เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://ppantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/31062538
*****************
บทที่ 7
" เจ้าว่ากระไรนะ !!! "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาดำรัสลั่นท้องพระโรงเล็ก เมื่อทรงได้สดับนางรองบาทรายงานว่า สมเด็จเจ้านางแก้วกานดา ทรงหายพระองค์ไปอย่างลักลับในราตรีกาลอันมืดมิดที่ผ่านมา
" เกล้ากระหม่อมฉันเข้าไปเฝ้าเมื่ออรุณรุ่งก็มิพบประสบเจ้านางแล้วเพคะ "
นางรองบาทกราบทูล
" รีบจัดทหารออกตามหาให้ทั่วทุกพื้นที่ ไม่เว้นกระทั่งตามยอดปราสาทราชมณเฑียรต่างๆที่มักทรงชอบไปปีนป่ายเล่นเป็นประจำ แลข่าวนี้ให้ปกปิดเป็นความลับ อย่าแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกล่วงรู้โดยเด็ดขาด "
" เพคะสมเด็จฯ "
นางรองบาทรีบสนองพระราชบัณฑูรก่อนคลาคลาดจากไป "
- - - - - - - - -
ภายในกองทัพอันเกริกเกียรติเกรียงไกรแห่งสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช
เพลานั้น สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาทรงกำลังเริงร่าอยู่กับบรรดาเหล่านางกำนัลชาวอนันตาโดยมิมีทีท่าขุ่นมัวหมองหม่นอันใดเลยแม้แต่น้อย
ราวกับเจ้านางทรงรอคอยเวลาที่จะปลีกหนีจากละวิรัฐประเทศมานานแสนนานแล้วกระนั้น
" เจ้านางแก้วกานดาเพคะ รอเหล่านางกำนัลอนันตาด้วยเพคะ เจ้านาง... "
เหล่าบรรดานางกำนัลต่างอัญเชิญเครื่องราชูปโภคต่างๆ วิ่งตามสมเด็จเจ้านางแก้วกานดาไปเป็นขบวนยาวราวกับหางว่าว
เจ้านางเองก็ทรงใช่เล่น ทรงวิ่งลดเลี้ยวไปตามกระโจมที่พักของเหล่าทหารหาญทั้งหลายด้วยความสนุกสนานสำราญพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง
" ตามมาสิจ๊ะ เหล่านางกำนัลอนันตาผู้น่ารักทั้งหลาย "
สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาวิ่งนำต่อไป พลางทรงให้สัญญาณมโหรีประจำทัพประโคมบรรเลงเพลงประกอบไปด้วย
ความสนุกครึกครื้นรื่นเริงภายในกองทัพดำเนินไปได้ไม่นานก็พลันบังเกิดอุบาทว์นิมิตบนท้องฟ้าเพลานั้น
เมฆหมอกสีนิลมากมายมหาศาลเคลื่อนเข้ามาปกคลุมโดยพลัน จนทั่วบริเวณนั้นมืดสลัวลงถนัดตา เหล่าปวงประชาภายในกองทัพต่างตื่นตะลึงส่งเสียงร้องระงมกันจนสับสนวุ่นวายไปหมด
ทันใด บังเกิดเกลียวลมพายุพัดหวนอย่างน่าอัศจรรย์จนหมอกควันฝุ่นทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว เหล่าบรรดานางกำนัลอนันตารีบอัญเชิญเสด็จสมเด็จเจ้านางแก้วกานดากลับเข้าพลับพลาที่ประทับเพื่อความปลอดภัย
ภายในพลับพลา สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีตรัสขึ้นว่า
" มหาดเล็ก "
" พะย่ะค่ะ "
มหาดเล็กคลาคลาดมาคุกเข่าถวายบังคม
" สั่งการไป ให้ทุกคนอยู่ในความสงบอย่าได้ตื่นตระหนกกับสิ่งใด ให้ดูแลคชสารแลอาชาทั้งหลายไว้ให้ดี "
" รับใส่เกล้าพะย่ะค่ะ "
มหาดเล็กรับสนองพระบัญชาไปดำเนินงาน
โหราจารย์ ค่อยๆเขยิบกายเข้ามาใกล้องค์พลางกราบถวายบังคม
" ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระองค์ครวจดูลักขณาแลดวงเมืองแล้ว อาจมีเหตุสะเทือนถึงแผ่นดิน พะย่ะค่ะ "
สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีทรงหันมายังโหราจารย์ด้วยพระทัยระทึก
ภายนอกพลับพลาที่ประทับ...
ปรากฏม้าเร็วควบตะบึงฝ่าผืนป่าอันกว้างใหญ่ตรงเข้าสู่กองทัพอันไพศาลของอนันตา ก่อนที่พลม้าจะกระโจนลงถลาเข้าสู่พลับพลาพลางกราบถวายบังคมเจ้าฟ้ามูรตีด้วยทีท่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่ยิ่ง
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ณ บัดนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จสวรรคตแล้วพระเจ้าข้า "
สิ้นคำกราบบังคมทูลของม้าเร็ว...
มโหรีกระหน่ำมโหรทึกดังสนั่นพร้อมลั่นฉาบ
สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีทรงประทับยืนนิ่งอยู่กับที่คราหนึ่ง โหราจารย์ มหาอำมาตย์ แลข้าราชบริพารทั้งปวง ณ ที่นั้น พลันคุกเข่าลงกราบถวายบังคมสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ก่อนกล่าวพร้อมกันด้วยเสียงอันดังว่า...
" ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานแสนล้านปี พระเจ้าข้า "
- - - - - - - - -
ในไม่ช้า ข่าวคราวการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา พระราชบิดาแห่งสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีก็แพร่สะพัดไปทั่วแผ่นพื้นปฐพีเกวลทวีปอย่างรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง
ทั่วทุกแว่นแค้วนแดนเขตประเทศน้อยใหญ่ต่างได้รับทราบข่าวอันโศกสลดรันทดนี้กันอย่างถ้วนหน้า
เช่นเดียวกันกับแผ่นดินเถมรูในครานี้...
เพลานั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ถวัลยราชรานี กำลังทรงสำราญพระราชหฤทัยอยู่กับการทรงหมากรุกกับแม่ทัพตรึงสมัยผู้สง่างาม
ฉับพลันทันใด..
สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงผู้ปราดเปรียว ได้ถลามาหมอบก่อนยื่นหน้ากราบบังคมทูล
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวเถมรู บัดนี้ มีข่าวระบือมาว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา พระราชบิดาสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยไปเฝ้าองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์แล้วเพคะ "
มโหรีกระหึ่มเพลงเทวาบันดาลสามชั้น แล้วตามด้วยฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง มโหรทึก กลอง ระฆัง จนแลดูอลังการและสับสนวุ่นวายไปหมดทั้งท้องพระโรงแห่งนั้น
จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัย 80 ชันษา มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวา วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้าย และสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ร่วมกันสานบทเพลงเป็นลำดับไป
" โอ้เอย... น่าเศร้าใจเหลือประมาณ "
" ควรสานสัมพันธ์ให้คืนกลับฟื้นใหม่ "
" มิไยไม่ทรงไปร่วมงาน "
" ขาดไมตรีกันไปแล้ว จะต้องแจวไปทำไมมี "
จบพจนารถ ทรงดำรัสมายังแม่ทัพหนุ่ม
" ตรึงสมัย "
" พระเจ้าข้าขอรับ "
แม่ทัพผู้สง่าถวายบังคม สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ทรงมีพระบรมราชโองการว่า
" เพลานี้เป็นโอกาสเหมาะ ที่เราจะฉวยหาพันธมิตรใหม่ไว้เป็นกำลังหนุน เช่นนั้น จงรับโองการแห่งเราไป ให้เตรียมจัดกระบวนยาตรา เราจะไปเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้น แลขอให้ละวิรัฐยุติการสร้างเขื่อนกั้นลำสวรรค์ธารามหานที เพื่อให้ปวงประชาชาวเถมรูเรามีวารีใช้อย่างพอเพียงดังก่อนเก่า "
" รับสนองพระบรมราชโองการด้วยเกล้า พระเจ้าข้า "
แม่ทัพตรึงสมัยก้มกายลงกราบครานั้น เจ้าพนักงานมโหรีพลันประโคมสังข์เป็นการสรรเสริญ
- - - - - - - - -
ฉับเพลาเดียวกันนั้น...
ครั้นเมื่อองค์สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช เสด็จถึงพระมหานครอนันตา แลเห็นทุกท้องที่ประดับประดาด้วยธงทิวริ้วแถบสีขาวจนถ้วนทั่วก็โทมนัสนัก เหล่าปวงประชาข้าราชบริพารทั้งมวลพากันเศร้าโศกสลดรันทดหมองหม่นไม่มีราศี ยินสรรพเสียงสำเนียงร่ำไห้โหยหาระงมไปทั้งพาราน่าสังเวชหทัยปาน
สมเด็จพระหน่อเนื้อเจ้าทรงเข้าถวายบังคมพระบรมศพพระราชบิดาด้วยดวงพระเนตรอันแดงก่ำและอาบชุ่มด้วยคราบพระอัสสุชลประหนึ่งดวงพระหทัยเจียนสลาย ทรงดูแลเอาใจใส่กิจการพระบรมศพพระผ่านพิภพจนลุล่วงสำเร็จเสร็จสิ้นในกาลนั้น
- - - - - - - - - -
จวบกระทั่งไตรมาส
เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ต่างประชุมปรึกษากันเป็นการเหมาะ เห็นสมควรอัญเชิญเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติผ่านพิภพอนันตา ปกปักษ์ไพร่ฟ้าประชาชีให้อุดมสมศิริมงคลสืบไป
มโหรีกระหึ่มเพลงเทวามหาศาลประทานทรัพย์ศฤงคารเป็นเครื่องหนุน เจ้าพนักงานรัวกรับ ลั่นฆ้องชัย แลสั่นกระดิ่งสรรเสริญพระคุณ ขณะหมู่มวลมหาอำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งหลายต่างเรียงรายเฝ้าแหนพระเจ้าแผ่นดินอนันตาพระองค์ใหม่ผู้ทรงประทับอย่างสง่างามอยู่ในพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมานนั้น
พระอาลักษณ์กางพระสุพรรณบัฏออกอ่านด้วยเสียงอันดังกึกก้องท้องพระโรงอันโออ่าว่า
" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ณ บัดนี้ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติผ่านพิภพอนันตา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้ามหามูรตีศรีอนันตาวิลิศสมาหราราชันย์ ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตราบกาลนิรันดร์เทอญ "
เจ้าพนักงานลั่นมโหรทึก แลฉาบ ก่อนที่เหล่าปวงข้าราชบริพารทั้งมวลในท้องพระโรงแห่งนั้นจะน้อมเกล้าลงกราบถวายบังคมโดยพร้อมเพรียงกัน
ในกาลนี้ สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตายังได้ทรงสถาปนา สมเด็จเจ้านางแก้วกานดา ขึ้นเป็นที่พระสนมเอก ทรงพระนามว่า พระนางแก้วกานดามหาเทวีศรีละวิรัฐพระพลัดถิ่น และพระราชทานพระตำหนักไม้สักทองให้ประทับอยู่หลังพระบรมมหาราชวังแห่งนั้น
พระนางแก้วกานดา ทรงยินดีปรีดากับตำแหน่งพระสนมเอกที่ได้รับพระราชทานมาเป็นที่ยิ่ง ทรงมิเคยสนพระทัยกับสิ่งใด นอกจากทรงวิ่งเล่นสนุกสนานรอบวังไปวันๆ ราวกับเป็นสรวงสวรรค์แห่งใหม่ที่แตกต่างจากที่ได้ประทับมา ณ กรุงละวิรัฐ
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะทรงถูกกดดันบีบบังคับจากสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศผู้เป็นพระเชษฐามาเป็นเวลาเนิ่นนานก็เป็นได้ ยามเมื่อห่างไกลจากกฏเกณฑ์อันเข้มงวดจึงทรงปล่อยพระหทัยสนุกสนานสำราญพระวรกายได้อย่างเต็มที่ ราวกับทรงรอคอยเวลานี้มาทั้งพระชนม์ชีพ
" เอ้า... เร็วเข้าสิจ๊ะ นางกำนัล พวกหล่อนต้องวิ่งตามฉันให้ทันนะจ๊ะ มิฉะนั้นแล้วจะถูกลงอาญาตามแบบละวิรัฐ "
พระนางแก้วกานดาทรงฉวยรั้งชายพระภูษาที่ยาวระพื้นขึ้นสูง ก่อนเสด็จก้าวพระบาทวิ่งนำไปตามทางคดเคี้ยวภายในพระราชอุทยาน เหล่านางข้าราชบริพารพากันอุ้มแบกพระแส้ปัด พระพัดวี โถพระน้ำหมาก พระเชื่ยนหมากทองคำประดับพลอย พระที่บังคนหนักเบา แลกระเป๋าย่านลิเพาฝีมือประณีต ติดตามองค์ไปเป็นขบวนรัญจวนใจจริง นางกำนัลร้องตามเป็นระวิงมิหยุด
" อ๊ายยย... !!! พระนางเพคะ อย่าทรงวิ่งเร็วนัก เดี๋ยวจะเสียกิริยาพระสนมเอก แลเกล้ากระหม่อมฉันทั้งมวลจะพากันตามไม่ทันนะเพคะ "
" อิ อิ อิ ดีสิจ๊ะ... ใครมาล่าช้า จะถูกลงทัณฑ์ด้วยวิธีที่ฉันคิด "
" กระไรเพคะ ? "
นางกำนัลฉงน
" ซุ้มมะเดื่อ แลซุ้มหนวด ไงเล่าเจ้าเอย "
" หา...!!! "
นางกำนัลนัยน์ตาลุกวาว เนื่องเพราะเคยได้ยินมานานถึงซุ้มทั้งสอง หากแต่ยังมิเคยลองกันสักครา เนื่องจากว่ามีแต่พระนางแก้วกานดาเท่านั้นที่ทรงชำนาญยิ่งกว่าหญิงใด
ในที่สุด เมื่อการละเล่นเช่นนั้นยุติ พนะนางก็ทรงคัดเลือกนางกำนัลสี่ผู้สุดท้ายที่พ่ายแพ้มายืนเรียงกัน แล้วการลงทัณฑ์ด้วยวิธีหฤหรรษ์ก็บังเกิด
พระนางทรงรับสั่งให้นำกระถางต้นไม้ประหลาดขนาดใหญ่นับสิบมากองรวมกันไว้ที่กลางลานจนแลเห็นเห็นซุ้มยักษ์ ต้นไม้เหล่านี้นั้นมีสีสรรชวนฉงน อีกทั้งยังมีกิ่งก้านสาขาอ่อนโยนโอนเอนโยงใยเป็นสายยาวอย่างยั้วเยี้ย บ้างก็ชูช่อหนวดใบเด่นไสวน่าตะลึงพิลึกพิลั่น
เหล่านางกำนัลพากันตื่นเต้นที่ได้เห็น ต่างซุบซิบนินทาหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้เป็นทีครึกครื้น พระนางทรงมีพระดำรัสขึ้นว่า
" เอาล่ะ พวกเจ้า นี่คือซุ้มมะเดื่อแลซุ้มหนวด พฤกษ์พันธุ์ไม้สุดหฤหรรษ์แห่งเราชาวละวิรัฐ จงลงไปสำราญหทัยกันได้แล้ว "
ทรงชี้พระดัชนีไปที่นั่น โดยพลัน...
เหล่านางกำนัลพากันถลกผ้านุ่งแล้ววิ่งกรูกันไปลุยในซุ้ม
เหล่าพฤกษา เมื่อต้องสัมผัสจากมนุษย์ก็พากันขยับโยกไหวไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนัก ต่างโบกสะบัดพัดพลิ้วตวัดเวียนร่างเหล่านางกำนัลทั้งมวลนั้นจนสั่นเทิ้ม
เหล่านางกำนัลต่างหัวร่อเริงร่าครวญวาจาไม่เป็นส่ำ
" โอ... อา... พอฤทัยยิ่งเพคะ โอ... "
พระนางแก้วกานดาทรงยิ้มกริ่ม โดยหารู้องค์ไม่ว่ามีอิสตรีผู้หนึ่งแอบซุ่มดูอยู่ด้วยความมิพึงใจเท่าใดนัก
สตรีผู้นั้นหาใช่ใครอื่นไม่ หากเป็น นางลำดวนดาว นางสนมคู่พระทัยเจ้าฟ้ามูรตี ซึ่งขณะนี้นางได้รับการอวยยศสถาปนาขึ้นเป็นพระสนม นามว่า ท้าวลำดวนดาว
ดวงเนตรทั้งคู่ของนางนั้นเต็มไปด้วยเพลิงแค้นที่คุกรุ่น นางรำพึงอยู่ในจิตว่า
... ชิชะ นังแก้วกานดา บังอาจช่วงชิงตำแหน่งพระสนมเอกไปจากข้า คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ จะลงทัณฑ์ ...
* * * * * * * * *
จบบทที่ 7 โปรดติดตามต่อบทที่ 8
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 7
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://ppantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/31062538
*****************
บทที่ 7
" เจ้าว่ากระไรนะ !!! "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาดำรัสลั่นท้องพระโรงเล็ก เมื่อทรงได้สดับนางรองบาทรายงานว่า สมเด็จเจ้านางแก้วกานดา ทรงหายพระองค์ไปอย่างลักลับในราตรีกาลอันมืดมิดที่ผ่านมา
" เกล้ากระหม่อมฉันเข้าไปเฝ้าเมื่ออรุณรุ่งก็มิพบประสบเจ้านางแล้วเพคะ "
นางรองบาทกราบทูล
" รีบจัดทหารออกตามหาให้ทั่วทุกพื้นที่ ไม่เว้นกระทั่งตามยอดปราสาทราชมณเฑียรต่างๆที่มักทรงชอบไปปีนป่ายเล่นเป็นประจำ แลข่าวนี้ให้ปกปิดเป็นความลับ อย่าแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกล่วงรู้โดยเด็ดขาด "
" เพคะสมเด็จฯ "
นางรองบาทรีบสนองพระราชบัณฑูรก่อนคลาคลาดจากไป "
- - - - - - - - -
ภายในกองทัพอันเกริกเกียรติเกรียงไกรแห่งสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช
เพลานั้น สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาทรงกำลังเริงร่าอยู่กับบรรดาเหล่านางกำนัลชาวอนันตาโดยมิมีทีท่าขุ่นมัวหมองหม่นอันใดเลยแม้แต่น้อย
ราวกับเจ้านางทรงรอคอยเวลาที่จะปลีกหนีจากละวิรัฐประเทศมานานแสนนานแล้วกระนั้น
" เจ้านางแก้วกานดาเพคะ รอเหล่านางกำนัลอนันตาด้วยเพคะ เจ้านาง... "
เหล่าบรรดานางกำนัลต่างอัญเชิญเครื่องราชูปโภคต่างๆ วิ่งตามสมเด็จเจ้านางแก้วกานดาไปเป็นขบวนยาวราวกับหางว่าว
เจ้านางเองก็ทรงใช่เล่น ทรงวิ่งลดเลี้ยวไปตามกระโจมที่พักของเหล่าทหารหาญทั้งหลายด้วยความสนุกสนานสำราญพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง
" ตามมาสิจ๊ะ เหล่านางกำนัลอนันตาผู้น่ารักทั้งหลาย "
สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาวิ่งนำต่อไป พลางทรงให้สัญญาณมโหรีประจำทัพประโคมบรรเลงเพลงประกอบไปด้วย
ความสนุกครึกครื้นรื่นเริงภายในกองทัพดำเนินไปได้ไม่นานก็พลันบังเกิดอุบาทว์นิมิตบนท้องฟ้าเพลานั้น
เมฆหมอกสีนิลมากมายมหาศาลเคลื่อนเข้ามาปกคลุมโดยพลัน จนทั่วบริเวณนั้นมืดสลัวลงถนัดตา เหล่าปวงประชาภายในกองทัพต่างตื่นตะลึงส่งเสียงร้องระงมกันจนสับสนวุ่นวายไปหมด
ทันใด บังเกิดเกลียวลมพายุพัดหวนอย่างน่าอัศจรรย์จนหมอกควันฝุ่นทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว เหล่าบรรดานางกำนัลอนันตารีบอัญเชิญเสด็จสมเด็จเจ้านางแก้วกานดากลับเข้าพลับพลาที่ประทับเพื่อความปลอดภัย
ภายในพลับพลา สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีตรัสขึ้นว่า
" มหาดเล็ก "
" พะย่ะค่ะ "
มหาดเล็กคลาคลาดมาคุกเข่าถวายบังคม
" สั่งการไป ให้ทุกคนอยู่ในความสงบอย่าได้ตื่นตระหนกกับสิ่งใด ให้ดูแลคชสารแลอาชาทั้งหลายไว้ให้ดี "
" รับใส่เกล้าพะย่ะค่ะ "
มหาดเล็กรับสนองพระบัญชาไปดำเนินงาน
โหราจารย์ ค่อยๆเขยิบกายเข้ามาใกล้องค์พลางกราบถวายบังคม
" ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระองค์ครวจดูลักขณาแลดวงเมืองแล้ว อาจมีเหตุสะเทือนถึงแผ่นดิน พะย่ะค่ะ "
สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีทรงหันมายังโหราจารย์ด้วยพระทัยระทึก
ภายนอกพลับพลาที่ประทับ...
ปรากฏม้าเร็วควบตะบึงฝ่าผืนป่าอันกว้างใหญ่ตรงเข้าสู่กองทัพอันไพศาลของอนันตา ก่อนที่พลม้าจะกระโจนลงถลาเข้าสู่พลับพลาพลางกราบถวายบังคมเจ้าฟ้ามูรตีด้วยทีท่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่ยิ่ง
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าพระบาทปกเกล้าชาวอนันตา ณ บัดนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จสวรรคตแล้วพระเจ้าข้า "
สิ้นคำกราบบังคมทูลของม้าเร็ว...
มโหรีกระหน่ำมโหรทึกดังสนั่นพร้อมลั่นฉาบ
สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีทรงประทับยืนนิ่งอยู่กับที่คราหนึ่ง โหราจารย์ มหาอำมาตย์ แลข้าราชบริพารทั้งปวง ณ ที่นั้น พลันคุกเข่าลงกราบถวายบังคมสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ก่อนกล่าวพร้อมกันด้วยเสียงอันดังว่า...
" ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานแสนล้านปี พระเจ้าข้า "
- - - - - - - - -
ในไม่ช้า ข่าวคราวการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา พระราชบิดาแห่งสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีก็แพร่สะพัดไปทั่วแผ่นพื้นปฐพีเกวลทวีปอย่างรวดเร็วราวไฟลามทุ่ง
ทั่วทุกแว่นแค้วนแดนเขตประเทศน้อยใหญ่ต่างได้รับทราบข่าวอันโศกสลดรันทดนี้กันอย่างถ้วนหน้า
เช่นเดียวกันกับแผ่นดินเถมรูในครานี้...
เพลานั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ถวัลยราชรานี กำลังทรงสำราญพระราชหฤทัยอยู่กับการทรงหมากรุกกับแม่ทัพตรึงสมัยผู้สง่างาม
ฉับพลันทันใด..
สะขรุมจินห์ มหาดเล็กหญิงผู้ปราดเปรียว ได้ถลามาหมอบก่อนยื่นหน้ากราบบังคมทูล
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าชาวเถมรู บัดนี้ มีข่าวระบือมาว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา พระราชบิดาสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ได้เสด็จสู่สวรรคาลัยไปเฝ้าองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์แล้วเพคะ "
มโหรีกระหึ่มเพลงเทวาบันดาลสามชั้น แล้วตามด้วยฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง มโหรทึก กลอง ระฆัง จนแลดูอลังการและสับสนวุ่นวายไปหมดทั้งท้องพระโรงแห่งนั้น
จะติกะวะนาจิ ราชครูหญิงวัย 80 ชันษา มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวา วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้าย และสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ร่วมกันสานบทเพลงเป็นลำดับไป
" โอ้เอย... น่าเศร้าใจเหลือประมาณ "
" ควรสานสัมพันธ์ให้คืนกลับฟื้นใหม่ "
" มิไยไม่ทรงไปร่วมงาน "
" ขาดไมตรีกันไปแล้ว จะต้องแจวไปทำไมมี "
จบพจนารถ ทรงดำรัสมายังแม่ทัพหนุ่ม
" ตรึงสมัย "
" พระเจ้าข้าขอรับ "
แม่ทัพผู้สง่าถวายบังคม สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ทรงมีพระบรมราชโองการว่า
" เพลานี้เป็นโอกาสเหมาะ ที่เราจะฉวยหาพันธมิตรใหม่ไว้เป็นกำลังหนุน เช่นนั้น จงรับโองการแห่งเราไป ให้เตรียมจัดกระบวนยาตรา เราจะไปเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้น แลขอให้ละวิรัฐยุติการสร้างเขื่อนกั้นลำสวรรค์ธารามหานที เพื่อให้ปวงประชาชาวเถมรูเรามีวารีใช้อย่างพอเพียงดังก่อนเก่า "
" รับสนองพระบรมราชโองการด้วยเกล้า พระเจ้าข้า "
แม่ทัพตรึงสมัยก้มกายลงกราบครานั้น เจ้าพนักงานมโหรีพลันประโคมสังข์เป็นการสรรเสริญ
- - - - - - - - -
ฉับเพลาเดียวกันนั้น...
ครั้นเมื่อองค์สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช เสด็จถึงพระมหานครอนันตา แลเห็นทุกท้องที่ประดับประดาด้วยธงทิวริ้วแถบสีขาวจนถ้วนทั่วก็โทมนัสนัก เหล่าปวงประชาข้าราชบริพารทั้งมวลพากันเศร้าโศกสลดรันทดหมองหม่นไม่มีราศี ยินสรรพเสียงสำเนียงร่ำไห้โหยหาระงมไปทั้งพาราน่าสังเวชหทัยปาน
สมเด็จพระหน่อเนื้อเจ้าทรงเข้าถวายบังคมพระบรมศพพระราชบิดาด้วยดวงพระเนตรอันแดงก่ำและอาบชุ่มด้วยคราบพระอัสสุชลประหนึ่งดวงพระหทัยเจียนสลาย ทรงดูแลเอาใจใส่กิจการพระบรมศพพระผ่านพิภพจนลุล่วงสำเร็จเสร็จสิ้นในกาลนั้น
- - - - - - - - - -
จวบกระทั่งไตรมาส
เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ต่างประชุมปรึกษากันเป็นการเหมาะ เห็นสมควรอัญเชิญเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติผ่านพิภพอนันตา ปกปักษ์ไพร่ฟ้าประชาชีให้อุดมสมศิริมงคลสืบไป
มโหรีกระหึ่มเพลงเทวามหาศาลประทานทรัพย์ศฤงคารเป็นเครื่องหนุน เจ้าพนักงานรัวกรับ ลั่นฆ้องชัย แลสั่นกระดิ่งสรรเสริญพระคุณ ขณะหมู่มวลมหาอำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งหลายต่างเรียงรายเฝ้าแหนพระเจ้าแผ่นดินอนันตาพระองค์ใหม่ผู้ทรงประทับอย่างสง่างามอยู่ในพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมานนั้น
พระอาลักษณ์กางพระสุพรรณบัฏออกอ่านด้วยเสียงอันดังกึกก้องท้องพระโรงอันโออ่าว่า
" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ณ บัดนี้ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติผ่านพิภพอนันตา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้ามหามูรตีศรีอนันตาวิลิศสมาหราราชันย์ ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตราบกาลนิรันดร์เทอญ "
เจ้าพนักงานลั่นมโหรทึก แลฉาบ ก่อนที่เหล่าปวงข้าราชบริพารทั้งมวลในท้องพระโรงแห่งนั้นจะน้อมเกล้าลงกราบถวายบังคมโดยพร้อมเพรียงกัน
ในกาลนี้ สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตายังได้ทรงสถาปนา สมเด็จเจ้านางแก้วกานดา ขึ้นเป็นที่พระสนมเอก ทรงพระนามว่า พระนางแก้วกานดามหาเทวีศรีละวิรัฐพระพลัดถิ่น และพระราชทานพระตำหนักไม้สักทองให้ประทับอยู่หลังพระบรมมหาราชวังแห่งนั้น
พระนางแก้วกานดา ทรงยินดีปรีดากับตำแหน่งพระสนมเอกที่ได้รับพระราชทานมาเป็นที่ยิ่ง ทรงมิเคยสนพระทัยกับสิ่งใด นอกจากทรงวิ่งเล่นสนุกสนานรอบวังไปวันๆ ราวกับเป็นสรวงสวรรค์แห่งใหม่ที่แตกต่างจากที่ได้ประทับมา ณ กรุงละวิรัฐ
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะทรงถูกกดดันบีบบังคับจากสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศผู้เป็นพระเชษฐามาเป็นเวลาเนิ่นนานก็เป็นได้ ยามเมื่อห่างไกลจากกฏเกณฑ์อันเข้มงวดจึงทรงปล่อยพระหทัยสนุกสนานสำราญพระวรกายได้อย่างเต็มที่ ราวกับทรงรอคอยเวลานี้มาทั้งพระชนม์ชีพ
" เอ้า... เร็วเข้าสิจ๊ะ นางกำนัล พวกหล่อนต้องวิ่งตามฉันให้ทันนะจ๊ะ มิฉะนั้นแล้วจะถูกลงอาญาตามแบบละวิรัฐ "
พระนางแก้วกานดาทรงฉวยรั้งชายพระภูษาที่ยาวระพื้นขึ้นสูง ก่อนเสด็จก้าวพระบาทวิ่งนำไปตามทางคดเคี้ยวภายในพระราชอุทยาน เหล่านางข้าราชบริพารพากันอุ้มแบกพระแส้ปัด พระพัดวี โถพระน้ำหมาก พระเชื่ยนหมากทองคำประดับพลอย พระที่บังคนหนักเบา แลกระเป๋าย่านลิเพาฝีมือประณีต ติดตามองค์ไปเป็นขบวนรัญจวนใจจริง นางกำนัลร้องตามเป็นระวิงมิหยุด
" อ๊ายยย... !!! พระนางเพคะ อย่าทรงวิ่งเร็วนัก เดี๋ยวจะเสียกิริยาพระสนมเอก แลเกล้ากระหม่อมฉันทั้งมวลจะพากันตามไม่ทันนะเพคะ "
" อิ อิ อิ ดีสิจ๊ะ... ใครมาล่าช้า จะถูกลงทัณฑ์ด้วยวิธีที่ฉันคิด "
" กระไรเพคะ ? "
นางกำนัลฉงน
" ซุ้มมะเดื่อ แลซุ้มหนวด ไงเล่าเจ้าเอย "
" หา...!!! "
นางกำนัลนัยน์ตาลุกวาว เนื่องเพราะเคยได้ยินมานานถึงซุ้มทั้งสอง หากแต่ยังมิเคยลองกันสักครา เนื่องจากว่ามีแต่พระนางแก้วกานดาเท่านั้นที่ทรงชำนาญยิ่งกว่าหญิงใด
ในที่สุด เมื่อการละเล่นเช่นนั้นยุติ พนะนางก็ทรงคัดเลือกนางกำนัลสี่ผู้สุดท้ายที่พ่ายแพ้มายืนเรียงกัน แล้วการลงทัณฑ์ด้วยวิธีหฤหรรษ์ก็บังเกิด
พระนางทรงรับสั่งให้นำกระถางต้นไม้ประหลาดขนาดใหญ่นับสิบมากองรวมกันไว้ที่กลางลานจนแลเห็นเห็นซุ้มยักษ์ ต้นไม้เหล่านี้นั้นมีสีสรรชวนฉงน อีกทั้งยังมีกิ่งก้านสาขาอ่อนโยนโอนเอนโยงใยเป็นสายยาวอย่างยั้วเยี้ย บ้างก็ชูช่อหนวดใบเด่นไสวน่าตะลึงพิลึกพิลั่น
เหล่านางกำนัลพากันตื่นเต้นที่ได้เห็น ต่างซุบซิบนินทาหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้เป็นทีครึกครื้น พระนางทรงมีพระดำรัสขึ้นว่า
" เอาล่ะ พวกเจ้า นี่คือซุ้มมะเดื่อแลซุ้มหนวด พฤกษ์พันธุ์ไม้สุดหฤหรรษ์แห่งเราชาวละวิรัฐ จงลงไปสำราญหทัยกันได้แล้ว "
ทรงชี้พระดัชนีไปที่นั่น โดยพลัน...
เหล่านางกำนัลพากันถลกผ้านุ่งแล้ววิ่งกรูกันไปลุยในซุ้ม
เหล่าพฤกษา เมื่อต้องสัมผัสจากมนุษย์ก็พากันขยับโยกไหวไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนัก ต่างโบกสะบัดพัดพลิ้วตวัดเวียนร่างเหล่านางกำนัลทั้งมวลนั้นจนสั่นเทิ้ม
เหล่านางกำนัลต่างหัวร่อเริงร่าครวญวาจาไม่เป็นส่ำ
" โอ... อา... พอฤทัยยิ่งเพคะ โอ... "
พระนางแก้วกานดาทรงยิ้มกริ่ม โดยหารู้องค์ไม่ว่ามีอิสตรีผู้หนึ่งแอบซุ่มดูอยู่ด้วยความมิพึงใจเท่าใดนัก
สตรีผู้นั้นหาใช่ใครอื่นไม่ หากเป็น นางลำดวนดาว นางสนมคู่พระทัยเจ้าฟ้ามูรตี ซึ่งขณะนี้นางได้รับการอวยยศสถาปนาขึ้นเป็นพระสนม นามว่า ท้าวลำดวนดาว
ดวงเนตรทั้งคู่ของนางนั้นเต็มไปด้วยเพลิงแค้นที่คุกรุ่น นางรำพึงอยู่ในจิตว่า
... ชิชะ นังแก้วกานดา บังอาจช่วงชิงตำแหน่งพระสนมเอกไปจากข้า คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งองค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ จะลงทัณฑ์ ...
* * * * * * * * *
จบบทที่ 7 โปรดติดตามต่อบทที่ 8