กู๊ด KPN ในสังคมไทยแบบครึ่งๆกลางๆ ความล้าหลังของการศึกษา

เป็นกระแสร้อนแรงพอสมควรในโลกโซเชี่ยลกับการปะทะระหว่างสองแนวคิด “เสรีนิยม” และ “อนุรักษ์นิยม”
เมื่อนักศึกษาธรรมศาสตร์หัวก้าวหน้ากลุ่มหนึ่งลุกขึ้นทำเคมเปญการไม่ใส่ชุดนักศึกษาเข้าเรียน
โดยภาพโปสเตอร์ที่กระชากต่อมศีลธรรมจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมออกมาต่อต้านอย่างมากมาย
และล่าสุดกับนักร้องอย่างนาย “กู๊ด KRN” ก็ออกโรงโชว์ความเป็นอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว

"good_kpn ผมเป็นนักศึกษาที่ภูมิใจกับชุดนักศึกษาของผม และขอบคุณ TU BAND ที่ให้ใส่ชุดนี้ขึ้นร้องเพลงซึ่งเป็นการใส่ชุดนักศึกษาแล้วทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ "พวกคุณ" ควรให้เกียรติกับเครื่องแบบ สัญลักษณ์ และความเป็นธรรมศาสตร์ ถ้าทำไม่ได้และออกมาเรียกร้องเสรีภาพด้วยวิธีการดูหมิ่น ก็ไปเรียนที่อื่น ที่ที่คุณพึงพอใจซะ อย่ามาถ้าไม่เคารพ เสียดายที่ให้คนอื่น #โมโหจริงๆนะ #นั่งพิมพ์นานมากๆๆๆ #มันขึ้นอ่ะ #เป็นคนหนึ่งที่ไม่ใส่ชุดนศ.ทุกวัน #แต่ภูมิใจที่ได้ใส่นะ #ปลวกจิต #ฝันดีนะที่รักทุกคน #ฝันร้ายซะพวกที่ทำ #โมโหเหวี่ยงเขวี้ยงงา"
อ่านต่อ http://goo.gl/B1OofD

ผมไม่แปลกใจสักนิดที่จะมีแนวความคิดนี้ออกมาให้เห็นอย่างมากมาย
แต่ก่อนที่ผมจะเข้าเนื้อหาขอเกริ่นคร่าวๆถึงเรื่องราวนี้ก่อนะครับ

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีกฏมหาวิทยาลัยชัดเจนว่า “นักศึกษาไม่ต้องแต่งเครื่องแบบเข้าเรียน”
แต่ในยุคหลังๆก็มีหลายวิชาหลายคณะรณรงค์ถึงกับบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษามาเรียนเรียกได้ว่าถ้าไม่มีชุดก็ไม่ให้เรียนแบบนั้น
แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อตั้งด้วยจิตวิญญาณของผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองไทยอย่าง ปรีดี พนมยงค์
ที่หวังให้เป็นตลาดวิชาให้ประชาชนเข้ามาหาความรู้ “อย่างเท่าเทียม” และเป็นดินแดนที่ทุกคนมี “เสรีภาพ”
นั่นย่อมหมายความว่าการ “บังคับ” ให้แต่งเครื่องแบบไม่เป็นไปตามจิตวิญญาณของมหาวิทยาลัยและขัดกับโลกสมัยใหม่อย่างชัดเจน


ทำไมต้องยกเลิกบังคับการบังคับใส่ชุดนักศึกษา
- ปรัชญาการศึกษาส่วนหนึ่งคือการเข้ามาแสวงหาความรู้ “อันหลากหลาย”
ให้เราได้รู้จัก “ใช้ความคิด” ตัวเองวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลต่างๆ

แต่การบังคับใส่ชุดนักศึกษาเป็นการย้อนแย้งสิ่งเหล่านั้น

ว่าสุดท้ายแล้วเรากับให้ความสำคัญกับส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการศึกษาเลย
ทั้งยังขัดกับโลกสมัยใหม่และเสรีภาพที่แม้แต่บนตัวของเรายังไม่สิทธิที่จะ “เลือก” เลยว่าจะใส่อะไร

ชุดนักศึกษามันไม่มีโอกาสได้ใส่กันทุกคนน่ะ จงภูมิใจ ในชุดของปัญญาชนเถิด
- ความภาคภูมิใจหรือไม่เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ไม่ใช่หน้าที่ใครที่จะต้องคอยไปชี้นิ้วให้คนอื่นภูมิใจร่วมกับตนเองด้วย
อีกอย่างทุกคนเข้ามาเพื่อแสวงหาความรู้ มิใช่เพื่อให้ภูมิใจแต่ชุดนักศึกษา
ทั้งยังเป็นการแบ่งแยกชนชั้นระหว่างปัญญาชนกับคนไร้การศึกษา หรือระหว่าง “มหาวิทยาลัยชั้นนำ” กับ “มหาวิทยาลัยชั้นล่าง”

เกียรติและศักดิ์ศรีอยู่ที่ชุดนักศึกษาและตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนเครื่องแบบของคุณ
ใครไม่อยากใส่นักศึกษา ไม่ชอบเครื่องแบบ ไม่เคารพตราสัญลักษณ์ ก็เชิญไปเรียนที่อื่น

- เป็นอะไรที่ไร้สาระมากที่เรายังคงยึดติดกับเกียรติยศศักดิ์ศรี ในโลกสมัยใหม่เราพร่ำสอนให้คนเรารู้จัก “เคารพ”
ความหลากหลายของสังคม ตระหนักถึง “คุณค่ามนุษย์” มากกว่าสิ่งจอมปลอมที่แบ่งแยกเพื่อนมนุษย์ออกจากกัน
แล้วการไล่ออกคนเห็นต่างไปอยู่ที่อื่น “ไม่ใช่วิถีทางของปัญญาชน”
นับเป็นความพินาศของระบบการศึกษาไทยที่ไม่สามารถสร้าง “ปัญญาชน” ได้อย่างแท้จริง
เพราะหากเราเป็นปัญญาชนแล้วควรรู้จัก “ใช้เหตุผล” ในการพูดคุย
ต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อความเห็นที่แตกต่าง ไม่ใช่ใช้อารมณ์ อ้างอะไรที่เลื่อนลอยและไล่คนเห็นต่าง

ทุกวันนี้เราต่างพากันบ่นว่าการศึกษาไทยมันล้มเหลวเด็กไทยคิดไม่เป็น...
แต่ทุกครั้งที่มีเด็กหรือคนนำเสนอความคิดที่แตกต่างเรากับไล่เขา ด่าเขา ประนามเขา
แต่กลับไม่เคยถกเถียงถึงเนื้อหาที่เขานำเสนออย่างจริงจัง
นี่คือความดัดจริตหรือความครึ่งๆกลางๆของไทยประเด็นหนึ่ง


เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้จบไปทำงานจะทนกับกฏเกณฑ์ของบริษัทได้อย่างไร ชุดพนักงานก็ต้องใส่
- สถาบันการศึกษามีหน้าที่ให้บริการความรู้แก่นักศึกษาซึ่งเสมือนลูกค้า พนักงานเป็นเพียงผู้ทำตามคำสั่งหรือนโยบายของบริษัท
อย่าลืมว่าสถานศึกษาคือสถานที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาแสวงหาความรู้และเน้นสำคัญคือ “สร้างความคิด” ของตัวเองออกมา
และการออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพนี้เป็นการแสดงออกตามโลกสมัยใหม่ต่อกฏเกณฑ์ที่ไม่ถูกต้อง

และหากพูดถึงความอดทนต่อกฏเกณฑ์แล้วพบว่าเด็กหัวก้าวหน้าพวกนี้มีมากกว่าพวกหัวอนุรักษ์นิยมที่อยากให้ใส่ชุดนักศึกษาเสียอีก
เพราะพวกต่อต้านเหล่านี้ต้องอยู่ในสภาวะถูกบังคับมาตลอดหลายปี
แต่ในขณะที่พวกไม่เห็นด้วยและด่าเขาว่าไม่อดทนกลับเป็นพวกที่มี “ความอดทนอดกลั้นต่อความแตกต่าง” ต่ำที่สุด

สังคมเรารักอิสระเพรียกหาความเท่าเทียมทุกครั้งที่มีข่าวคนรวยทำผิด
เราเรียกร้องหาเสรีภาพที่จะแสดงออกทางความคิดเมื่อเราอยากด่านักการเมือง...
แต่สิ่งพวกนี้กลับหายไปทันทีเมื่อเรากำลังเผชิญต่อความคิดของฝ่ายที่เราไม่เห็นด้วย ความครึ่งๆกลางๆของสังคมไทยประเด็นสอง


ถ้าไม่บังคับชุดนักศึกษาสังคมเราจะวุ่นวายขนาดไหน คนเราจะขาดระเบียบวินัยและกลายเป็นแหล่งแฟชั่น
- เราถูกบังคับไว้ทรงผมและใส่เครื่องแบบตั้งแต่เด็ก เรียนวิชาลูกเสือฝึกระเบียบวินัย
แล้วเราก็พบว่าสังคมเราก็ยังเป็นสังคมของคน “ขาดวินัย”
การบังคับใส่ชุดนักศึกษาไม่ใช่การแก้ปัญหา การสร้างจิตสำนึกแห่งการอยู่ร่วมกันคือทางแก้
ส่วนจะกลายเป็นแหล่งแฟชั่นหรือไม่นั่นไม่ใช่ปัญหาทุกวันนี้เราก็แข่งแฟชั่นกันด้วยเครื่องประดับ นาฬิกา กระเป๋าอยู่แล้ว
และคงมีนักเรียนไม่ถึงครึ่งหรอกครับที่จะแต่งตัวมาประชันทุกวัน

ที่จริงยังมีอีกหลายหัวข้อที่ยังอยากจะเขียนมากแต่ข้อไว้แค่นี้ก่อนครับ
ผมสรุปเลยว่าเรื่องนี้ถ้ามองให้ไกลออกไปกว่า มธ ไปถึงสถาบันการศึกษาอื่นๆตั้งแต่โรงเรียนขึ้นมา
มันสะท้อนรากเหง้า “ความเป็นไทย” ได้อย่างดี ระบบการศึกษาไทยมันดีนะครับมันสร้างคนที่ยอมจำนนต่อ “อำนาจ”
เป็นคนที่ชนชั้นปกครองชอบนักคือ...”คิดไม่เป็น”

แต่สำหรับผมยังไงมันก็คือ “ความล้มเหลวและล้าหลัง”  โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งเพศ ทั้งความคิด
แต่คนไทยยังคงไม่รู้จักที่ “อยู่ร่วม” และ “อดทนอดกลั้น” ต่อความเห็นที่แตกต่าง
ไม่ตระหนักถึงคำว่า “สิทธิ” และ “เสรีภาพ” จมอยู่กับอะไรที่จับต้องไม่ได้เช่นเกียรติยศ ชื่อเสียงสถาบัน
มากกว่าที่จะตระหนักถึง “ความเป็นคน” และคุณค่าของมนุษย์


ปัญหามันนี้มันแก้ได้นิดเดียวครับ “ใครอยากใส่ชุดนักศึกษาใส่ไป ใครไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่”
อย่าเอาศีลธรรม เกียรติยศของคุณไปยัดเยียดให้คนอื่นเขาเลยครับ
เขาไม่ได้ชอบอย่างคุณ ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณ จะไปบังคับเขาทำไมครับ


การแต่งชุดไปรเวทไปเรียนก็ไม่ได้ทำให้การเรียนมันแย่ลงหรือสังคมเสื่อมทรามหรอก
ลองยกเลิกการแต่งชุดสิครับถ้าสังคมถึงขั้นอับ-ปลี ผมยอมบริจาคเงินหมดตัวเพื่อปฏิรูปการศึกษาใหม่เลย
เป็นปัญญาชนกันแล้วกรุณา “ใช้เหตุผลพูดคุย” ให้พื้นที่แก่คนคิดต่าง “ถกเถียงหาทางออก”
ไม่ใช่ดีแต่ด่าดีแต่ไล่มันเป็นวิถีของคนเขลามีแต่อารมณ์

และถึงนายกู๊ดคนนี้ มันย้อนแย้งมากในสิ่งที่คุณด่ากับ “จิตวิญญาณ” ธรรมศาสตร์ที่คุณเข้ามาเรียน!
คุณอ้างสารพัดถึงเกียรติและชื่อเสียงสถาบัน แต่คุณไม่เข้าใจจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์เลยสักนิด
ผมขำนะ แต่ผมก็ไม่ไล่คุณหรอก ไม่อารมณ์ขึ้นอยากจะกระทืบด้วย
ปล่อยคนแบบคุณไว้ที่นั่นแหล่ะเพราะสังคม "เสรี" เปิดกว้างและอยู่ร่วมได้กับทุกความคิดครับ

**ผมขอตัดส่วนหนึ่งของบทความนี้ออก โดยยกไปไว้ในความคิดเห็นข้างล่างนะครับ
เพราะกลายเป็นผมนำเสนอหลายประเด็นเกินไป เลยขอแค่ประเด็นตรงนี้ก่อน
ส่วนข้อความที่เอาออกนี้จะนำไปไว้ที่ด้านล่างแทนครับ**


ปล. ที่แท็กการเมืองด้วยเพราะว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นส่วนเกี่ยวข้องที่มีบทบาทร่วมกับการเมืองมาโดยตลอดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่