เหย้าบาหยัน >> บทที่ ๘ >> แฝดกาฝาก

กระทู้สนทนา
ความเดิมบทที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คู่มือการอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ ๘

แฝดกาฝาก



             ฟ้าหลังฝนทิ้งความชื้นเกาะกระจกรถเป็นคราบเม็ดฝน ภิกษุหนุ่มใช้มือลู่ไอน้ำที่กระจกข้างออกแต่ก็ไม่เป็นผล  เพราะยิ่งถูให้กระจ่างชัด มันก็กลับมาเลือนลางเป็นรอยอีกเช่นเคย

             อุณหภูมิในรถเย็นราวกับจุดเยือกแข็งทั้งๆที่ปิดแอร์ไปนานแล้ว  จีวรที่ห่มอยู่ก็ไม่ได้อุ่นพอที่จะกันความหนาวผิดปกติแบบนี้ได้ ผิวหนังชั้นนอกตึงดึงรั้งขนให้ตั้งลุกชัน  การเต้นของจังหวะหัวใจช้าลงจนทำให้หายใจแทบไม่ออกเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ

              อากาศวิปริตและอาการประหลาดแบบนี้ พระไมค์เคยประสบมาแล้วสองครั้งที่อเมริกาและที่ไทย ครั้งแรกคือการเจอกับวิญญาณขุนขจร  และครั้งที่สองคือการพบกับวิญญาณหญิงโบราณที่ยืนอยู่ด้านหลังแก้วตอนสทนาที่ข้างโลงศพ

             หน้าตาของหญิงโบราณผู้นั้นยังคงติดตาภิกษุหนุ่มให้ครุ่นคิดอยู่เสมอ ทั้งชื่อที่หญิงผู้นั้นที่เรียก  กับทั้งท่าทางและสีหน้าอากัปกิริยาที่แสดงออกมาเหมือนกับรู้จักกันมาก่อน  มันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า วิญญาณหญิงโบราณที่หน้าคล้ายแก้วคนนั้น เขาเป็นใคร

              “ หยงยิหวาเองเจ้าค่ะ  ” เสียงหวานนุ่มของหญิงสาวตอบกลับมาในขณะที่ภิกษุหนุ่มกำลังคิด   พอหันไปดูด้วยความตกใจ  ก็พบกับวิญญาณหญิงโบราณที่เคยเจอ กำลังนั่งพับเพียบอยู่ที่เบาะด้านหลัง

              “ กราบนมัสการพระคุณเจ้า ” วิญญาณหญิงโน้มศรีษะจรดพุ่มมือพนมไหว้อย่างนอบน้อบ

             ฝ่ายพระไมค์ทำหน้านิ่งตัวแข็งทื่อเพราะไม่เคยประจันหน้ากับวิญญาณแบบใกล้ขนาดนี้มาก่อน พอรวบรวมสติได้ จึงพูดกลับไปอย่างสุภาพ “ เจริญพรนะโยม  ”

              วิญญาณหญิงสาวยิ้มรับ “ หยงดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ ที่ท่านขรัวเขมชาตินึกถึงเรื่องเมื่อวาน หยงเลยออกมาพบท่านได้ ”

              “ เดี๋ยวก่อนนะ โยมเรียกอาตมาว่าเขมชาติ? โยมหมายถึงใครกัน เห็นเรียกอาตมาชื่อนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว  ”

              “ ท่านไงเจ้าคะ ท่านขรัวเขมชาติ ”

              “ อาตมาชื่อไมค์ แต่มีชื่อไทยเป็นชื่อจริงว่าเจมชาติ  โยมหมายถึงเจมชาติแต่ออกเสียงผิดเป็นเขมชาติใช่ไหม ”

             “ ไม่ผิดดอกเจ้าค่ะ ท่านคือขรัวเขมชาติ น้องชายของขุนขจรไงเจ้าคะ ”

              “ ขุนขจร!? ขุนขจรสุนทรวานิชท่านเป็นบรรพบุรุษของอาตมา อาตมาไม่ใช่น้องชายท่าน ”

              “ หยงเชื่อว่าท่านคือขรัวเขมชาติ มีท่านเพียงคนเดียวในชาติที่แล้ว แลชาตินี้ที่จะเห็นวิญญาณกรรมเหล่านี้ได้ ชาติที่แล้วท่านเป็นถึงขรัว ชาตินี้ท่านจึ่งมาเป็นพระอีกครา เป็นบุญหนาที่หยงได้นมัสการท่านอีกหน  ”

              ภิกษุหนุ่มได้ฟังคำบอกเล่าของวิญญาณหญิงสาวก็รู้สึกยังไม่ค่อยเชื่อ ในใจมีถามคำถามอีกมากมาย แต่ก็ยังไม่กล้าซักถามต่อ เพราะรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ของวิญญาณหญิงโบราณ เหมือนมีอะไรมากกว่านั้น แววตาที่ดีใจแฝงด้วยท่าทางร้อนรนอย่างมีพิรุธ คอยมองไปที่หลังกระบะรถและหน้าศาลาวัดเป็นระยะ

              " โยมมาหาอาตมา โยมต้องการอะไรหรือเปล่า ”

              “ ต้องการเจ้าค่ะ ”

              “ อยากให้อาตมาช่วยเรื่องอะไรก็บอกมาเลย ”

              “ โยมอยากให้ท่านขรัวเขมชาติช่วยแก้วเจ้าค่ะ ”

              “ โยมหมายถึง” พระไมค์หันกลับไปที่ศาลาตามสายตาของวิญญาณหญิงที่มองไป ก็รู้เลยทันที่ว่าหมายถึงกิ่งแก้วกาหลง   “ โยมหยงเจอวิญญาณแก้วด้วยเหรอ ”

             “ เราได้พบกันแล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ดวงจิตของแม่แก้วยังคงหลงทางอยู่ มีเพียงแสงสว่างจากล็อคเก็ตของท่านขรัวเท่านั้น ที่จะนำพาดวงจิตกลับไปหาร่าง ”

             “ ล็อคเก็ต? ” ภิกษุหนุ่มหยุดคิดครู่ใหญ่ ก็นึกออกว่าตนนำล็อคเก็ตเก็บไว้ที่ย่าม  เลยรีบเอาออกมาให้วิญญาณหญิงสาวดูเพื่อให้แน่ใจว่าคืออันเดียวกันกับที่กำลังพูดอยู่  “ ล็อคเก็ตอันนี้น่ะเหรอโยม ”

              “ ใช่เจ้าค่ะ  ”

              “ แต่โยมแก้วเสียชีวิตแล้วนะ อาตมาจะใช้ล็อคเก็ตนำวิญญาณมาคืนร่างได้ยังไง ”

              “ แม่แก้วยังไม่ตายเจ้าค่ะ แค่ดวงจิตหลุดออกจากร่าง ”

             “ อาตมายังไม่เห็นโยมแก้วเลย แล้วอาตมาจะช่วยได้ยังไง ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ”

             “ แม่แก้วไม่ใช่วิญญาณที่ตายแล้ว ท่านจึ่งเห็นไม่ได้  บัดนี้แม่แก้วก็ไม่ได้อยู่ไกลจากท่านขรัวดอกนักเจ้าค่ะ  ”  วิญญาณหญิงมองไปด้านหลังเพื่อบอกให้ภิกษุฝรั่งรู้ว่าแก้วอยู่ตรงไหน

              พระไมค์มองไปที่กระบะท้ายรถ ที่มีแต่ความว่างเปล่า แต่เมื่อเพ่งดูชัดๆอีกครั้ง ก็มีรอยน้ำเป็นคราบเหมือนฝ่ามือคนให้เห็นเป็นจางๆอยู่บนแผ่นกระจกรถ ก็เลยเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่วิญญาณหญิงกล่าวอาจเป็นความจริง   “ แล้วอาตมาต้องทำยังไงล่ะ ”

              “ ท่านขรัวจงถือล็อคเก็ตไว้ เพื่อเดินนำดวงจิตแม่แก้วกลับร่าง รีบเถิดเจ้าค่ะท่านขรัว ก่อนที่จะมีคนนำร่างของแม่แก้วไป ”

             แม้จะเป็นคำสั่งที่แปลกประหลาด แต่พระไมค์ก็ยอมทำตามที่วิญญาณหญิงสาวกล่าว เพราะดูเหมือนเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังนำศพแก้วเข้ารถเพื่อนำไปส่งที่ห้องชันสูตรศพสถาบันนิติวิทย์ศาสตร์

              ภิกษุฝรั่งรีบเปิดประตูรถ เดินถือล็อคเก็ตมุ่งตรงไปที่ศาลาวัด คอยเรียกแก้วในใจหวังว่าจะได้ยิน   “ โยมแก้ว  ถ้าได้ยินเสียง ก็ตามอาตมามานะ  อาตมาจะพากลับร่าง  ”

             แก้วที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด ไม่เห็นหรือได้ยินแม้กระทั่งการสทนาระหว่างพระไมค์กับหยงยิหวาก่อนหน้านี้  มีเพียงแสงสว่างเรืองๆจากสร้อยล็อคเก็ตเท่านั้นที่ส่องทางเหมือนหิ่งห้อยในคืนเดือนดับ  ให้เดินตามไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางนั้น เธอสัมผัสได้ตลอดเวลาว่า เหมือนมีวิญญาณอีกตนเดินนำหน้าเธอ แต่ก็ไม่ปรากฏชัดว่าเป็นใคร  

             วิญญาณหยงยิหวาเดินนำหน้ามาตลอด คอยปกป้องไม่เห็นผีร้ายหรือสัมภเวสีเร่ร่อนมายุ่งกับดวงจิตของแก้ว  ระยะทางจากเจดีย์ไปหน้าศาลาสวดศพห่างกันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร  ทว่าทุกๆก้าวเดินเต็มไปด้วยมือนับร้อยนับพันที่โผล่มาจากพื้นดินคอยกั้นขวางทางไม่ให้ไป  แต่ด้วยบุญบารมีของภิกษุฝรั่ง จึงทำให้รอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายจนมาถึงรถพยาบาลที่จอดด้านหน้าศาลาวัด

             “ ทำอย่างไรต่อโยมหยง ” ภิกษุฝรั่งถามในใจ  เพราะไม่กล้าพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่พยาบาลที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย

             “ นำสร้อยไปสวมที่คอแม่แก้วเจ้าค่ะ แม่แก้วจะได้เห็นร่างตนเอง แลกลับเข้าร่างได้เจ้าค่ะ ”  วิญญาณหญิงสาวบอก

             “ อาตมาเป็นพระ จับต้องตัวผู้หญิงไม่ได้ มันต้องอาบัติ ”

             “ ทำอย่างไรก็ทำเสียเถิดเจ้าค่ะ รีบทำเถิด ก่อนที่จะไม่ทันกาล ”

             ภิกษุหนุ่มเดินวนไปมารอบรถพยาบาล พยายามคิดตรึกตรองอยู่นานสองนาน  ก็เลยตัดสินใจทำตามที่วิญญาณหญิงสาวบอก โดยอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังกลับเข้าไปในศาลา  รีบเปิดกระจกรถด้านข้าง แล้วพยายามโยนสร้อยไปวางทาบไว้ที่คอ

             “ ทำอะไรอ่ะหลวงเพื่อน ” เสียงสารวัตรศรัณย์ทักมาจากด้านหลัง

             พระไมค์สะดุ้งตกใจเล็กน้อย พยายามสำรวมอาการและหันกลับไปทำหน้าตาปกติ อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ เพราะไม่สามารถโกหกได้ “ เอ่อ..คือ..อาตมา ”

             สารวัตรศรัณย์เห็นพิรุธที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนของภิกษุฝรั่งที่กำลังยืนบังกระจกรถที่เปิดอยู่ เลยขอให้หลบเพื่อเช็คดูความผิดปกติ  “ นิมนต์หลวงเพื่อนเขยิบหน่อยนะครับ ”

             พระไมค์ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ และยังคงออกอาการอ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไร  แต่ในระหว่างนั้นเอง เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ออกมาด้านนอกพอดี

             “ มีอะไรกันหรือเปล่าครับคุณสารวัตร ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่พยาบาลถาม

             “ อ่อ ก็ไม่มีหรอกครับ คือผมจะขอดูศพอีกสักครั้งได้ไหม ช่วยเลื่อนออกมาหน่อย ”

             เจ้าหน้าที่พยาบาลพยักหน้า วิ่งไปเปิดท้ายรถแล้วเลื่อนศพออกมา  ศพอยู่ในถุงพลาสติกทึบรูดซิบอย่างดี แต่ที่บริเวณห่วงตะขอซิบด้านบน มีสายสร้อยเกี่ยวติดอยู่   สารวัตรหนุ่มรีบแกะออกมาดู แล้วมองไปที่ภิกษุฝรั่งด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยคำถาม ก็ได้ยินเสียงคนหายใจกระหืดกระหอบอยู่ภายใต้ถุงใส่ศพ   ทุกคนในที่นั้นตกใจกับเสียงหายใจในถุงใส่ศพ  จู่ๆศพก็ดิ้นพล่านไปมาภายใต้ถุง และมีเสียงพูดออกมาอู้อี้ว่า “ ช่วยด้วย ”

              ทั้งสารวัตรศรัณย์ และพนักงานพยาบาลต่างตกใจ  มีเพียงพระไมค์ที่มีสติ ดึงที่รูดซิบออกทันที  หญิงสาวในถุงใส่ศพลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบสักพัก แล้วก็สลบไปทันที เจ้าหน้าที่พยาบาลมาเช็กสภาพร่างกายแก้วอีกครั้งอย่างเร่งด่วน ก็พบว่าหัวใจกลับมาเต้นปกติเหมือนคน

              “ คนตายยังไม่ตายครับ ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่พยาบาลตะโกนตอบแบบรวดเร็ว พูดผิดๆถูกๆด้วยความงง

              สารวัตรหนุ่มเอามือเกาหัวด้วยความงงเช่นกัน  มีเพียงพระไมค์ที่ยืนนิ่งเฉยเพราะรู้ว่าเหตุการณ์ปาฏิหารย์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร    

             “ ฟื้นแล้วครับ คนตายฟื้นแล้วครับ ”  เจ้าหน้าที่พยาบาลอีกคนตะโกนหลังจากที่ปฐมพยาบาลแก้วได้ไม่นาน

              พระไมค์ สารวัตรศรัณย์ และทุกคนที่เพิ่งรู้เรื่อง ต่างรีบมามุงดูอาการของหญิงสาวกันอย่างใกล้ชิด คนที่ดีใจพอๆกับพ่อของแก้วก็คือ ยายจรูญ  เพราะจะได้หลุดพ้นคำครหาว่าเป็นฆาตกร

              “ เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่าหนูแก้วยังไม่ตายก็ไม่มีใครเชื่อ กล่าวหาคนแก่ๆอย่างฉันแบบมั่วซั่ว ”

              ฝ่ายศุภจิตไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ยายจรูญพูด เพราะกำลังรู้สึกดีใจมากที่ได้ลูกสาวกลับมา สายตาจับจ้องดูแก้วอย่างเป็นห่วง  “ แก้วลูกพ่อ ปลอดภัยแล้วนะลูก ”

              “ แก้ว ”  หญิงสาวเอ่ยคำแรกออกมา พร้อมค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง เอามือกุมศรีษะเหมือนปวดหัว

              “ ค่อยๆลุกสิแก้ว ”  

              “ แก้วงั้นรึ ”

              “ ก็แก้วไงลูก ขวัญเอ้ยขวัญมาของพ่อ กลับมาแล้วนะลูก ” พ่อพูดไปพลางลูบหัวลูกสาวไปด้วยความรัก

               หญิงสาวทำหน้างง จับร่างกายตัวเองด้วยท่าทางแปลกๆ หันไปมองเงาสะท้อนที่กระจกรถพยาบาลอยู่ครู่หนึ่ง และตอบกลับพ่อ  “ ค่ะ แก้วกลับมาแล้ว  ”

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่