เรื่องของเรื่องคือรถที่บ้านเสียครับ เลยตกลงกันว่าจะหาซื้อรถมือสองสักคัน แล้วจะเอารถคันที่ซ่อมสำรองไว้อีกคัน โดยจะซื้อเป็นชื่อแม่ และผม ( ลูกเขย )  จะค้ำให้  แม่แฟนอายุ  52 โดยส่วนใหญ่งานทะเบียนของแม่ ผมจะทำแทนให้เสมอ  ยกเว้นงานที่ต้องทำเองเฉพาะตัวครับ
รถคันนี้จะนำใช้มาในบ้านสลับกับคันเก่า   เราเลือกรถจาก Internet  ไปได้ที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งแถวบางแคครับ  หลังจากทดลองขับก็ตกลงวางมัดจำกันไว้ และยื่นเรื่อง ที่ SCB  ทางเต็นท์ได้ให้ Marketing  SCB  โทรมาคุยข้อมูลเบื้องต้น วันอาทิตย์ ที่  22 และ วันจันทร์ ประมาณเที่ยง ให้ผมติดต่อเธออีกครั้ง เพื่อนัดหมาย


วันจันทร์  23 / 10.30  ผมโทรไปหาเพื่อสอบถามว่าจะนำเอกสารมาให้เซ็นต์ได้กี่โมง  คุณ อากาศ แจ้งว่าช่วงบ่ายเธอจะโทรมาบอก ผมกับแม่ และ อีกหลายคน รอจนเกือบบ่ายสองยังไม่โทรมา ผมจึงโทรไปอีกครั้งแต่ไม่รับสาย แต่มีอีกคนโทรกลับมาแทนว่าจะเอาเอกสารมาให้เซ็นต์ประมาณ สี่โมงเย็น เรียกเธอว่า คุณ ฟันธง ละกันครับ

สี่โมงเย็น คุณ ฟันธง นำเอกสารมาให้เซ๊นต์ ที่ Office  สัมภาษณ์ ผู้ซื้อและผู้ค้ำ
สัมภาษณ์  ผู้ค้ำ ผมก็ตอบไปตามปกติ
สัมภาษณ์  ผู้ซื้อ ผมช่วยแม่ตอบสองคำถาม ครับ
-    แม่รู้จักยี่ห้อรถ แต่ไม่รู้จักรุ่น ผมตอบเรื่องรุ่นรถแทน เพราะแม่รู้จักแต่รุ่นของโตโยต้า
-    ทำกิจการนี้มากี่ปี  แม่นึกนาน ผมตอบแทนว่า ผมแต่งกับลูกแม่มาสิบปีลองนับย้อนเอาเอง
-    ที่เหลือเค้าคุยกันเองตามปกติแต่ผมยืนฟังอยู่ด้วยครับ แฟนผมนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

วันพฤหัส   26  / 16.30 ไฟแนนซ์มาถ่ายรูปที่บ้าน และ สัมภาษณ์ทั้งผมและแม่อีกครั้ง  บ้านผมและบ้านแม่เป็นทาวน์เฮ้าส์อยู่ติดกันใช้น้ำประปามิเตอร์เดียวกัน ครับ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน   ทาง Call Center ก็ได้โทรมา สัมภาษณ์  ทั้งผมและแม่  
Call Center ถามผมปกติครับ เช่น ค้ำประกันให้ใช่ไหม  , รถยี่ห้ออะไร , รุ่นอะไร
แต่ที่สัมภาษณ์ แม่ ( ผู้ซื้อ ) ไม่ได้มีคำถามถึงเรื่องรถเลยสักคำเลย คำถามจะถามวกไปวนมา ว่า ซื้อรถใช้เองไหม , ซื้อให้คุณ  ( ผม  ผู้ค้ำ )  ใช้หรือเปล่า ฯลฯ  ระหว่างที่คุยกำลังนั่งกินข้าวกันหลายคนก็ได้ฟังกันอยู่ด้วย

ผมเริ่มแปลกใจ ทำไมไม่ถามเรื่องรถเลย เคยซื้อมาก็หลายคัน ก็ถามแต่เรื่องรถทุกที่ ( ที่บ้านทำขนส่ง ซื้อรถบรรทุกหลายคัน แต่ซื้อในนาม หจก  ) เลยโทรไปเล่าให้เต็นท์ฟังคร่าวๆ  และ ทางเต็นท์แจ้งว่าผลน่าจะออกพรุ่งนี้เช้า


วันศุกร์ 27  / 9.30  ผมโทรไปสอบถาม เต็นท์ได้แจ้งกลับมาว่า คุณ ฟันธง บอกว่า เครดิตไม่มีปัญหา แต่ เรื่องไม่ผ่าน เพราะ คุณแม่บอกว่าซื้อรถให้ผมใช้   ผมจึงไปถามแม่และแฟน  ว่าได้พูดอย่างนั้นหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบตรงกันว่า “ไม่ได้พูด”  ผมจึงโทรไปหาเต็นท์อีกครั้งและแจ้งว่า แม่ไม่ได้พูด

คำถามที่ Call Center ถามว่า  ซื้อให้คุณ  ( ผม ผู้ค้ำ )  ใช้หรือเปล่า  แม่ตอบว่า ใช้ร่วมกัน  คำว่าใช้ร่วมกันหมายถึง ใช้ด้วยกันทั้งบ้านนะครับ  สลับกันใช้ ทั้ง รถกระบะ  รถเก๋ง  อยู่บ้านติดกันเหมือนบ้านเดียวกัน ใช้มิเตอร์น้ำเดียวกัน ซื้อรถระบุให้ผู้ซื้อต้องใช้คนเดียวหรือ คนในบ้านไม่มีสิทธิ์ใช้หรือครับ    

เต็นท์เริ่มบ่น ข้อหานี้งี่เง่ามากเลย  ลูกค้ายิ่งหายากอยู่ เลยโทรกลับไปโวย คุณ อากาศ อีกรอบ  คุณอากาศ จึงนำเรื่องเสนออีกครั้งและแจ้งกลับมาว่าไม่ผ่าน ด้วยข้อหาเดิม

เราสงสัยว่า ทำไม Call Center ที่สัมภาษณ์ แม่ ( ผู้ซื้อ ) ไม่ได้มีคำถามเรื่องรถเลยสักคำเลย คำถามจะถามจะวกไปมา ว่า ซื้อรถใช้เองไหม , ซื้อให้คุณ  ( ผม  ผู้ค้ำ )  ใช้หรือเปล่า

Call Center จะรู้หรือสงสัยได้ยังไง ? ถ้า คุณ ฟันธงไม่ได้เขียนรายงานแนบเรื่องไป ซึ่งคุณ ฟันธง คงคิดเองและสรุปไปเองก่อนแล้ว คำถามที่ Call Center ถามจึงถามแต่เรื่องนี้โดยไม่สนใจถามเรื่องรถสักคำ

คุณ ฟันธง จึงบอกเต๊นท์ว่า คุณแม่บอกว่าซื้อรถให้ผมใช้   เรื่องเลยไม่ผ่าน เพราะทางไฟแนนซ์มีระเบียบว่า ห้ามซื้อรถให้บุคคลอื่นใช้แทน  ยกเว้น ลูก แท้ๆ  

คุณ ฟันธง ใช้คำนี้  คุณแม่บอกว่าซื้อรถให้ผมใช้   ซึ่งผมบอกเลยว่า คุณพูดโกหก   คุณโกหก เพื่ออะไร  และทุกคนที่อยู่ระหว่างที่แม่รับโทรศัพท์ยืนยันตรงกันว่าไม่ได้ยินแม่พูดคำนี้ และ แม่ก็พูดว่า ไม่ได้พูด แม่โกรธมากที่ไม่ได้พูดแต่บอกว่าพูดแบบนี้

ประมาณ  11.00 ผมจึงโทรไปร้องเรียนที่สำนักงานใหญ่  และได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้วแจ้งผมกลับมาว่า คุณ ฟันธง จะติดต่อผมกลับ ช่วง บ่าย  จน ณ เวลานี้ยังไม่ติดต่อกลับมาเลย

เหตุของเรื่อง เราคิดกันว่าคงมาจาก คุณ ฟันธง คนเดียวคิดเองว่าซื้อรถให้ผมใช้ เลยฟันธงเอง เขียนรายงานแนบเรื่อง โกหกว่าผู้ซื้อพูดอย่างนั้น ปกติจะเห็นเซลส์ช่วยเร่งช่วยดันเรื่องให้ลูกค้า เพิ่งเห็นเซลส์คนนี้แหละครับ ที่ผิดปกติ  

เจอ Marketing  แบบนี้ เซ็งครับ เสียเวลาไป 1 อาทิตย์ เต็มๆ วันจันทร์จะดูอีกครั้งถ้าไม่ได้เรื่องคงบายละครับ  

ขอบคุณครับ