ไม่ทราบว่าบทความนี้ มีความน่าเชื่อถือเพียงใด คุณหมอและท่านที่รู้ช่วยออกความเห็นกันหน่อยครับ
คอเรสเตอรอลสูงเกิน 200 ไม่จำเป็นต้องกินยา
คอเรสเตอรอลสูงเกิน 200 ไม่จำเป็นต้องกินยา เพราะเราถูกบริษัทยาหลอกลวงมานานแล้วจริงไหม ลองอ่านและใช้วิจารณญานทบทวนดูนะคะ
ข้อมูลจากสถาบันต่างๆ ที่น่าเชื่อถือประกาศมาตั้งแต่ พ.ศ. 2534 ว่า ถึงแม้โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตาย และ ความพิการสำหรับผู้สูงอายุแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ระดับ Cholesterol กับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ทำไมเราไม่เคยได้ยิน? ทำไมข้อมูลเหล่านี้จึงไม่ได้รับการเผยแพร่?? พฤติกรรมของบริษัทยา บริษัท Rosuvastation (Crestor) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาขนาดเล็ก ใช้เงินในการส่งเสริมการขายยากลุ่ม Statin ในปีแรกสูงถึง 1 พันล้านเหรียญ ยังไม่รวมอีก 6 บริษัทที่ใหญ่กว่ามากได้ส่งเสริมการขายไปก่อนแล้วแต่ไม่เปิดเผยถึงงบประมาณนี้ บริษัทยาจะเซ็นสัญญากับนักวิจัยว่าห้ามเปิดเผยข้อมูล โดยจะเลือกเปิดเผยเฉพาะข้อมูลที่มีผลประโยชน์กับบริษัทเท่านั้น และจ่ายเงินให้นักหนังสือพิมพ์เพื่อไปเขียนเชียร์ผลิตภัณฑ์ จัดประชุมสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ แล้วให้ข้อมูลการวิจัยซึ่งมีสถาบันที่ดูน่าเชื่อถือรับรองผล ให้กับหมอโดยตรง ครอบงำ FDA เมื่อ FDA จะยอมรับยาอะไรก็ต้องผ่านการทดสอบในวิธีการที่ต้องใช้ทุนสูงมาก ตามแนวทางที่บริษัทยาตั้งไว้ แล้วประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ ด้วยกระบวนการและวิธีต่างๆ ที่ได้กล่าวมาและพยายามผลักดันให้
ข้อมูลผลการวิจัยของบริษัทยาแทรกซึมเข้าไปในหลักสูตรการแพทย์
...ต่อจากนี้เป็นข้อมูลจากหนังสือ The Great Cholesterol Con (อ้างอิงในเครดิตท้ายบทความ)
การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ของคอเลสเตอรอล
ข่าวดีสำหรับผู้ที่มี Cholesterol สูง
Dr. Malcolm Kendrick แพทย์ผู้มีชื่อเสียงของอังกฤษ ได้ค้นคว้า “ความจริง” ของเรื่องคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของคนทั่วโลกในยุคนี้ และได้เขียนหนังสือ “The Great Cholesterol Con” อาจแปลเป็นไทยว่าการหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ เรื่อง Cholesterol ซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดีอย่างเทน้ำเทท่าในอังกฤษ มูลนิธิจึงได้เรียบเรียง สรุป และนำเสนอเรื่องที่ทุกคนควรอ่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ เลือกแนวทางดูแลสุขภาพของท่าน ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ มิได้มุ่งหวังจะโจมตีหรือขัดผลประโยชน์ใคร
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดร่างกายจะสร้าง Cholesterol ขึ้นมาในตัวของมันเองอยู่ตลอดเวลา หากว่า Cholesterol เป็นสิ่งไม่ดีแล้วธรรมชาติจะสร้างขึ้นมาทำไม? เราควรคิดกลับไปหาธรรมชาติ ซึ่งควรเป็นคำตอบที่ถูกต้องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Cholesterol เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะมีผู้ต้องการสร้างภาพ Cholesterol ให้เป็นผู้ร้ายโดยใช้เงินมหาศาลพร้อมกับส่งเสริมให้กินน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวโดยมีบริษัทยาเริ่มให้ข่าวที่เหมือนเป็นการให้ความรู้มาก่อนว่า Cholesterol เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้า Total Cholesterol สูงเกิน 200 mg/dl (เดิม300และ250) ก็ควรกินยาลดไขมันในเลือด ซึ่งวงการแพทย์ส่วนใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามจากข้อมูล (Medical Journal) ที่บริษัทยาอยู่เบื้องหลังการทำวิจัยแบบลำเอียง เลือกกลุ่มข้อมูลบางส่วนที่จะเข้าทางบริษัทยาเท่านั้น แล้วทำการเผยแพร่ให้แพทย์และสาธารณะชนให้หลงหวาดกลัวโรคหัวใจ จึงยอมกินยาลดไขมันที่แพทย์แนะนำให้กิน
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลจากอังกฤษ ซึ่งไม่ถูกครอบงำโดยบริษัทยา เหมือน FDA (Food & Drug Administration) ในอเมริกา ปกหน้าของหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่า “This book will change the way you think about heart disease forever” เพราะเราถูกล้างสมองให้เชื่อว่าโรคหัวใจเกิดจาก Cholesterol สูง ตอนหลังมีแพทย์หลายคนคัดค้านว่าไม่เป็นความจริง เพราะ Cholesterol จะสูงหรือต่ำก็เป็นโรคหัวใจตายเท่ากัน
ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่ประชากรอายุยืนที่สุดและไม่โดนครอบงำโดยข้อมูลจากฝรั่งอเมริกัน บอกไว้ว่า
Total Calories ในปี 1958 ค่อนข้างสูง ถึง 2,837 แต่ในปี 1999 กลับลดลงมาเหลือแค่ 2,202 ลดลงจากอะไร ลองดูที่ Carbohydrate intake เดิม 84% ลดการบริโภคมาเหลือ 62% และเพิ่มโปรตีนจากเดิม 11% เป็น 18% แต่ดูอันสุดท้าย Fat intakeการบริโภคไขมัน) เพิ่มจาก 5% เป็น 20% กินน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 400% ทำให้ Total Cholesterol ของคนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20% แต่ผลปรากฏออกมาว่าอัตราการตายคนญี่ปุ่นลดลงถึง 6 เท่า โดยการลด Carbohydrate เพิ่ม Protein และ ไขมัน(ดี)
ลองมาดูอัตราการตายด้วยโรคหัวใจเทียบกับระดับ Cholesterol ของประเทศอื่นๆกันบ้าง
ข้อมูลจากกราฟ Average Cholesterol Levels บอกไว้ว่า Cholesterol ของชาว Aboriginals (คนพื้นเมืองในออสเตรเลีย) ต่ำที่สุด แต่กลับมีอัตราการตายสูงที่สุด ในทางกลับกัน ระดับ Cholesterol ของ Switzerland สูงที่สุด แต่อัตราการตายกลับต่ำสุด
เมื่อเริ่มตระหนักว่าผลการวิจัยที่ว่า Cholesterol สูงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจนั้น ไม่เป็นความจริง ตามที่บริษัทยาขู่เอาไว้ บริษัทยาเหล่านั้นจึงเบี่ยงเบนความสนใจว่าดู Total Cholesterol ไม่พอ ต้องดูละเอียดลงไปถึง LDL และ HDL โดยสร้างผู้ร้ายตัวใหม่ให้ LDL มีวิจัยตัวใหม่ชี้ว่า LDL เป็น Bad Cholesterol และ HDL เป็น Good Cholesterol แต่เชื่อหรือไม่ว่าแท้ที่จริง ทั้ง LDL และ HDL ไม่ใช่ Cholesterol ทั้งคู่!! หลอกกันได้ทั่วโลก!
LDL ย่อมาจาก Low-Density Lipoproteins
HDL ย่อมาจาก Hi-Density Lipoproteins
“คุณแน่มากที่สามารถทำให้ทั้งแพทย์และประชาชนเชื่อว่า LDL และ HDL เป็น Cholesterol”
Lipoproteins คือ รูปแบบหนึ่งของไขมันผสมกับโปรตีน ที่สามารถละลายน้ำได้ และสามารถเคลื่อนตัวไปในกระแสเลือดได้ ส่วน Cholesterol คือ สารชีวเคมีอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งไม่สามารถละลายในน้ำได้ มันจึงต้องเข้าไปแทรกตัวอยู่ข้างใน Lipoprotein เพื่อที่จะใช้เป็นพาหนะนำพา Cholesterol เข้าไปในกระแสเลือดและไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ซึ่ง Cholesterol เป็นสิ่งที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาเองประมาณ 90% และมีความจำเป็นต้องใช้อย่างมาก ร่างกายจะทรุดโทรมอย่างรวดเร็วถ้า Cholesterol ต่ำกว่า 200 ดังนั้นความเชื่อที่บอกว่า Cholesterol สูงแล้วมีโอกาสตายด้วยโรคหัวใจ ไม่เป็นความจริง ตรงกันข้าม ถ้าคุณกินยาลดไขมันเพื่อให้ Cholesterol ต่ำกว่า 200 อาจทำให้คุณเป็นโรคหัวใจวายตายเฉียบพลันได้สูงกว่า 3 – 4 เท่าของคนที่ไขมันสูงกว่า 200 แต่ไม่ได้กินยา
ความจริงเกี่ยวกับ Cholesterol
Cholesterol (คอเลสเตอรอล) หรือที่บริษัทยาครอบงำให้เรียกกันทั่วไปว่า “ไขมันในเลือด” ถูกแบ่งประเภทเป็น Cholesterol ตัวดี (HDL) และ Cholesterol ตัวเลว (LDL) แต่รู้หรือไม่ว่า Cholesterol นั้น “ไม่ใช่ไขมัน” เพียงแต่เป็นสารที่คล้ายไขมัน คือมีคุณสมบัติไม่ละลายในน้ำ โครงสร้างทางโมเลกุลของสารที่เป็นไขมันหรือกรดไขมัน จะมีส่วนประกอบทางชีวเคมี (Biochemistry) คือ คาร์บอน ออกซิเจน และไฮโดรเจน ลองไปเช็คหนังสือชีวเคมีดูท่านจะรู้ว่า Cholesterol มีโครงสร้างโมเลกุล ที่ไม่ใช่ไขมันแน่นอน แล้วใครล่ะที่เสี้ยมสอนให้วงการแพทย์เรียก Cholesterol ว่าไขมันในเลือด และเรียก HDL ว่า Cholesterol ตัวดี และ LDL ว่า Cholesterol ตัวเลว เพราะทั้ง HDL และ LDL ก็
ไม่ใช่ Cholesterol เด็ดขาด
HDL มาจากคำว่า High Density Lipoprotein และ LDL มาจากคำว่า Low Density Lipoprotein, Lipoprotein เป็นสารประกอบระหว่างไขมัน (เช่น Triglyceride) และ Protein ซึ่งละลายในน้ำเลือดได้ แต่ Cholesterol ไม่สามารถละลายในน้ำเลือดได้ จึงจำเป็นต้องแทรกตัวใน Lipoprotein เข้าไปด้วยจึงไปกับกระแสเลือดได้ทำไมร่างกายถึงสร้าง Cholesterol ขึ้นมา ตับสร้าง Cholesterol ขึ้นมาประมาณ 90% มันมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับร่างกายเรา เพราะอวัยวะทุกส่วน ถูกสร้างขึ้นมาจาก Cholesterol ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนต่างๆ อันตรายอย่างยิ่งหากระดับ Cholesterol ในเลือดต่ำกว่า 200 เพราะจะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองไม่ทัน ฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะต้องกินยาลดระดับ Cholesterol ในเลือด เพียงการหลงเชื่อว่า Cholesterol เป็นผู้ร้าย โดยไม่เข้าใจว่า เรากำลังเป็นเหยื่อของบริษัทยา
ที่มาของยาลด Cholesterol ชื่อ Statin
มาจากชื่อเต็มว่า Lovastatin เป็นยาเบื่อซึ่งใช้เบื่อสัตว์ แต่ภายหลังถูกค้นพบว่าเมื่อใช้ปริมาณน้อยๆ มีผลช่วยลด Total Cholesterol ได้ แต่คุณกำลังเริ่มสะสมสารพิษในร่างกายไปทีละนิดๆ
Lipoprotein คืออะไร
Lipoprotein หมายถึง Lipid (ไขมัน) ที่จับอยู่กับโปรตีนด้วยแรงดึงดูดทางกายภาพที่ไม่ใช่พันธะโควาเลนต์ ในน้ำเลือดหรือพลาสมา (Blood Plasma) จะมี Lipoprotein หลายชนิดทำหน้าที่ขนส่งลิปิดจากลำไส้เล็กไปยังตับ และจากตับไปยังแหล่งสะสมไขมันและเนื้อเยื่ออื่นๆ เพื่อที่จะนำไปเลี้ยงและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย Lipoprotein แต่ละชนิดจะมีปริมาณ Lipid และ Protein แตกต่างกัน ทำให้มีความหนาแน่นต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามค่าความหนาแน่นคือ Chylomicron, Very Low Density Lipoprotein (VLDL) , Low Density
Lipoprotein (LDL) และ High Density Lipoprotein (HDL) แต่ละชนิดมีองค์ประกอบเป็น โปรตีน, Cholesterol, Phospholipid และ Triglyceride ดังแสดงในตารางและรูปที่ 2
องค์ประกอบหลักของ Lipoprotein ทั้ง 4 ชนิด
(ที่มา :
http:///bcs.wiley.com/he-cs/Books?action=index&itemId=0471661791&bcsId=2779)
(linkนี้ เป็น dead link---จขกท.)
Chylomicron คือ โปรตีนแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง
VLDL ก็คือ Lipoprotein ชนิดหนึ่ง
LDL ถูกเรียกผิดๆ ว่า Bad Cholesterol
HDL ซึ่งเป็น Lipoprotein ที่ขนาดเล็กที่สุด แต่ก็ถูกเรียกผิด ๆ ว่า Good Cholesterol
ทั้ง LDL และ HDL เมื่อดูตามโครงสร้างทางชีวโมเลกุลจะเห็นว่าไม่มีส่วนประกอบของ Cholesterol อยู่เลย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ Cholesterol แต่มันคือ Lipoprotein ข้อมูลอีกอันหนึ่งเกี่ยวกับ LDL มีการเก็บข้อมูลของคนอินเดียและคนอเมริกันผิวขาวที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ดังตารางในหนังสือหน้า 121
ข้อมูลจากตาราง คนอินเดีย มีอัตราความอ้วน ความดัน LDL สูบบุหรี่น้อยกว่าคนอเมริกันผิวขาวมากมาย แต่อัตราการตายของคนอินเดียกลับสูงกว่ามากมายหลายเท่า และสาเหตุของการตายที่มีอัตราสูงที่สุดคือโรคหัวใจ ทำไมข้อมูลต่อไปนี้ไม่ถึงมือผู้บริโภค?
ช่วยวิจารณ์บทความนี้หน่อยครับ "คอเรสเตอรอลสูงเกิน 200 ไม่จำเป็นต้องกินยา"
คอเรสเตอรอลสูงเกิน 200 ไม่จำเป็นต้องกินยา เพราะเราถูกบริษัทยาหลอกลวงมานานแล้วจริงไหม ลองอ่านและใช้วิจารณญานทบทวนดูนะคะ
ข้อมูลจากสถาบันต่างๆ ที่น่าเชื่อถือประกาศมาตั้งแต่ พ.ศ. 2534 ว่า ถึงแม้โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตาย และ ความพิการสำหรับผู้สูงอายุแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ระดับ Cholesterol กับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ทำไมเราไม่เคยได้ยิน? ทำไมข้อมูลเหล่านี้จึงไม่ได้รับการเผยแพร่?? พฤติกรรมของบริษัทยา บริษัท Rosuvastation (Crestor) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาขนาดเล็ก ใช้เงินในการส่งเสริมการขายยากลุ่ม Statin ในปีแรกสูงถึง 1 พันล้านเหรียญ ยังไม่รวมอีก 6 บริษัทที่ใหญ่กว่ามากได้ส่งเสริมการขายไปก่อนแล้วแต่ไม่เปิดเผยถึงงบประมาณนี้ บริษัทยาจะเซ็นสัญญากับนักวิจัยว่าห้ามเปิดเผยข้อมูล โดยจะเลือกเปิดเผยเฉพาะข้อมูลที่มีผลประโยชน์กับบริษัทเท่านั้น และจ่ายเงินให้นักหนังสือพิมพ์เพื่อไปเขียนเชียร์ผลิตภัณฑ์ จัดประชุมสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ แล้วให้ข้อมูลการวิจัยซึ่งมีสถาบันที่ดูน่าเชื่อถือรับรองผล ให้กับหมอโดยตรง ครอบงำ FDA เมื่อ FDA จะยอมรับยาอะไรก็ต้องผ่านการทดสอบในวิธีการที่ต้องใช้ทุนสูงมาก ตามแนวทางที่บริษัทยาตั้งไว้ แล้วประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ ด้วยกระบวนการและวิธีต่างๆ ที่ได้กล่าวมาและพยายามผลักดันให้
ข้อมูลผลการวิจัยของบริษัทยาแทรกซึมเข้าไปในหลักสูตรการแพทย์
...ต่อจากนี้เป็นข้อมูลจากหนังสือ The Great Cholesterol Con (อ้างอิงในเครดิตท้ายบทความ)
การหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ของคอเลสเตอรอล
ข่าวดีสำหรับผู้ที่มี Cholesterol สูง
Dr. Malcolm Kendrick แพทย์ผู้มีชื่อเสียงของอังกฤษ ได้ค้นคว้า “ความจริง” ของเรื่องคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของคนทั่วโลกในยุคนี้ และได้เขียนหนังสือ “The Great Cholesterol Con” อาจแปลเป็นไทยว่าการหลอกลวงครั้งยิ่งใหญ่ เรื่อง Cholesterol ซึ่งเป็นหนังสือที่ขายดีอย่างเทน้ำเทท่าในอังกฤษ มูลนิธิจึงได้เรียบเรียง สรุป และนำเสนอเรื่องที่ทุกคนควรอ่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ เลือกแนวทางดูแลสุขภาพของท่าน ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ มิได้มุ่งหวังจะโจมตีหรือขัดผลประโยชน์ใคร
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดร่างกายจะสร้าง Cholesterol ขึ้นมาในตัวของมันเองอยู่ตลอดเวลา หากว่า Cholesterol เป็นสิ่งไม่ดีแล้วธรรมชาติจะสร้างขึ้นมาทำไม? เราควรคิดกลับไปหาธรรมชาติ ซึ่งควรเป็นคำตอบที่ถูกต้องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Cholesterol เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะมีผู้ต้องการสร้างภาพ Cholesterol ให้เป็นผู้ร้ายโดยใช้เงินมหาศาลพร้อมกับส่งเสริมให้กินน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวโดยมีบริษัทยาเริ่มให้ข่าวที่เหมือนเป็นการให้ความรู้มาก่อนว่า Cholesterol เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้า Total Cholesterol สูงเกิน 200 mg/dl (เดิม300และ250) ก็ควรกินยาลดไขมันในเลือด ซึ่งวงการแพทย์ส่วนใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามจากข้อมูล (Medical Journal) ที่บริษัทยาอยู่เบื้องหลังการทำวิจัยแบบลำเอียง เลือกกลุ่มข้อมูลบางส่วนที่จะเข้าทางบริษัทยาเท่านั้น แล้วทำการเผยแพร่ให้แพทย์และสาธารณะชนให้หลงหวาดกลัวโรคหัวใจ จึงยอมกินยาลดไขมันที่แพทย์แนะนำให้กิน
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลจากอังกฤษ ซึ่งไม่ถูกครอบงำโดยบริษัทยา เหมือน FDA (Food & Drug Administration) ในอเมริกา ปกหน้าของหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่า “This book will change the way you think about heart disease forever” เพราะเราถูกล้างสมองให้เชื่อว่าโรคหัวใจเกิดจาก Cholesterol สูง ตอนหลังมีแพทย์หลายคนคัดค้านว่าไม่เป็นความจริง เพราะ Cholesterol จะสูงหรือต่ำก็เป็นโรคหัวใจตายเท่ากัน
ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่ประชากรอายุยืนที่สุดและไม่โดนครอบงำโดยข้อมูลจากฝรั่งอเมริกัน บอกไว้ว่า
Total Calories ในปี 1958 ค่อนข้างสูง ถึง 2,837 แต่ในปี 1999 กลับลดลงมาเหลือแค่ 2,202 ลดลงจากอะไร ลองดูที่ Carbohydrate intake เดิม 84% ลดการบริโภคมาเหลือ 62% และเพิ่มโปรตีนจากเดิม 11% เป็น 18% แต่ดูอันสุดท้าย Fat intakeการบริโภคไขมัน) เพิ่มจาก 5% เป็น 20% กินน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 400% ทำให้ Total Cholesterol ของคนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20% แต่ผลปรากฏออกมาว่าอัตราการตายคนญี่ปุ่นลดลงถึง 6 เท่า โดยการลด Carbohydrate เพิ่ม Protein และ ไขมัน(ดี)
ลองมาดูอัตราการตายด้วยโรคหัวใจเทียบกับระดับ Cholesterol ของประเทศอื่นๆกันบ้าง
ข้อมูลจากกราฟ Average Cholesterol Levels บอกไว้ว่า Cholesterol ของชาว Aboriginals (คนพื้นเมืองในออสเตรเลีย) ต่ำที่สุด แต่กลับมีอัตราการตายสูงที่สุด ในทางกลับกัน ระดับ Cholesterol ของ Switzerland สูงที่สุด แต่อัตราการตายกลับต่ำสุด
เมื่อเริ่มตระหนักว่าผลการวิจัยที่ว่า Cholesterol สูงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจนั้น ไม่เป็นความจริง ตามที่บริษัทยาขู่เอาไว้ บริษัทยาเหล่านั้นจึงเบี่ยงเบนความสนใจว่าดู Total Cholesterol ไม่พอ ต้องดูละเอียดลงไปถึง LDL และ HDL โดยสร้างผู้ร้ายตัวใหม่ให้ LDL มีวิจัยตัวใหม่ชี้ว่า LDL เป็น Bad Cholesterol และ HDL เป็น Good Cholesterol แต่เชื่อหรือไม่ว่าแท้ที่จริง ทั้ง LDL และ HDL ไม่ใช่ Cholesterol ทั้งคู่!! หลอกกันได้ทั่วโลก!
LDL ย่อมาจาก Low-Density Lipoproteins
HDL ย่อมาจาก Hi-Density Lipoproteins
“คุณแน่มากที่สามารถทำให้ทั้งแพทย์และประชาชนเชื่อว่า LDL และ HDL เป็น Cholesterol”
Lipoproteins คือ รูปแบบหนึ่งของไขมันผสมกับโปรตีน ที่สามารถละลายน้ำได้ และสามารถเคลื่อนตัวไปในกระแสเลือดได้ ส่วน Cholesterol คือ สารชีวเคมีอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งไม่สามารถละลายในน้ำได้ มันจึงต้องเข้าไปแทรกตัวอยู่ข้างใน Lipoprotein เพื่อที่จะใช้เป็นพาหนะนำพา Cholesterol เข้าไปในกระแสเลือดและไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ซึ่ง Cholesterol เป็นสิ่งที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาเองประมาณ 90% และมีความจำเป็นต้องใช้อย่างมาก ร่างกายจะทรุดโทรมอย่างรวดเร็วถ้า Cholesterol ต่ำกว่า 200 ดังนั้นความเชื่อที่บอกว่า Cholesterol สูงแล้วมีโอกาสตายด้วยโรคหัวใจ ไม่เป็นความจริง ตรงกันข้าม ถ้าคุณกินยาลดไขมันเพื่อให้ Cholesterol ต่ำกว่า 200 อาจทำให้คุณเป็นโรคหัวใจวายตายเฉียบพลันได้สูงกว่า 3 – 4 เท่าของคนที่ไขมันสูงกว่า 200 แต่ไม่ได้กินยา
ความจริงเกี่ยวกับ Cholesterol
Cholesterol (คอเลสเตอรอล) หรือที่บริษัทยาครอบงำให้เรียกกันทั่วไปว่า “ไขมันในเลือด” ถูกแบ่งประเภทเป็น Cholesterol ตัวดี (HDL) และ Cholesterol ตัวเลว (LDL) แต่รู้หรือไม่ว่า Cholesterol นั้น “ไม่ใช่ไขมัน” เพียงแต่เป็นสารที่คล้ายไขมัน คือมีคุณสมบัติไม่ละลายในน้ำ โครงสร้างทางโมเลกุลของสารที่เป็นไขมันหรือกรดไขมัน จะมีส่วนประกอบทางชีวเคมี (Biochemistry) คือ คาร์บอน ออกซิเจน และไฮโดรเจน ลองไปเช็คหนังสือชีวเคมีดูท่านจะรู้ว่า Cholesterol มีโครงสร้างโมเลกุล ที่ไม่ใช่ไขมันแน่นอน แล้วใครล่ะที่เสี้ยมสอนให้วงการแพทย์เรียก Cholesterol ว่าไขมันในเลือด และเรียก HDL ว่า Cholesterol ตัวดี และ LDL ว่า Cholesterol ตัวเลว เพราะทั้ง HDL และ LDL ก็
ไม่ใช่ Cholesterol เด็ดขาด
HDL มาจากคำว่า High Density Lipoprotein และ LDL มาจากคำว่า Low Density Lipoprotein, Lipoprotein เป็นสารประกอบระหว่างไขมัน (เช่น Triglyceride) และ Protein ซึ่งละลายในน้ำเลือดได้ แต่ Cholesterol ไม่สามารถละลายในน้ำเลือดได้ จึงจำเป็นต้องแทรกตัวใน Lipoprotein เข้าไปด้วยจึงไปกับกระแสเลือดได้ทำไมร่างกายถึงสร้าง Cholesterol ขึ้นมา ตับสร้าง Cholesterol ขึ้นมาประมาณ 90% มันมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับร่างกายเรา เพราะอวัยวะทุกส่วน ถูกสร้างขึ้นมาจาก Cholesterol ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนต่างๆ อันตรายอย่างยิ่งหากระดับ Cholesterol ในเลือดต่ำกว่า 200 เพราะจะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองไม่ทัน ฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะต้องกินยาลดระดับ Cholesterol ในเลือด เพียงการหลงเชื่อว่า Cholesterol เป็นผู้ร้าย โดยไม่เข้าใจว่า เรากำลังเป็นเหยื่อของบริษัทยา
ที่มาของยาลด Cholesterol ชื่อ Statin
มาจากชื่อเต็มว่า Lovastatin เป็นยาเบื่อซึ่งใช้เบื่อสัตว์ แต่ภายหลังถูกค้นพบว่าเมื่อใช้ปริมาณน้อยๆ มีผลช่วยลด Total Cholesterol ได้ แต่คุณกำลังเริ่มสะสมสารพิษในร่างกายไปทีละนิดๆ
Lipoprotein คืออะไร
Lipoprotein หมายถึง Lipid (ไขมัน) ที่จับอยู่กับโปรตีนด้วยแรงดึงดูดทางกายภาพที่ไม่ใช่พันธะโควาเลนต์ ในน้ำเลือดหรือพลาสมา (Blood Plasma) จะมี Lipoprotein หลายชนิดทำหน้าที่ขนส่งลิปิดจากลำไส้เล็กไปยังตับ และจากตับไปยังแหล่งสะสมไขมันและเนื้อเยื่ออื่นๆ เพื่อที่จะนำไปเลี้ยงและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย Lipoprotein แต่ละชนิดจะมีปริมาณ Lipid และ Protein แตกต่างกัน ทำให้มีความหนาแน่นต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามค่าความหนาแน่นคือ Chylomicron, Very Low Density Lipoprotein (VLDL) , Low Density
Lipoprotein (LDL) และ High Density Lipoprotein (HDL) แต่ละชนิดมีองค์ประกอบเป็น โปรตีน, Cholesterol, Phospholipid และ Triglyceride ดังแสดงในตารางและรูปที่ 2
องค์ประกอบหลักของ Lipoprotein ทั้ง 4 ชนิด
(ที่มา : http:///bcs.wiley.com/he-cs/Books?action=index&itemId=0471661791&bcsId=2779)
(linkนี้ เป็น dead link---จขกท.)
Chylomicron คือ โปรตีนแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง
VLDL ก็คือ Lipoprotein ชนิดหนึ่ง
LDL ถูกเรียกผิดๆ ว่า Bad Cholesterol
HDL ซึ่งเป็น Lipoprotein ที่ขนาดเล็กที่สุด แต่ก็ถูกเรียกผิด ๆ ว่า Good Cholesterol
ทั้ง LDL และ HDL เมื่อดูตามโครงสร้างทางชีวโมเลกุลจะเห็นว่าไม่มีส่วนประกอบของ Cholesterol อยู่เลย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ Cholesterol แต่มันคือ Lipoprotein ข้อมูลอีกอันหนึ่งเกี่ยวกับ LDL มีการเก็บข้อมูลของคนอินเดียและคนอเมริกันผิวขาวที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ดังตารางในหนังสือหน้า 121
ข้อมูลจากตาราง คนอินเดีย มีอัตราความอ้วน ความดัน LDL สูบบุหรี่น้อยกว่าคนอเมริกันผิวขาวมากมาย แต่อัตราการตายของคนอินเดียกลับสูงกว่ามากมายหลายเท่า และสาเหตุของการตายที่มีอัตราสูงที่สุดคือโรคหัวใจ ทำไมข้อมูลต่อไปนี้ไม่ถึงมือผู้บริโภค?