http://ppantip.com/topic/31047711/comment5
http://ppantip.com/topic/31051514/comment5
http://ppantip.com/topic/31055132
http://ppantip.com/topic/31059772/comment4
http://ppantip.com/topic/31064702
http://ppantip.com/topic/31073093/comment4-1
===================================
“คงยังไม่ตื่นล่ะมั้ง เพราะเมื่อคืนแอ้ดว้านซ์ให้ผมหนักไปหน่อย เพิ่งจะได้หลับก็ตอนฟ้าใกล้จะเปิดนี่ล่ะ ถ้าไม่รีบร้อนอะไรก็เชิญนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวจะสั่งเด็กไปตามให้ แต่คงต้องใช้ถึงสองคนละมั้ง จะได้ช่วยกันหิ้วปีกออกมาเพราะคงจะไม่มีแม้แต่แรงจะเดินหรอกมั้ง กลับไปพวกคุณก็อย่าลืมช่วยหยอดน้ำข้าวต้มให้ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะตายก่อนผมใช้งานครบสองปี ผมยกเลิกข้อเสนอจริงๆ ด้วยนะ โทษฐานที่พวกคุณไม่ดูแลของแลกเปลี่ยน”
ชาครีย์ให้คำตอบพร้อมกับยิ้มเย้ยหยันคนทั้งสามที่มาตามเวลานัด แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคุณหนูมิวเดินมาหา กรองแก้วเองก็ส่งยิ้มสาสมใจให้คู่อริ แม้จะไม่ได้ล่วงรู้เป็นที่แน่ชัดว่าลูกชายแผงฤทธิ์อะไรกับนางบำเรอไว้เมื่อคืนนี้ แต่เท่าที่วัดจากเสียงเอะอะโวยวายที่ดังกว่าค่ำคืนไหนๆ แล้ว ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะหนักเอาการ
“คงไม่รบกวนหรอก ฉันจะนั่งรอแถวนี้ก็แล้วกัน ช่วยให้คนไปตามยัยมิวมาเร็วๆ ด้วย”
แต่คำว่าเร็วๆ ของยุพาพรนั้น ก็กินเวลาเกือบชั่วโมงอยู่ดี ถึงได้เห็นเจียงถือกระเป๋าเดินคู่มากับหลานสาวสายเลือดต่ำ เสาวรสต้องรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อแม่สามีให้สัญญาณสั่ง แล้วตีหน้าเศร้ามองไปหาลูกกำมะลอพร้อมกับโผลเข้าไปกอดประหนึ่งว่ารักปานจะกลืน
“ยัยมิวลูกแม่”
หากคนที่อยู่ในสภาพบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจไม่ได้พูดหรือกอดตอบแต่อย่างใด นอกจากยืนนิ่งๆ ให้แม่กำมะลอกอดอยู่อย่างนั้น ตามติดด้วยคุณย่ากำมะลอ ที่เล่นละครตบตาสองแม่ลูกคู่อริได้อย่างแนบเนียน
“ยัยมิวหลานย่า!! เป็นยังบ้างลูก!!” คนเป็นหลานไม่ได้ตอบถ้อยคำใดๆ ออกมา นอกจากยืนนิ่งเท่านั้น
“งั้นเรากลับกันเถอะครับคุณแม่ ยัยมิวจะได้รีบกลับไปพักผ่อน”
วิโรจน์ที่ทนเห็นภาพลวงตาของแม่กับเมียไม่ได้จึงรีบตัดบท แล้วเอื้อมมือไปรับกระเป๋าจากเจียงเดินนำไปที่รถ กัณหาจึงถูกย่ากับแม่กำมะลอประคองเดินตามไป โดยมีชาครีย์กับผู้แม่มองตามแทบไม่วางตา ยุพาพรรู้ดีจึงเล่นละครตบตาสองแม่ลูกต่อไปเรื่อยๆ
“ย่าสั่งในครัวทำของโปรดมิวไว้เยอะแยะเลยล่ะ แล้วย่าจะให้แม่เราพาไปช้อปปิ้งให้หนำใจเลยนะลูก ดูสิมาอยู่นี่ไม่เท่าไหร่ผอมลงไปตั้งเยอะแน่ะ” ครั้นเข้าไปนั่งในรถแล้ว ทุกคนกลับเงียบกริบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ยุพาพรถึงได้สั่งเสียงแข็งใส่หน้าหลานสายเลือดต่ำ
“รอแถวนี้นะ ฉันจะให้คนรถไปส่งบ้าน แล้วอีกสองวันจะไปรับ”
กัณหาใช้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่วิโรจน์เห็นท่าทีเหนื่อยอ่อนของลูกแล้วก็ให้สงสารขึ้นมาจับใจ จึงรีบเอ่ยทันที
“ผมไปส่งเองก็ได้ครับคุณแม่ นายเพิ่มกำลังล้างรถอีกคันอยู่คงยังไปตอนนี้ไม่ได้”
แล้วเขาก็รีบควบรถออกทันที โดยไม่สนใจว่าแม่กับเมียจะโต้แย้งอะไรอีก กัณหาเองก็ไม่สนใจเช่นกัน เพราะอยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด และอยากจะให้การกลับครั้งนี้เป็นการกลับแบบถาวรด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องไปอยู่ร่วมกับผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้น แต่ผู้เป็นพ่อกลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารหรูระหว่างทางแทน แล้วหันมาบอกลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ
อาญาซาตาน-ของกำนัลวันกลับบ้าน(กันเกรา)
http://ppantip.com/topic/31051514/comment5
http://ppantip.com/topic/31055132
http://ppantip.com/topic/31059772/comment4
http://ppantip.com/topic/31064702
http://ppantip.com/topic/31073093/comment4-1
===================================
“คงยังไม่ตื่นล่ะมั้ง เพราะเมื่อคืนแอ้ดว้านซ์ให้ผมหนักไปหน่อย เพิ่งจะได้หลับก็ตอนฟ้าใกล้จะเปิดนี่ล่ะ ถ้าไม่รีบร้อนอะไรก็เชิญนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวจะสั่งเด็กไปตามให้ แต่คงต้องใช้ถึงสองคนละมั้ง จะได้ช่วยกันหิ้วปีกออกมาเพราะคงจะไม่มีแม้แต่แรงจะเดินหรอกมั้ง กลับไปพวกคุณก็อย่าลืมช่วยหยอดน้ำข้าวต้มให้ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะตายก่อนผมใช้งานครบสองปี ผมยกเลิกข้อเสนอจริงๆ ด้วยนะ โทษฐานที่พวกคุณไม่ดูแลของแลกเปลี่ยน”
ชาครีย์ให้คำตอบพร้อมกับยิ้มเย้ยหยันคนทั้งสามที่มาตามเวลานัด แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคุณหนูมิวเดินมาหา กรองแก้วเองก็ส่งยิ้มสาสมใจให้คู่อริ แม้จะไม่ได้ล่วงรู้เป็นที่แน่ชัดว่าลูกชายแผงฤทธิ์อะไรกับนางบำเรอไว้เมื่อคืนนี้ แต่เท่าที่วัดจากเสียงเอะอะโวยวายที่ดังกว่าค่ำคืนไหนๆ แล้ว ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะหนักเอาการ
“คงไม่รบกวนหรอก ฉันจะนั่งรอแถวนี้ก็แล้วกัน ช่วยให้คนไปตามยัยมิวมาเร็วๆ ด้วย”
แต่คำว่าเร็วๆ ของยุพาพรนั้น ก็กินเวลาเกือบชั่วโมงอยู่ดี ถึงได้เห็นเจียงถือกระเป๋าเดินคู่มากับหลานสาวสายเลือดต่ำ เสาวรสต้องรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อแม่สามีให้สัญญาณสั่ง แล้วตีหน้าเศร้ามองไปหาลูกกำมะลอพร้อมกับโผลเข้าไปกอดประหนึ่งว่ารักปานจะกลืน
“ยัยมิวลูกแม่”
หากคนที่อยู่ในสภาพบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจไม่ได้พูดหรือกอดตอบแต่อย่างใด นอกจากยืนนิ่งๆ ให้แม่กำมะลอกอดอยู่อย่างนั้น ตามติดด้วยคุณย่ากำมะลอ ที่เล่นละครตบตาสองแม่ลูกคู่อริได้อย่างแนบเนียน
“ยัยมิวหลานย่า!! เป็นยังบ้างลูก!!” คนเป็นหลานไม่ได้ตอบถ้อยคำใดๆ ออกมา นอกจากยืนนิ่งเท่านั้น
“งั้นเรากลับกันเถอะครับคุณแม่ ยัยมิวจะได้รีบกลับไปพักผ่อน”
วิโรจน์ที่ทนเห็นภาพลวงตาของแม่กับเมียไม่ได้จึงรีบตัดบท แล้วเอื้อมมือไปรับกระเป๋าจากเจียงเดินนำไปที่รถ กัณหาจึงถูกย่ากับแม่กำมะลอประคองเดินตามไป โดยมีชาครีย์กับผู้แม่มองตามแทบไม่วางตา ยุพาพรรู้ดีจึงเล่นละครตบตาสองแม่ลูกต่อไปเรื่อยๆ
“ย่าสั่งในครัวทำของโปรดมิวไว้เยอะแยะเลยล่ะ แล้วย่าจะให้แม่เราพาไปช้อปปิ้งให้หนำใจเลยนะลูก ดูสิมาอยู่นี่ไม่เท่าไหร่ผอมลงไปตั้งเยอะแน่ะ” ครั้นเข้าไปนั่งในรถแล้ว ทุกคนกลับเงียบกริบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ยุพาพรถึงได้สั่งเสียงแข็งใส่หน้าหลานสายเลือดต่ำ
“รอแถวนี้นะ ฉันจะให้คนรถไปส่งบ้าน แล้วอีกสองวันจะไปรับ”
กัณหาใช้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่วิโรจน์เห็นท่าทีเหนื่อยอ่อนของลูกแล้วก็ให้สงสารขึ้นมาจับใจ จึงรีบเอ่ยทันที
“ผมไปส่งเองก็ได้ครับคุณแม่ นายเพิ่มกำลังล้างรถอีกคันอยู่คงยังไปตอนนี้ไม่ได้”
แล้วเขาก็รีบควบรถออกทันที โดยไม่สนใจว่าแม่กับเมียจะโต้แย้งอะไรอีก กัณหาเองก็ไม่สนใจเช่นกัน เพราะอยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด และอยากจะให้การกลับครั้งนี้เป็นการกลับแบบถาวรด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องไปอยู่ร่วมกับผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้น แต่ผู้เป็นพ่อกลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารหรูระหว่างทางแทน แล้วหันมาบอกลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ