ประเทศไทยยุคปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งหมดทั่วประเทศรวม 160 แห่ง
แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 14 แห่ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ 14 แห่ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ 39 แห่ง (รอการอนุมัติอีก 1 แห่ง) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่ง
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 5 แห่ง สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ 2 แห่ง สถาบันอุดมศึกษา
ระดับวิทยาลัย 6 แห่ง โรงเรียนทหารและตำรวจสัญญาบัตร 4 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 39 แห่ง
สถาบัน 9 แห่ง และวิทยาลัยเอกชนอีก 21 แห่ง โดยมีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนปิดตัว
ไปแล้ว 8 แห่ง (ดูรายละเอียดได้ในรายชื่อสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย วิกิพีเดีย)
น่าอัศจรรย์ที่ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามากมายจนนับไม่ถ้วนในระยะ
เวลาสั้นๆ แต่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ เรามีสถาบันอุดมศึกษามากมายถึงเพียงนี้ แต่คำถามสำคัญคือ
แล้วสังคมของเรามีปัญญาชนจริงๆ สักกี่คน
มีผู้วิพากษ์เชิงเสียดสีว่า เมืองไทยในวันนี้เต็มไป ด้วยมหาวิทยาลัยใหญ่น้อย ทั้งมหาวิทยาลัยจริง
มหาวิทยาลัยเถื่อน มหาวิทยาลัยที่ต้องเรียนโดยใช้สติปัญญาอย่างหนัก และมหาวิทยาลัยจำพวก
เลือกเฉพาะคนโง่ๆ และไร้ความคิดเข้าไปเรียน “ขอแค่เพียงจ่าย (ค่าเทอม) ครบก็จบ (การศึกษา) แน่”
บ้านเรามีสถาบันอุดมศึกษาเยอะแยะจริง แต่ทว่าสังคมไทยกลับหาคนที่เป็นปัญญาชนจริงๆ ไม่ค่อยได้
เรามีคนจบปริญญาตรี โท และเอกมากมายก่ายกองหลายแสนหลายล้านคน แต่เราก็ยังขาดคนมี
สติปัญญาอย่างแท้จริง
เมื่อสังคมของเราขาดแคลนปัญญาชนตัวจริง สังคม จึงเต็มไปด้วยปัญหา สังคมที่ขาดปัญญาก็คือ
สังคมที่ไร้สมอง เป็นสังคมที่เลื่อยลอย ไร้ทิศทาง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกทีประเทศไทยในยามนี้
จึงเป็นสังคมที่ “คิดสั้น มองใกล้ ใฝ่ต่ำ” และยอมทำลายชาติเพื่อแลกกับผลประโยชน์ระยะสั้น
บัดนี้สังคมไทยเต็มไปด้วยนักธุรกิจการเมืองฉ้อฉล ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงบ้านกินเมืองทุกรูปแบบ
เท่านั้นยังไม่พอยังเต็มไปด้วยข้าราชการที่ชั่วช้ายอมขายศักดิ์ศรีของข้าราชการไทยให้นักการเมือง
โกงชาติ เพื่อหวังให้ตนเองได้มีตำแหน่งใหญ่โต หรือกระโดดข้ามขั้นจากข้าราชการเข้าไปเป็นรัฐมนตรี
ซึ่งเข้าข่ายจำพวก “มีวันนี้เพราะพี่ให้” หรือ “ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเป็นขี้ข้าทักษิณ”
ประเด็นเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงประจักษ์ คนไทยรู้ดี กันทั้งแผ่นดิน แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังนิ่งเฉย
ส่วนเหล่านิสิต-นักศึกษาที่อยู่ในคราบปัญญาชน ก็นิ่งเฉยเช่นกัน แม้จะมีกลุ่มปัญญาชนออกมาเคลื่อน
ไหวคัดค้านบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยนิด ส่วนกลุ่มที่อ้างว่าตนคือปัญญาชนชั้นฟ้าชั้นสวรรค์ อย่าง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นนิ่งเฉยราวกับคนมืดบอด
จึงมีคำถามบังเกิดขึ้นว่า เมืองไทยในยุคนี้ ยังมี ปัญญาชนตัวจริงหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ แล้วที่เรา
เห็นเยาวชนคนหนุ่ม-สาวสวมเครื่องแบบนิสิต-นักศึกษาเดินไปมาขวักไขว้ล้นหลามนั้น แท้จริงแล้ว
เขาคือปัญญาชน หรือเป็นแค่เพียงหุ่นยนต์ที่ท่องตำราได้เท่านั้น
หรือว่ากลุ่มคนที่อ้างตนว่าเป็นปัญญาชนไทยในยุคนี้ เขาไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์สาธารณะ
แต่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องของตนเองเป็นใหญ่ เขามองปัญหาบ้านเมืองเป็นเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขา
จึงไม่เดือดร้อนกับการที่บ้านเมืองถูกโกงกิน แต่เขาเดือดร้อนแค่เพียงเรื่องเครื่องแบบนักศึกษา
เขามองว่าสวมเครื่องแบบแล้วเหมือนถูกข่มขื่น ขอโทษนะ หากปัญญาชนคิดได้แค่นี้ ก็ไม่จำเป็นต้อง
มีสถาบันอุดมศึกษาอีกต่อไป เพราะไร้ค่า เปล่าประโยชน์ สมควรจะลบคำว่าปัญญาชนทิ้งไปจากสังคมไทย
http://www.naewna.com/politic/columnist/9169
ปัญญาชนมีมากน้อยแค่ไหน สำหรับบทความนี้คงวัดจากคนที่ไปชุมนุม ทีสวนลุม...
กับที่ สี่แยกอุรุพงษ์ กระมัง อ้าว โดนซะแล้ว ทั้งจุฬา...ทั้งธรรมศาสตร์เลย .....
เห็นแมะ สู้รามคำแหง ก็ ไม่ได้ จุฬา ... ธรรมศาสตร์ สู้ .. สู้ กันหน่อย
ต้องสนับสนุน รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกันนะคะ ... ผิด/ถูก ก็จัดการไปตามระบบ
วันนี้ ยังไม่เห็นการประกาศ โค่นระบบทักษิณ เลย เรียกร้อง แจกหุ้นปตท. ซะแล้ว
สังคมไทยยังมีปัญญาชนเหลือบ้างไหม บทนำ แนวหน้าออนไลน์
แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 14 แห่ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ 14 แห่ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ 39 แห่ง (รอการอนุมัติอีก 1 แห่ง) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่ง
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 5 แห่ง สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ 2 แห่ง สถาบันอุดมศึกษา
ระดับวิทยาลัย 6 แห่ง โรงเรียนทหารและตำรวจสัญญาบัตร 4 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 39 แห่ง
สถาบัน 9 แห่ง และวิทยาลัยเอกชนอีก 21 แห่ง โดยมีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนปิดตัว
ไปแล้ว 8 แห่ง (ดูรายละเอียดได้ในรายชื่อสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย วิกิพีเดีย)
น่าอัศจรรย์ที่ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษามากมายจนนับไม่ถ้วนในระยะ
เวลาสั้นๆ แต่ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคือ เรามีสถาบันอุดมศึกษามากมายถึงเพียงนี้ แต่คำถามสำคัญคือ
แล้วสังคมของเรามีปัญญาชนจริงๆ สักกี่คน
มีผู้วิพากษ์เชิงเสียดสีว่า เมืองไทยในวันนี้เต็มไป ด้วยมหาวิทยาลัยใหญ่น้อย ทั้งมหาวิทยาลัยจริง
มหาวิทยาลัยเถื่อน มหาวิทยาลัยที่ต้องเรียนโดยใช้สติปัญญาอย่างหนัก และมหาวิทยาลัยจำพวก
เลือกเฉพาะคนโง่ๆ และไร้ความคิดเข้าไปเรียน “ขอแค่เพียงจ่าย (ค่าเทอม) ครบก็จบ (การศึกษา) แน่”
บ้านเรามีสถาบันอุดมศึกษาเยอะแยะจริง แต่ทว่าสังคมไทยกลับหาคนที่เป็นปัญญาชนจริงๆ ไม่ค่อยได้
เรามีคนจบปริญญาตรี โท และเอกมากมายก่ายกองหลายแสนหลายล้านคน แต่เราก็ยังขาดคนมี
สติปัญญาอย่างแท้จริง
เมื่อสังคมของเราขาดแคลนปัญญาชนตัวจริง สังคม จึงเต็มไปด้วยปัญหา สังคมที่ขาดปัญญาก็คือ
สังคมที่ไร้สมอง เป็นสังคมที่เลื่อยลอย ไร้ทิศทาง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกทีประเทศไทยในยามนี้
จึงเป็นสังคมที่ “คิดสั้น มองใกล้ ใฝ่ต่ำ” และยอมทำลายชาติเพื่อแลกกับผลประโยชน์ระยะสั้น
บัดนี้สังคมไทยเต็มไปด้วยนักธุรกิจการเมืองฉ้อฉล ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงบ้านกินเมืองทุกรูปแบบ
เท่านั้นยังไม่พอยังเต็มไปด้วยข้าราชการที่ชั่วช้ายอมขายศักดิ์ศรีของข้าราชการไทยให้นักการเมือง
โกงชาติ เพื่อหวังให้ตนเองได้มีตำแหน่งใหญ่โต หรือกระโดดข้ามขั้นจากข้าราชการเข้าไปเป็นรัฐมนตรี
ซึ่งเข้าข่ายจำพวก “มีวันนี้เพราะพี่ให้” หรือ “ได้เป็นรัฐมนตรีเพราะเป็นขี้ข้าทักษิณ”
ประเด็นเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงประจักษ์ คนไทยรู้ดี กันทั้งแผ่นดิน แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังนิ่งเฉย
ส่วนเหล่านิสิต-นักศึกษาที่อยู่ในคราบปัญญาชน ก็นิ่งเฉยเช่นกัน แม้จะมีกลุ่มปัญญาชนออกมาเคลื่อน
ไหวคัดค้านบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยนิด ส่วนกลุ่มที่อ้างว่าตนคือปัญญาชนชั้นฟ้าชั้นสวรรค์ อย่าง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นนิ่งเฉยราวกับคนมืดบอด
จึงมีคำถามบังเกิดขึ้นว่า เมืองไทยในยุคนี้ ยังมี ปัญญาชนตัวจริงหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ แล้วที่เรา
เห็นเยาวชนคนหนุ่ม-สาวสวมเครื่องแบบนิสิต-นักศึกษาเดินไปมาขวักไขว้ล้นหลามนั้น แท้จริงแล้ว
เขาคือปัญญาชน หรือเป็นแค่เพียงหุ่นยนต์ที่ท่องตำราได้เท่านั้น
หรือว่ากลุ่มคนที่อ้างตนว่าเป็นปัญญาชนไทยในยุคนี้ เขาไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์สาธารณะ
แต่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องของตนเองเป็นใหญ่ เขามองปัญหาบ้านเมืองเป็นเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขา
จึงไม่เดือดร้อนกับการที่บ้านเมืองถูกโกงกิน แต่เขาเดือดร้อนแค่เพียงเรื่องเครื่องแบบนักศึกษา
เขามองว่าสวมเครื่องแบบแล้วเหมือนถูกข่มขื่น ขอโทษนะ หากปัญญาชนคิดได้แค่นี้ ก็ไม่จำเป็นต้อง
มีสถาบันอุดมศึกษาอีกต่อไป เพราะไร้ค่า เปล่าประโยชน์ สมควรจะลบคำว่าปัญญาชนทิ้งไปจากสังคมไทย
http://www.naewna.com/politic/columnist/9169
ปัญญาชนมีมากน้อยแค่ไหน สำหรับบทความนี้คงวัดจากคนที่ไปชุมนุม ทีสวนลุม...
กับที่ สี่แยกอุรุพงษ์ กระมัง อ้าว โดนซะแล้ว ทั้งจุฬา...ทั้งธรรมศาสตร์เลย .....
เห็นแมะ สู้รามคำแหง ก็ ไม่ได้ จุฬา ... ธรรมศาสตร์ สู้ .. สู้ กันหน่อย
ต้องสนับสนุน รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกันนะคะ ... ผิด/ถูก ก็จัดการไปตามระบบ
วันนี้ ยังไม่เห็นการประกาศ โค่นระบบทักษิณ เลย เรียกร้อง แจกหุ้นปตท. ซะแล้ว