ใส้ติ่งนี้ใช่เคสเร่งด่วนใหม และพยาบาลเขาพูดแบบนี้กับผู้ป่วยเป็นปกติหรือเปล่า

พ่อปวดท้องและเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่ได้ปวดข้างขวา ปวดตรงท้องน้อยแต่ปวดแบบกดไม่ได้ แม่กับน้องเห็นท่าจะไม่ดีเลยพอพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอไปถึงประมาณ 20.00  หมอลองกดดูตรงใส้ติ่ง พ่อเจ็บมาก พยาบาลเลยตรวจเลือดตามขั้นตอนและบอกว่าเป็นไส้ติ่งแต่ตอนนั้นนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลประจำอำเภอไม่มีหมอ เลยทำใบส่งตัวไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดไปถึงประมาณ 4 ทุ่มหมอก็สั่งงดออาหารเตรียมผ่าตัด  เราทำงานที่ชลบุรีไม่ได้อยู่ดูแล ได้แต่โทรถาม ถามตอนเที่ยงคืนก็ยังไม่ได้ผ่า ตอนเช้าก็ไม่ได้ผ่าแม่บอกว่า น่าจะผ่าบ่ายโมงรอคิวอยู่ โทรไปบ่ายสองก็ไม่ได้ผ่า เราเลยถามแม่ว่าหมอเขาบอกใหมว่าได้คิวประมาณตอนใหน แม่บอกว่าไม่ได้บอก ห้าโมงเย็นโทรไปอีกก็ไม่ได้ผ่า พ่อเห็นเราร้อนใจแกก็บอกว่าแกไม่เจ็บหรอก เขาฉีดยาแก้ปวดให้
   พ่อได้ผ่าจริงๆตอนเกือบ 6 โมงเย็นออกมาตอน 18.30 ปรากฎว่าใส้ติ่งแตกแล้วค่ะ เหอๆๆต้องเปิดแผลไว้ เราเข้าใจมาตลอดว่าใส้ติ่งนี้มันคือเคสเร่งด่วนเพราะถ้ามันแตก มันคือเรื่องใหญ่แต่ 20 ชั่วโมงที่พ่อเราต้องรอจนมันแตกคืออะไร พ่อเราอายุ 60 คงจะไม่หายง่ายๆเหมือนเด็กๆแน่ ตอนนี้สงสารพ่อมาก แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือตอนที่นางพยาบาลเอาพ่อมาส่ง แม่ได้ถามว่า มาตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งได้ผ่า รอจนแตกจนได้ นางพยาบาลตอบแม่ว่า " คนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องก็ได้มั้ง" อ้าวหมายความว่าไง
   พ่อกับแม่เราเป็นคนบ้านนอก ที่หวังพึ่งพาระบบการรักษาของรัฐบาล เราเป็นลูกยินดีกับการเสียภาษีในฐานะคนไทยทุกครั้ง ไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณเลย เพราะทกคนทำหน้าที่ตัวเองแต่วันนี้อยากถาม ว่าคุณได้ทำหน้าที่ของคุณได้ดีพอหรือยัง แล้วคำพูดที่พุดออกมามันน่าจะผ่านออกมาจากปากคนที่ได้ชื่อว่า พยาบาลใหม
  วันนี้เป็นวันที่เรารู้ได้ถึงความเหลื่อมล้ำของคำว่ามีเงินกะไม่มีเงินที่สุด  ถ้าเรามีเงินส่งพ่อไปเอกชลคงไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ แม่คงไม่เจอคนมาพูดใส่หน้าแบบนี้ ใช่ใหมค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่