทบจะกลั้นใจต่อว่าเขา ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างละอายที่พูดแบบนั้นออกไป
สำหรับเกวิตา เธอคิดแค่ว่าคิรินท์และเธอคงเจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เลยตัดสินใจพูดประโยคนั้นออกไป
คิรินท์มองหน้าคนแปลกหน้าอีกครั้งด้วยความแปลกใจ ด้วยความที่เขาผ่านผู้หญิงมามาก เลยเข้าใจเกวิตาผิดเข้าไปอีก
และถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มที่จะไม่พอใจ ก็แค่ต่างคนต่างแยกย้าย เท่านั้นเอง"
"ใจร้าย" เกวิตาเผลออุธานออกมา
"ไม่หรอก ผมออกจะใจดีเกินไปด้วยซ้ำ จะลองดูมั้ยหละ" คิรินท์แค่พูดเล่นๆ
แต่เกวิตาแทบจะพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากของคิรินท์ นี่เขากำลังคิดว่าเธอให้ท่าเขาอยู่หรือไง
คิรินท์ได้แต่ยิ้มที่ได้แกล้งอีกฝ่ายก่อนจะหยิบเงินพร้อมกับวางผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้บนโต๊ะ
"ขอให้เจ้าของร้าน รับคุณเข้าทำงานนะ" คิรินทร์พูดก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วเดินจากไป
เกวิตาได้แต่ยืนมองค้างกับรอยยิ้มนั่น เพราะคิรินท์ที่เป็นแบบนี้ สาวๆถึงได้ตรงหลุมรักเขาได้ง่ายๆ เกวิตาก้มมองดูตัวเองอย่างเริ่มปลง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาเก็บไว้
"ฉันไม่ได้มาสมัครงานสักหน่อย" เกวิตาบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คิรินท์จะเข้าใจเธอผิดในเรื่องนี้ เพราะถ้าเป็นเธอ เธอก็อาจคิดแบบเขาเหมือนกัน
เกวิตากลับมาทำงานด้วยท่าทีที่เหม่อลอย จนทานตะวันอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
"เป็นไรแก้ม" ทานตะวันถาม เกวิตาหันมามองหน้าเพื่อนก่อนจะโผเข้าไปกอดเหมือนต้องการที่พึ่ง
"นี่ฉันทำอะไรลงไป ฉันไม่น่าจะเข้าไปยุ่งหรือไปพูดกับเขาเลย" เกวิตาบ่นกับตะวันทั้งๆที่กอดเธออยู่
ทานตะวันเริ่มงงว่าเรื่องที่เพื่อนพูดหมายถึงเรื่องอะไร
"เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมดเลยนะ" ทานตะวันถามอย่างเป็นห่วง
เกวิตาพยักหน้าก่อนที่จะตัดสินใจเล่าเรื่องของคิรินท์ให้ทานตะวันฟัง