คนตกน้ำ ๗ จำพวก (ระดับ ต่าง ๆ แห่ง บุคคล ผู้ ถอน ตัว ขึ้น จาก ทุกข์ )
ภิกษุ ท . ! บุคคล เปรียบ ด้วย บุคคล ตก น้ำ เจ็ด จำพวก เหล่า นี้ มี อยู่
หา ได้ อยู่ ใน โลก . เจ็ด จำพวก เหล่า ไหน เล่า ? ภิกษุ ท . ! ใน กรณี นี้ :
( ๑ ) บุคคล บาง คน จม น้ำ คราว เดียว แล้ว ก็ จม เลย ;
( ๒ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น ครั้ง หนึ่ง แล้ว จึง จม เลย ;
( ๓ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว ลอยตัว อยู่ ;
( ๔ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว เหลียว ดู รอบ ๆ อยู่ ;
( ๕ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว ว่าย เข้าหา ฝั่ง ;
( ๖ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว เดิน เข้า มา ถึงที่ ตื้น แล้ว ;
( ๗ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว ถึง ฝั่ง ข้าม ขึ้น บก แล้วเป็น พราหมณ์ ยืน อยู่ .
ภิกษุ ท . ! ( ๑ ) บุคคล จม น้ำ คราว เดียว แล้ว ก็ จม เลย เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ประกอบ ด้วย อกุศล ธรรม ฝ่าย
เดียว โดย ส่วน เดียว . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า จม คราว เดียว แล้ว จม เลย .
ภิกษุ ท . ! ( ๒ ) บุคคล ผุด ขึ้น ครั้ง หนึ่ง แล้ว จึง จม เลย เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . แต่ ว่า สัทธา เป็นต้น ของ เขา ไม่ ตั้ง อยู่ นาน ไม่ เจริญ เสื่อม สิ้น ไป .
อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น ครั้ง หนึ่ง แล้ว จึง จม เลย .
ภิกษุ ท . ! ( ๓ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว ลอยตัว อยู่ เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล
ธรรม ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล
ธรรม ทั้ง หลาย . และ สัทธา เป็นต้น ของ เขา ไม่ เสื่อม ไม่ เ จริญ แต่ ทรงตัว อยู่.
อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว ลอยตัว อยู่ .
ภิกษุ ท . ! ( ๔ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว เหลียว ดู รอบ ๆ อยู่ เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . บุคคล นั้น เพราะ สิ้น ไป แห่ง สัง โยชน์ สาม เป็น โสดา บัน มี ความ
ไม่ ตกต่ำ เป็น ธรรมดา เป็น ผู้ เที่ยง แท้ ต่อ พระ นิพพาน มี การ ตรัสรู้ พร้อม ใน เบื้อง
หน้า . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว เหลียว ดู รอบ ๆ อยู่ .
ภิกษุ ท . ! ( ๕ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว ว่าย เข้าหา ฝั่ง เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี – มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . บุคคล นั้น เพราะ สิ้น ไป แห่ง สัง โยชน์ สาม และ เพราะ ความ เบาบาง แห่ง
ราคะ โทสะ โมหะ เป็น สกิ ทา คามี มา สู่ โลก นี้ อีกเพียง ครั้ง เดียว แล้ว ทำ ที่สุด
แห่ง ทุกข์ ได้ . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว ว่าย เข้าหา ฝั่ง .
ภิกษุ ท . ! ( ๖ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว เดิน เข้า มา ถึงที่ ตื้น แล้ว เป็นอย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม ทั้ง
หลาย มี ริ ดี – มี โอตตัป ปะ ดี – มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม ทั้ง
หลาย . บุคคล นั้น เพราะ สิ้น ไป แห่ง โอ รัม ภาคิยสัง โยชน์ ทั้ง ห้า เป็น โอป ปา ติกะ
(อนาคามี) มี การ ปรินิพพาน ใน ภพ นั้น ไม่ เวียน กลับ จาก โลก นั้น เป็น ธรรมดา .
อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว เดิน เข้า มา ถึงที่ ตื้น แล้ว .
ภิกษุ ท . ! ( ๗ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว ถึง ฝั่ง ข้าม ขึ้น บก แล้ว เป็น พราหมณ์ยืน อยู่ เป็น อย่างไร เล่า
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . บุคคล นั้น ได้ กระทำ ให้ แจ้ง ซึ่ง เจ โต วิมุตติ ปัญญา วิมุตติ อัน หา
อา สวะ มิได้ (พระอรหันต์) เพราะ ความ สิ้น ไป แห่ง อา สวะ ทั้ง หลาย ด้วย ปัญญา
อัน ยิ่ง เอง ใน ทิฏฐ ธรรม นี้ เข้า ถึง แล้ว อยู่ . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว
ถึง ฝั่ง ข้าม ขึ้น บก แล้ว เป็น พราหมณ์ ยืน อยู่ .
ภิกษุ ท . ! เหล่า นี้ แล บุคคล เปรียบ ด้วย บุคคล ตก น้ำ เจ็ด จำพวก ซึ่ง มี
อยู่ หา ได้ อยู่ ใน โลก .
ที่มา- สตฺ ตก . อํ . ๒๓ / ๑๐ / ๑๕ (พุทธวัจน์)
http://www.watpamafai.org/index.php?mo=3&art=41910500
ฝากไว้พิจารณากันนะครับ
คนตกน้ำ ๗ จำพวก
ภิกษุ ท . ! บุคคล เปรียบ ด้วย บุคคล ตก น้ำ เจ็ด จำพวก เหล่า นี้ มี อยู่
หา ได้ อยู่ ใน โลก . เจ็ด จำพวก เหล่า ไหน เล่า ? ภิกษุ ท . ! ใน กรณี นี้ :
( ๑ ) บุคคล บาง คน จม น้ำ คราว เดียว แล้ว ก็ จม เลย ;
( ๒ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น ครั้ง หนึ่ง แล้ว จึง จม เลย ;
( ๓ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว ลอยตัว อยู่ ;
( ๔ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว เหลียว ดู รอบ ๆ อยู่ ;
( ๕ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว ว่าย เข้าหา ฝั่ง ;
( ๖ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว เดิน เข้า มา ถึงที่ ตื้น แล้ว ;
( ๗ ) บุคคล บาง คน ผุด ขึ้น แล้ว ถึง ฝั่ง ข้าม ขึ้น บก แล้วเป็น พราหมณ์ ยืน อยู่ .
ภิกษุ ท . ! ( ๑ ) บุคคล จม น้ำ คราว เดียว แล้ว ก็ จม เลย เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ประกอบ ด้วย อกุศล ธรรม ฝ่าย
เดียว โดย ส่วน เดียว . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า จม คราว เดียว แล้ว จม เลย .
ภิกษุ ท . ! ( ๒ ) บุคคล ผุด ขึ้น ครั้ง หนึ่ง แล้ว จึง จม เลย เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . แต่ ว่า สัทธา เป็นต้น ของ เขา ไม่ ตั้ง อยู่ นาน ไม่ เจริญ เสื่อม สิ้น ไป .
อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น ครั้ง หนึ่ง แล้ว จึง จม เลย .
ภิกษุ ท . ! ( ๓ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว ลอยตัว อยู่ เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล
ธรรม ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล
ธรรม ทั้ง หลาย . และ สัทธา เป็นต้น ของ เขา ไม่ เสื่อม ไม่ เ จริญ แต่ ทรงตัว อยู่.
อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว ลอยตัว อยู่ .
ภิกษุ ท . ! ( ๔ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว เหลียว ดู รอบ ๆ อยู่ เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . บุคคล นั้น เพราะ สิ้น ไป แห่ง สัง โยชน์ สาม เป็น โสดา บัน มี ความ
ไม่ ตกต่ำ เป็น ธรรมดา เป็น ผู้ เที่ยง แท้ ต่อ พระ นิพพาน มี การ ตรัสรู้ พร้อม ใน เบื้อง
หน้า . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว เหลียว ดู รอบ ๆ อยู่ .
ภิกษุ ท . ! ( ๕ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว ว่าย เข้าหา ฝั่ง เป็น อย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี – มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . บุคคล นั้น เพราะ สิ้น ไป แห่ง สัง โยชน์ สาม และ เพราะ ความ เบาบาง แห่ง
ราคะ โทสะ โมหะ เป็น สกิ ทา คามี มา สู่ โลก นี้ อีกเพียง ครั้ง เดียว แล้ว ทำ ที่สุด
แห่ง ทุกข์ ได้ . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว ว่าย เข้าหา ฝั่ง .
ภิกษุ ท . ! ( ๖ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว เดิน เข้า มา ถึงที่ ตื้น แล้ว เป็นอย่างไร เล่า ?
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม ทั้ง
หลาย มี ริ ดี – มี โอตตัป ปะ ดี – มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม ทั้ง
หลาย . บุคคล นั้น เพราะ สิ้น ไป แห่ง โอ รัม ภาคิยสัง โยชน์ ทั้ง ห้า เป็น โอป ปา ติกะ
(อนาคามี) มี การ ปรินิพพาน ใน ภพ นั้น ไม่ เวียน กลับ จาก โลก นั้น เป็น ธรรมดา .
อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว เดิน เข้า มา ถึงที่ ตื้น แล้ว .
ภิกษุ ท . ! ( ๗ ) บุคคล ผุด ขึ้น แล้ว ถึง ฝั่ง ข้าม ขึ้น บก แล้ว เป็น พราหมณ์ยืน อยู่ เป็น อย่างไร เล่า
ภิกษุ ท . ! บุคคล บาง คนใน กรณี นี้ ผุด ขึ้น คือ มี สัทธา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย มี หิริ ดี - มี โอตตัป ปะ ดี - มี วิริยะ ดี - มี ปัญญา ดี ใน กุศล ธรรม
ทั้ง หลาย . บุคคล นั้น ได้ กระทำ ให้ แจ้ง ซึ่ง เจ โต วิมุตติ ปัญญา วิมุตติ อัน หา
อา สวะ มิได้ (พระอรหันต์) เพราะ ความ สิ้น ไป แห่ง อา สวะ ทั้ง หลาย ด้วย ปัญญา
อัน ยิ่ง เอง ใน ทิฏฐ ธรรม นี้ เข้า ถึง แล้ว อยู่ . อย่าง นี้ แล เรียก ว่า ผุด ขึ้น แล้ว
ถึง ฝั่ง ข้าม ขึ้น บก แล้ว เป็น พราหมณ์ ยืน อยู่ .
ภิกษุ ท . ! เหล่า นี้ แล บุคคล เปรียบ ด้วย บุคคล ตก น้ำ เจ็ด จำพวก ซึ่ง มี
อยู่ หา ได้ อยู่ ใน โลก .
ที่มา- สตฺ ตก . อํ . ๒๓ / ๑๐ / ๑๕ (พุทธวัจน์)
http://www.watpamafai.org/index.php?mo=3&art=41910500
ฝากไว้พิจารณากันนะครับ