เมื่อพ่อฉันเป็นมะเร็ง ตอนที่ 3 (ตอนสุดท้าย)

ตอนที่ 1     http://ppantip.com/topic/31103392
ตอนที่ 2     http://ppantip.com/topic/31104084

ตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ขอบคุณที่อ่านกันจนถึงตอนนี้ ต่อกันเลยค่ะ

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พ่อกลับบ้านไปพักฟื้น แม่พาไปหาหมอที่คลีนิกนอกเวลา โรงพยาบาลจุฬา ตอนแรกเป็นหมอลำไส้ หมอบอกว่านี่คุณเป็นระยะ 4 แล้วนะเนี่ย พ่อช็อคเลยค่ะ ตีโพยตีพายกับแม่ใหญ่ว่าทำไมไม่บอกเขา มีการกระซิบบอกแม่อีกว่าไม่ให้บอกเราว่าเขารู้แล้ว กลัวเราห่วงความรู้สึกเขา ตอนแม่เล่านี่น้ำตาซึมเลย จากนั้นหมอลำไส้จึงส่งเรื่องต่อให้หมอมะเร็ง

วันที่ไปหาหมอมะเร็งถึงได้รู้ว่าคนที่เป็นโรคนี้เยอะมาก (มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้) หมอบอกว่าจะต้องรออีกสามอาทิตย์ถึงจะให้คีโมได้ เบื้องต้นจะส่งพ่อไปเอกซเรย์อีกรอบ และทำ MRI คือการเอ็กซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อที่จะดูว่าตกลงมีทั้งหมดกี่จุดกันแน่ ตอนทำ MRI นานมากค่ะ เราจำได้ว่าเข้าไป 2  ชั่วโมง จากคำบอกเล่าของพ่อ มันเป็นการเข้าไปในอุโมง มีเสียงตื้ดดด ตื้ด ตลอดเวลา ยกแขนจนเมื่อย แต่พ่อก็อดทนทำจนเสร็จ (บางคนทนไม่ไหวก็มีค่ะ)

ถึงวันให้คีโม หมอดูฟิลม์แล้วทำหน้าเครียด บอกว่ามันกระจายไปค่อนข้างเยอะแล้ว นอกจากคีโมต้องให้ยาอีกตัวด้วยคือยาคุมมันไว้ คีโมคือลด ทำให้มันฝ่อ ซึ่งยาคุมตัวนี้แพงมาก (9 หมื่น) รวมคีโมแบบถูก(3 หมื่น) เป็นแสนสองต่อครั้งค่ะ ถ้าเลือกคีโมแบบแพงจะต้องเพิ่มอีก 3 หมื่น ต่างกันตรงที่แบบถูกมาจากอินเดียว แบบแพงมาจากฝรั่งเศส หมอบอกไม่ต่างกันมาก

เห็นค่าใช้จ่าย แทบเป็นลมกันทั้งบ้าน 555 แล้วต้องทำอย่างน้อย 6-8 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 3 อาทิตย์

ห้องที่นั่งให้คีโมไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ มีคนให้คีโมแล้วญาติๆนั่งเฝ้า เราค่อนข้างดีใจกับบรรยากาศนะคะ คือพ่อเจอคนที่ต้องสู้กับโรคร้ายนี้เหมือนๆกัน มีคุณลุงคนหนึ่งพาภรรยามาให้คีโม มีประสบการณ์โชกโชน เข้ามาคุยด้วย เราเลยได้ความรู้เกี่ยวกับเรานี้มากขึ้นเยอะมาก เรานั่งคุยจิปาถะกับพ่อจนพ่อให้คีโมเสร็จ ประมาณสองชั่วโมงนิดๆ พ่อบอกว่ามันแปล๊บๆที่แขน เหมือนกระแสไฟฟ้าช็อต ทุกคนได้แต่ภาวนาว่าพ่อจะไม่โดนผลข้างเคียงเยอะมาก

แม่เราไล่ให้พ่อไปตัดผมสั้นขึ้น แม่กระซิบบอกเราว่าตอนผมร่วงจะได้ไม่ตกใจมาก พ่อปรับการกินอาหาร จากไม่คอยกินผักกินปลาหนักเนื้อ กลายเป็นกินดีขึ้น ไม่แตะเหล้าเบียร์ เพื่อรักษาระดับเม็ดเลือดขาวของพ่อ แม่จะต้มไข่ให้พ่อกินวันละหกฟอง กินแต่ไข่ขาว หลังๆพ่อเริ่มโอดครวญไม่อยากกิน เบื่อ แม่เลยอนุโลมเหลือ 4 ฟอง เช้า 2 เย็น 2 แต่ไปซื้อไข่เบอร์ 0 จากเบอร์ 2 กร๊ากกกกกกกกกก

พ่อจะให้คีโมทุกวันพุธเย็น พอครั้งที่สองเริ่มรู้แกว คือไปออกจากบ้านตั้งแต่บ่ายสอง ตรวจเสร็จเกือบห้าโมงก็ให้เลย จะเสร็จประมาณทุ่มครึ่ง เราจะตามมาสมทบได้ประมาณ หกโมงครึ่ง และแฟนเรามาสมทบตอนทุ่มหนึ่ง เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ครอบครัวเราจะนั่งให้กำลังใจพ่อ(จริงๆคือนั่งเม้าท์) กลุ่มใหญ่ เสริมเก้าอี้หลายตัว เฮฮามากจากพ่อเกือบลืมว่าตัวเองมีสายจิ้มอยู่ 555 มีเดินโฉบไปคุยกับผู้ป่วยคนอื่นๆที่คุ้นๆ

หลังให้คีโม สองวันแรกๆพ่อจะเพลียตลอด นั่งหลับระหว่างวัน กินน้อย(กว่าทุกวัน) พ่อเราถือว่าโดนผลมันไม่ค่อยมาก ผมไม่ค่อยร่วง ยังกินได้ และไม่คลื่นไส้ ถึงกับน้ำหนักขึ้นทุกครั้งที่ไปให้คีโมจนหมองง แต่ยิ่งมากครั้งยิ่งทรุด พยาบาลบอกเป็นเรื่องปกติ

พ่อกู้เงินที่ทำงานได้ 4 แสนแบบดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์ สำรองจ่ายไปก่อน มีญาติๆช่วยมา 2 แสน (ไม่รู้ว่าพ่อรับไหม แต่ตอนนั้นซึ้งในน้ำใจญาติๆพ่อมากกว่า)

สามครั้งของการให้คีโมผ่านไป หมอบอกให้เป็นเอกซเรย์กับ MRI ใหม่เพื่อดูผลว่ามันยุบไหม ปรากฏว่ายุบค่ะ ยิ้ม เยสสสสสสส หมอเลยแนะนำให้ผ่าออก พ่อนี่ซีดเลย แบบผ่าอีกแว้วววว แต่ก็ปรึกษาหมอว่าทำพร้อมกับยกไส้ลงได้ไหม หมอเลยส่งเรื่องให้หมอลำไส้ แต่ทั้งนี้จะต้องทำคีโมไปให้ครบ 6-8 ครั้ง และต้องหยุดให้คีโม 2 เดือนก่อนผ่า

วันเสาร์ที่ผ่านมา แม่พาพ่อไปหาหมอลำไส้ หมอบอกว่า จะต้องไปหาหมอปอด ตับ และกระเพาะปัสสาวะก่อน (คืออวัยวะทั้งหมดที่มะเร็งลามไปค่ะ) ดูว่าผ่าได้ไหม เพราะจะผ่าทั้งที่ต้องรอบคอบ เป็นผ่าใหญ่ประมาณ 6-8 ชั่วโมง (ฟังแล้วจะเป็นลม) บางที่อาจต้องตัดกระเพาะปัสสาวะออกแล้วให้ฉี่ทางท้อง (อีกแล้ว) หมอให้ไปแสกนแบบเพชร แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องหยุดให้คีโมก่อน 6 สัปดาห์

ตารางนัดมาแบบถี่มากๆ พ่อบอกกับแม่ว่าอาจจะตัดสินใจลาออกในอนาคต เพราะสงสารบริษัท พ่อต้องลาบ่อยๆและออกต่างจังหวัดไม่ได้ แม่เริ่มเครียดเพราะน้องยังเรียนไม่จบ แล้วเหมือนพ่อจะต้องรักษาอีกยาว ใช้เงินอีกหลายแสนหลายล้าน

เราเอาไปนอนคิด แล้วก็คิดได้ว่า ถ้างั้นลองศึกษาการขายของผ่านอินเตอร์เน็ต พ่อจะได้นั่งทำที่บ้านได้สบายๆ ส่วนน้องเราเสนอว่าควรให้ลองชิงทุนดูค่ะ

เรื่องเรียนต่อ พ่อพูดกับเราตรงๆว่าอยากให้ไป ถ้ามีปัญญาแล้วจงไป แม่ก็เห็นด้วยแล้วค่ะ ช่วงนี้ก็สอบนู่นนี่นั่นไปเรื่อย รอดูอาการพ่อดีขึ้นแล้วคงไป อีกสองสามปี แต่ถ้าไม่ เราคิดว่าอีกสิบปีไปเรียนต่อก็ไม่สายค่ะ

ทั้งหมดนี่มาถึงปัจจุบันที่เรากำลังนั่งพิมพ์อยู่แล้ว เรามีเรื่องปรึกษาเพื่อนๆค่ะ

1. เพื่อนๆคิดว่า มีงานอะไรที่เหมาะกับผู้ป่วยอาการอย่างพ่อเราบางไหมค่ะ แล้วถ้าจะขายของผ่านทางอินเตอร์เน็ตควรจะเริ่มจากตรงไหน สินค้าประเภทไหน
2. เรื่องทุนเรียนในมหาลัยของน้องชาย อีกสองปีน้องชายจะต่อมหาลัยค่ะ มีทุนเรียนที่ไหนบ้าง คือเงินเดือนแม่บวกกับเงินเดือนเราคงไม่ถึงขั้นยากจน แต่ว่าจะต้องเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลเกือบหมด แบบนี้ถือว่ายากจนได้ไหมค่ะ
3. เรื่องประกันสังคม ปกติโรคแบบนี้เบิกได้ไหม แค่ไหนอย่างไร ถ้าจะรักษาที่จุฬาต่อไปและย้ายประกันสังคมมาที่โรงพยาบาลนี้จะเป็นไปได้ไหมค่ะ ตอนนี้บอกตรงๆว่าครอบครัวเรายังไม่อยากเอาชีวิตพ่อไปเสี่ยงกับประกันสังคม แต่อนาคตไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีเงิน

เรายังหวังว่าพ่อจะเป็นหนึ่งในคนที่มีชีวิตไปจนแก่เถ้า เห็นน้องเรียนจบ เห็นเราแต่งงาน ได้อยู่บ้านที่เราจะสร้างให้ มีเรื่องไปให้กำลังใจคนอื่นที่เผชิญชะตากรรมแบบนี้ว่า มันมีทางรอดนะ ดูเคสตัวอย่างผมสิ ดังนั้น ไม่ว่าจะออกหัวหรือก้อยก็จะมีสติและสู้ค่ะ

ขอบคุณมากๆที่รับฟัง ขอบคุณทุก comment เพราะมันคือกำลังใจ ผลเป็นอย่างไรจะมาอัพเดตเรื่อยๆค่ะ เราขอให้เรื่องนี้เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยทุกโรคให้สู้ต่อไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่