รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศตลอดเวลาว่าจะปราบการโกงกินทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ปรากฏว่าการโกงกินสารพัดรูปแบบก็ยังไม่หมดไปจากบ้านเมือง และอย่างยิ่งโดยเฉพาะในแวดวงการเมือง และแวดวงข้าราชการแทบทุกระดับ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โฆษณาชวนเชื่อว่าจะไม่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่สุดท้ายรัฐบาลภายใต้การนำของเธอก็เก็บเงินนั้น แถมยังเก็บมากมายอย่างเป็นประวัติการณ์เสียอีก
รัฐบาลชุดนี้ประกาศว่าจะกระชากราคาค่าครองชีพลง แต่ราคาค่าครองชีพก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ข้าราชการระดับสูงอย่าง วัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กลับบอกว่าประชาชนคิดไปเอง ไม่เห็นมีปัญหาข้าวของแพงที่ไหน ทุกอย่างเป็นปกติดี เธอไม่เห็นเป็นปัญหาตรงไหน แล้วทำไมคนอื่นๆ จึงคิดว่ามีปัญหา
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ต้องการให้คนฝ่ายที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลออกมารวมตัวประท้วงเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งสาธารณชนพบว่าตำรวจมักใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมทางการเมืองของฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลเป็นประจำ แต่กับการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่ว่าการเคลื่อนไหวนั้นจะเต็มไปด้วยความรุนแรงสักเพียงใด ก็กลับกลายเป็นว่ายิ่งลักษณ์ไม่เคยต่อต้าน ถึงแม้จะไม่แสดงอาการสนับสนุนอย่างออกหน้าออกตา แต่ก็ไม่เคยคัดค้านอย่างจริงจังแม้แต่ครั้งเดียว
รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิดพลาดมาโดยตลอด อาทิ เรื่องจำนำข้าวทุกเมล็ด โครงการรถยนต์คันแรก ความผิดพลาดและล้มเหลวในการแก้ปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 แต่รัฐบาลไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อความล้มเหลวดังกล่าวแม้แต่น้อย
ยิ่งลักษณ์พยายามสร้างภาพ smart lady project เพราะหวังใช้เงินของแผ่นดินเพื่อซื้อคะแนนนิยมจากกลุ่มสตรีให้สนับสนุนรัฐบาล แต่กลับปรากฏว่าพฤติกรรมของยิ่งลักษณ์ไม่สอดคล้องกับ smart lady แม้แต่น้อย
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคที่ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ทำทุกหนทางเพื่อรวบรัดให้ผ่านร่างกฎหมายที่มีผลประโยชน์แอบแฝงหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพ.ศ.2550 ว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภารวมถึง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สาธารณชนจับได้ว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงต่อตัวของเจ้าของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น แต่ยิ่งลักษณ์ไม่สนใจรับฟังเสียงท้วงติงใดๆ ของสาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตที่น่าจับตามองให้ดีคือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตัดสินใจลดทอนงบประมาณของศาลและองค์กรอิสระอย่างมากจนเป็นที่ผิดสังเกต คำถามที่ตามมาก็คือ เหตุใดจึงเกิดเรื่องไม่บังควรเช่นนี้ขึ้น คำตอบคือ เพราะหน่วยงานดังกล่าวไม่ยอมโอนอ่อนให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ การแสดงพฤติกรรมไม่บังควรเช่นนี้จากฝ่ายบริหาร คือการแสดงให้ประจักษ์ว่ารัฐบาลสามารถใช้กลไกงบประมาณเป็นเครื่องกำราบฝ่ายตุลาการได้
ส่วนประเด็นการช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดมาตั้งแต่วันแรกที่ยิ่งลักษณ์ขึ้นมากินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า เธอไม่เคยคิดจะดำเนินคดีกับนักโทษหนีคดีอาญารายนี้ แต่กลับหาทางช่วยเหลือให้พ้นผิดทุกประตู โดยไม่นำพาต่ออำนาจตุลาการแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เรื่องผิดที่ยิ่งลักษณ์จะเสพติดอำนาจบริหาร และไม่ผิดที่ยิ่งลักษณ์อยากจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปเรื่อยๆ แต่เป็นเรื่องผิดอย่างมหันต์ที่เสพติดอำนาจและอยากอยู่ในตำแหน่งโดยไม่ได้ทำผลประโยชน์ให้สาธารณะ และเป็นความผิดขั้นวิกฤติที่ใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดาที่สาธารณชนได้พบว่ารัฐบาลนี้ประสงค์ให้แก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา การหักหาญหลักการถ่วงดุลอำนาจโดยรวบรัดทำเรื่องเช่นนี้ก็เพราะรัฐบาลต้องการจะยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ด้วยการมีอำนาจควบคุมสมาชิกวุฒิสภาให้ราบคาบ เพราะสมาชิกวุฒิสภามีผลต่อการเลือกคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง รวบถึงองค์กรอิสระอีกหลายหลาก
กลอุบายการเมืองตื้นๆ เช่นนี้ เป็นสิ่งที่วิญญูชนตระหนักดีทั้งแผ่นดิน แต่ถามว่าทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่แยแสกับเสียงคัดค้านของวิญญูชน คำตอบคือเพราะวิญญูชนในบ้านเมืองนี้เป็นแค่เพียงเสียงส่วนน้อย ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เคยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิเสรีภาพของเสียงส่วนน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นเสียงส่วนน้อยจึงกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญในสายตาและความรู้สึกของรัฐบาลนี้
มิแค่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังทระนงว่าฝ่ายของตนสามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้ ขณะเดียวกัน ก็สามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในสังคมที่ดูเสมือนว่าจะมุ่งเน้นแค่เพียงผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญโดยผ่านกลไกประชานิยม
ลดแลกแจกแถม ซึ่งเอาเงินงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อซื้อคะแนนนิยมทางการเมืองผ่านนโยบายเอื้ออาทรสารพัดชนิด
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องจริงทุกประการ แต่รัฐบาลไม่กล้าเผชิญกับความจริง จึงเลือกที่จะใช้กลอุบายโกหกประชาชน โกหกตนเอง และโกหกนานาชาติเพื่อเอาตัวรอดทางการเมืองไปวันๆ ส่วนคนไทยจำนวนไม่น้อยก็รู้ว่ารัฐบาลโกหกหลอกลวง แต่ก็ยังสนับสนุนเพราะหลงละเมอว่าจะได้รับเศษผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ในรูปแบบเอื้ออาทรจากรัฐบาล โดยหารู้ไม่ว่างบประมาณที่รัฐบาลนำไปเล่นแร่แปรธาตุเป็นนโยบายประชานิยมเพื่อมอมเมาประชาชนนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากเงินภาษีอากรของแผ่นดินทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งก็คือการจงใจฆ่าตัวตายโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
อยากให้ประชาชนทุกคนตั้งสติให้ดี ทบทวนให้รอบคอบ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่โกงกิน ไม่ฉ้อฉล ไม่โกหก และไม่เป็นเผด็จการจริงหรือ แต่หากได้ข้อสรุปแล้วยังอยากจะตอบตัวเองว่า โกง โกหก ฉ้อฉล และเผด็จการ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ฉันได้ผลประโยชน์ก็พอแล้ว เรื่องอื่นช่างมัน ฉันไม่ใส่ใจ
คำตอบของปัญหานี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก และความหนาบางของผิวหน้าของผู้ตอบแต่ละคน เป็นเรื่องของปัจเจกจริงๆ แล้วก็เป็นเวรเป็นกรรมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/8867
ปล.พูดไม่ออกเลยดิ...กองชะเลีย รัฐบาล..เอิ๊ก ๆ ๆ
หรือว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่โกง ไม่โกหก และไม่เผด็จการ!
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โฆษณาชวนเชื่อว่าจะไม่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่สุดท้ายรัฐบาลภายใต้การนำของเธอก็เก็บเงินนั้น แถมยังเก็บมากมายอย่างเป็นประวัติการณ์เสียอีก
รัฐบาลชุดนี้ประกาศว่าจะกระชากราคาค่าครองชีพลง แต่ราคาค่าครองชีพก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ข้าราชการระดับสูงอย่าง วัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กลับบอกว่าประชาชนคิดไปเอง ไม่เห็นมีปัญหาข้าวของแพงที่ไหน ทุกอย่างเป็นปกติดี เธอไม่เห็นเป็นปัญหาตรงไหน แล้วทำไมคนอื่นๆ จึงคิดว่ามีปัญหา
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ต้องการให้คนฝ่ายที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลออกมารวมตัวประท้วงเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งสาธารณชนพบว่าตำรวจมักใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมทางการเมืองของฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลเป็นประจำ แต่กับการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่ว่าการเคลื่อนไหวนั้นจะเต็มไปด้วยความรุนแรงสักเพียงใด ก็กลับกลายเป็นว่ายิ่งลักษณ์ไม่เคยต่อต้าน ถึงแม้จะไม่แสดงอาการสนับสนุนอย่างออกหน้าออกตา แต่ก็ไม่เคยคัดค้านอย่างจริงจังแม้แต่ครั้งเดียว
รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิดพลาดมาโดยตลอด อาทิ เรื่องจำนำข้าวทุกเมล็ด โครงการรถยนต์คันแรก ความผิดพลาดและล้มเหลวในการแก้ปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 แต่รัฐบาลไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อความล้มเหลวดังกล่าวแม้แต่น้อย
ยิ่งลักษณ์พยายามสร้างภาพ smart lady project เพราะหวังใช้เงินของแผ่นดินเพื่อซื้อคะแนนนิยมจากกลุ่มสตรีให้สนับสนุนรัฐบาล แต่กลับปรากฏว่าพฤติกรรมของยิ่งลักษณ์ไม่สอดคล้องกับ smart lady แม้แต่น้อย
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคที่ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ทำทุกหนทางเพื่อรวบรัดให้ผ่านร่างกฎหมายที่มีผลประโยชน์แอบแฝงหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพ.ศ.2550 ว่าด้วยที่มาของสมาชิกวุฒิสภารวมถึง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สาธารณชนจับได้ว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงต่อตัวของเจ้าของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น แต่ยิ่งลักษณ์ไม่สนใจรับฟังเสียงท้วงติงใดๆ ของสาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตที่น่าจับตามองให้ดีคือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตัดสินใจลดทอนงบประมาณของศาลและองค์กรอิสระอย่างมากจนเป็นที่ผิดสังเกต คำถามที่ตามมาก็คือ เหตุใดจึงเกิดเรื่องไม่บังควรเช่นนี้ขึ้น คำตอบคือ เพราะหน่วยงานดังกล่าวไม่ยอมโอนอ่อนให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ การแสดงพฤติกรรมไม่บังควรเช่นนี้จากฝ่ายบริหาร คือการแสดงให้ประจักษ์ว่ารัฐบาลสามารถใช้กลไกงบประมาณเป็นเครื่องกำราบฝ่ายตุลาการได้
ส่วนประเด็นการช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดมาตั้งแต่วันแรกที่ยิ่งลักษณ์ขึ้นมากินตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า เธอไม่เคยคิดจะดำเนินคดีกับนักโทษหนีคดีอาญารายนี้ แต่กลับหาทางช่วยเหลือให้พ้นผิดทุกประตู โดยไม่นำพาต่ออำนาจตุลาการแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เรื่องผิดที่ยิ่งลักษณ์จะเสพติดอำนาจบริหาร และไม่ผิดที่ยิ่งลักษณ์อยากจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปเรื่อยๆ แต่เป็นเรื่องผิดอย่างมหันต์ที่เสพติดอำนาจและอยากอยู่ในตำแหน่งโดยไม่ได้ทำผลประโยชน์ให้สาธารณะ และเป็นความผิดขั้นวิกฤติที่ใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดาที่สาธารณชนได้พบว่ารัฐบาลนี้ประสงค์ให้แก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา การหักหาญหลักการถ่วงดุลอำนาจโดยรวบรัดทำเรื่องเช่นนี้ก็เพราะรัฐบาลต้องการจะยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ด้วยการมีอำนาจควบคุมสมาชิกวุฒิสภาให้ราบคาบ เพราะสมาชิกวุฒิสภามีผลต่อการเลือกคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง รวบถึงองค์กรอิสระอีกหลายหลาก
กลอุบายการเมืองตื้นๆ เช่นนี้ เป็นสิ่งที่วิญญูชนตระหนักดีทั้งแผ่นดิน แต่ถามว่าทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่แยแสกับเสียงคัดค้านของวิญญูชน คำตอบคือเพราะวิญญูชนในบ้านเมืองนี้เป็นแค่เพียงเสียงส่วนน้อย ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่เคยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิเสรีภาพของเสียงส่วนน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นเสียงส่วนน้อยจึงกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญในสายตาและความรู้สึกของรัฐบาลนี้
มิแค่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังทระนงว่าฝ่ายของตนสามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้ ขณะเดียวกัน ก็สามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในสังคมที่ดูเสมือนว่าจะมุ่งเน้นแค่เพียงผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญโดยผ่านกลไกประชานิยม
ลดแลกแจกแถม ซึ่งเอาเงินงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อซื้อคะแนนนิยมทางการเมืองผ่านนโยบายเอื้ออาทรสารพัดชนิด
ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องจริงทุกประการ แต่รัฐบาลไม่กล้าเผชิญกับความจริง จึงเลือกที่จะใช้กลอุบายโกหกประชาชน โกหกตนเอง และโกหกนานาชาติเพื่อเอาตัวรอดทางการเมืองไปวันๆ ส่วนคนไทยจำนวนไม่น้อยก็รู้ว่ารัฐบาลโกหกหลอกลวง แต่ก็ยังสนับสนุนเพราะหลงละเมอว่าจะได้รับเศษผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ในรูปแบบเอื้ออาทรจากรัฐบาล โดยหารู้ไม่ว่างบประมาณที่รัฐบาลนำไปเล่นแร่แปรธาตุเป็นนโยบายประชานิยมเพื่อมอมเมาประชาชนนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากเงินภาษีอากรของแผ่นดินทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งก็คือการจงใจฆ่าตัวตายโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
อยากให้ประชาชนทุกคนตั้งสติให้ดี ทบทวนให้รอบคอบ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่โกงกิน ไม่ฉ้อฉล ไม่โกหก และไม่เป็นเผด็จการจริงหรือ แต่หากได้ข้อสรุปแล้วยังอยากจะตอบตัวเองว่า โกง โกหก ฉ้อฉล และเผด็จการ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ฉันได้ผลประโยชน์ก็พอแล้ว เรื่องอื่นช่างมัน ฉันไม่ใส่ใจ
คำตอบของปัญหานี้ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก และความหนาบางของผิวหน้าของผู้ตอบแต่ละคน เป็นเรื่องของปัจเจกจริงๆ แล้วก็เป็นเวรเป็นกรรมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/8867
ปล.พูดไม่ออกเลยดิ...กองชะเลีย รัฐบาล..เอิ๊ก ๆ ๆ