เกิดเรื่องไม่คาดคิดและรุนแรงขึ้นภายในครอบครัวพระเอกนักบู๊ “จา พนม ยีรัมย์” อีกแล้ว เมื่อช่วงเย็นของวันนี้ (27 กันยายน) ขณะที่ “บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์” กับจาไปรับน้องที่โรงเรียน กลับโดน “นายทองดี ยีรัมย์” พ่อของจา และ “โจ ธรัช ศุภโชคไพศาล” น้องเขยของจาดักรอและขับรถชนท้าย ก่อนจะกรูกันเข้ามาล็อกตัวจาพนมจะเอาขึ้นรถ ภรรยาโดดขวางโดนต่อยตบรุมกระทืบ ซึ่งบุ้งกี๋ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า.....
        
         “ขณะไปรับน้องมาเสร็จพี่จาก็ขับรถออกมากำลังจะเลี้ยวซ้ายออกจากซอย ก็เจอรถคันสีแดงชนเรา ทีนี้พอชนตามปกติเราก็ต้องไปเคลียร์ใช่ไหมคะ แต่ทีนี้เราไปเคาะกระจกเขาก็ไม่ลงมาเขาคุยโทรศัพท์อยู่ เราก็บอกว่าคุณรถชนค่ะลงมาหน่อย เขาก็ไม่ลงมา เราก็คิดว่าเป็นผู้ปกครองในโรงเรียน เราก็ได้ยินเขาพูดว่า เฮ้ย..มันลงกันแล้วเตรียมตัวเลยนะเว้ย เตรียมตัวเลย หนูก็งงอยู่ว่าคือเราได้ยินและก็งงทำไมไม่ลงมาเคลียร์”
       
         “ก็เห็นเขาเดินลงมาเงยหน้าดูเป็นโจ เราก็รีบปิดประตูเขากลับไปเพราะคิดว่าต้องโดนทำร้ายแน่เพราะเมื่อกี้ได้ยินว่ามันลงมาแล้วเตรียมตัวเลย ก็ยื้อกันอยู่อย่างนั้น ซักพักพ่อแม่พี่น้องพี่จาลงมาจากไหนไม่รู้ และก็มีผู้ชายอีกสองคนแปลกหน้าเต็มไปหมดเลย เราก็อุ้ยตายแล้วโดนแน่ๆ เลย”
       
         “พี่จาก็ลงมา ซึ่งเรานี่อยู่กับโจ แต่พ่อแม่พี่ชายเขากับผู้ชายสองคนนั้นไปรุมพี่จาละ แต่ผู้ชายสองคนนั้นเหมือนจะอยู่ห่างๆ นะไม่เห็นชัดเจน พ่อกับพี่ชายเขาล็อกพี่จาเอาไว้ ส่วนแม่เขากอดรัดกันเอาไว้ พอรัดกันเอาไว้เสร็จปรากฏว่ามีรถนิสสันมาสสีขาวขับป๊าบมาจอดท้ายรถเบนซ์หนูนิดเดียวเอง เปิดกระจกลงมาปุ๊บเห็นเลยว่าเป็นแววใส่แว่นกันแดด”
       
        “แล้วพ่อเขาก็พยายามจะเปิดประตูรถโจก็วิ่งไปเพื่อพยายามจะเปิดประตูรถผลักพี่จาขึ้นไปให้ได้ พอผลักไปให้ได้พี่จาก็เลยดิ้นสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองหลุด ก็ดิ้นๆ หลุดออกไป พอหลุดปุ๊บหนูก็เลยวิ่งตามไปแล้วก็ไปเปิดประตูรถขึ้นไปคุยกับแวว พอขึ้นไปปุ๊บพี่ชายเขากับแม่เขามาลากตัวหนูลงไป พี่ชายเขาก็ต่อยหนูเลยทั้งตบทั้งจิก แม่เขาก็รัดล็อกเราเพื่อให้เขาทำร้ายเรา”
       
        “แล้วพอเสร็จก็ไปรุมกันยังไงก็ไม่รู้ พอเห็นพ่อกับโจพยายามจะเอาพี่จาขึ้นรถ พี่ชายเขาก็หยุดและหันมาอีกทีพ่อเขานอนลงไปที่พื้นทำเป็นนอนอย่างนี้(หลับตาเอามือประสานที่หน้าอก) บุ้งก็บอกเอ้าๆ ไปแล้วๆ พี่ชายเขาก็วิ่งไป พอเขาก็ลุกขึ้น ล็อกพี่จาอีก 3 คน โจ พ่อ พี่ชายล็อก หนูก็รีบเข้าไปดึงพี่ชายเขาดึงทุกคนออก พ่อเขาก็หันมาสวนเข้าที่หน้า สวนเข้าเบ้าตาชกเข้าเบ้าตาจนตาแดงเลยค่ะ และก็ตั้งการ์ดอยู่ตลอดเวลาเหมือนที่เขาออกทีวี เขาตั้งการ์ดจะสู้กับกูไหม จะสู้กับกูไหม”
       
        “พอหนูล้มลงไป ไม่รู้ว่าเขาเอาส่วนไหนทั้งมือหรือเท้าย้ำมาอีกหัวหนูหงายลงไปเลย พอเราพยายามลุกขึ้นมาก็มีคนพยายามมาถีบเราอีก มันชุลมุนมากแม่เขาก็มาดึงเรา ผู้ชาย 3 คนพยายามล็อกพี่จาต่อยกันจนพี่จาล่วงลงไปในคูน้ำข้างถนน แล้วมีมอเตอร์ไซค์มาจอด เราก็เลยตะโกนพี่ช่วยหนูด้วยผัวหนูโดนทำร้าย ผัวหนูเสื้อดำน่ะ สองคนนั้นก็เลยลงไปช่วย โจมันก็เลยเฉยๆ พี่จาก็บอกผมๆ โดนทำร้ายช่วยผมด้วย”
       
        “พอดึงขึ้นมาหนูก็เห็นเขาล็อกอีกจะเอาขึ้นรถอีก หนูก็เลยขึ้นรถไปหาแววอย่าขับออกๆ ก็ด่ากัน แม่เขาก็มาลากออกและแม่เขาก็มาเรียกโจว่าหนูทำร้ายอยู่ โจมาถึงมาจับหัวหนู หัวหนูตอนแรกมัดจุกนะ ดึงกระชากหัวหนูไปอย่างนี้(ทำท่าโดนดึงหัว) และก็ตบๆ และก็ต่อย และก็ลากหนูครูดไปกับข้างพงหญ้า หนูก็โหนรถไว้ไม่ยอมจนเป็นรอยหมดเลย และแขนข้างนี้ก็เคล็ด”
       
        “มันผิดวิสัยไหม คุณบอกจะมาคุยกับเราดีๆ แต่คุณเอารถมาชนเรา และพอเราไปถึงโรงพักรถคันแดงที่มาชนเราตามไปที่โรงพัก เป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชาย 2 คนขับรถ เด็กสองคนมันลงมาก็เลยบอกว่าสองคนนี้ขับรถคันที่ชนหนูมา ตำรวจก็เลยเรียกให้มาคุยข้างใน เด็กมันก็พูดขึ้นว่า ผมไม่รู้เรื่องพี่โจให้ผมไปส่งที่โรงเรียนแล้วก็รอพี่อยู่ ผมไม่รู้เรื่องนะผมไม่ได้ทำร้ายพี่นะ ผมไปส่งที่โรงเรียนเฉยๆ ก็เลยถามว่ารถน้องหรือเปล่ามันก็พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”
       
        “แล้ววันนี้เราไปรับน้องเนี่ย เรารอน้องอยู่ประมาณ 40 นาทีกว่าน้องจะออกมา และเขาก็รอเราอยู่ที่ตรงนั้น แล้วพอรถชนมันไม่ใช่แล้วมันผิดวิสัยแล้ว คนเราอยากคุยกันดีๆ แต่มาดักรอ และพอรถมาชนก็มารุมเรา เหมือนลักพาตัวไหม ซึ่งคนเป็นพ่อเป็นแม่คุยกันดีๆ ก็ได้”
       
        “วันนี้หนูต้องพูดเพราะว่า หนูโดนทำร้ายโดยพ่อทองดี พี่ทวีศักดิ์ นายธารัส และก็แม่เขา และก็มีผู้ชายสองคนไม่รู้มาจากที่ไหน ซึ่งถ้าถามว่า ถ้าเป็นพี่จาเองพี่จาออกมาพูดก็คงจะดูไม่ดีมันเป็นไปไม่ได้ที่พ่อแม่จะมาทำร้าย”
       
        เล่าเหตุการณ์ต่อ
       “แล้วพ่อยื้อยุดเสร็จหนูก็บอกพี่จาขึ้นรถกลับบ้าน พี่จาก็สลัดทุกอย่างเพื่อที่จะวิ่งขึ้นรถ คือรถนี่ปกติเวลาปลดล็อกปุ่มคนขับมันก็จะคลายทุกประตู โจนี่ผลักน้องสาวหนูที่นั่งอยู่หลังรถให้เข้าไปอยู่ข้างในและตัวเองก็เบียดขึ้นมาบนรถ แล้วหนูกับน้องกรี๊ดตกใจลงไปลงาจากรถฉัน เขาก็ผลักน้องเราเหมือนจะทำร้ายน้องเรา เราก็หันไปต่อสู้เขาก็ไม่ยอมลงจากรถ”
       
        “แล้วมือพ่อพี่จายื่นเข้ามาจากด้านหลังและก็ดึงคอ ดึงจนพี่จาหายใจไม่ออกเกือบตายเพราะมันเป็นเชือก ตอนแรกที่ตีกันเนี่ยสร้อยทองที่คอเป็นพระหลุดแล้วนะ และพ่อเขามาดึงที่เป็นเชือกถักซึ่งมันไม่หลุดแน่ จะกลับไปกับกูไหม จะขึ้นรถไปกับกูไหม หนูบอกปล่อยได้แล้วหายใจไม่ออกแล้วจะตายแล้ว พ่อเขาบอกว่าให้มันตายไปเลยแล้วก็ดึงๆ โจก็ไม่ห้าม พี่ชายก็ไม่ห้าม แม่เขาก็ไม่ห้าม แถมโจยังเลื่อนมือมาข้างหน้าเพื่อมาเปิดประตูรถให้พี่ชายเอาพี่จาลงไปอีก”
       
        “จนหนูบอกว่าพี่จาโจมันจะขึ้นปล่อยมัน พี่จาขับรถออกมันจะลงไม่ลงขับรถออก ประตูก็ยังปิดไม่สนิทชุลมุนโจมันก็ขึ้นรถมาจนถึงบ้านเรา เขาก็พูดว่าพี่จาต้องขึ้นรถไปกับผมกลับบ้านเราเชื่อผม และกดกล้องถ่ายไว้ เราก็บอกว่า พี่จาเชื่อหนูไหม โจมาคนเดียว พี่จาเข้ามาบ้าน เคหะสถานเรา ถ้าโจเข้าบ้านหนูจะแจ้งว่าเขาบุกรุกบ้านหนู พอบอกว่าจะแจ้งความเขารีบพูดเลย ผมไม่ได้มาบุกรุกบ้านใครนะและก็บันทึกภาพตลอด สุดท้ายพี่จาเข้าบ้านหนูก็เข้าบ้าน”
       
        “คุณแม่ขับรถมาจอดเพราะเห็นเขายืนอยู่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร คนของเขาก็ขับรถตามกันมานะคะ ซึ่งก่อนเกิดเหตุน้องที่อยู่ในรถโทรมาหาคุณแม่และคุณแม่ก็โทรแจ้งตำรวจ เป็นจังหวะที่หนูมาตำรวจมาพอดี รถนิสสันที่พ่อแม่เขานั่งมาไม่ได้จอดที่นี่เขาวนไปไหนไม่รู้ มีแต่โจเข้ามาหาเราและอัดวีดีโอไว้ และก็พูดอะไรร้อยแปดพันเก้า แต่โดยวิสัยคำพูดอัดวีดีโอจะทำร้ายเรานะ หนูน่ะกลัวแล้วเพราะตบหนูกระชากหนูลงจากรถ หนูกลัวแล้ว”
       
        ที่ผ่านมาพ่อของจาพนม มีข่าวว่าไมสบายหนัก เรื่องนี้ “บุ้งกี๋” บอกเป็นไปไม่ได้
       “พ่อไม่สบายเป็นไปไม่ได้ แต่หนูไม่รู้ว่าพฤติกรรมที่พ่อลงไปนอนคืออะไร แต่ถ้าพ่อไม่สบายคนแก่ที่ไม่สบายนอนป่วยมากคงไม่สามารถต่อยได้ คงไม่สามารถทั้งมือทั้งเท้า และคงไม่สามารถมีแรงมาดึง ขนาดหนูไม่ป่วยนะคะ หนูดึงมือเขาหยิบออกทีละนิ้วที่ดึงคอพี่จาเนี่ยยังไม่ออกเลย แล้วถามว่าคนป่วยเหรอคะ คุณพ่อป่วยโรคอะไรไม่รู้แต่คุณพ่อมีแรงมาก”
       
        “ตอนนี้แขนข้างนี้ยกไม่ได้(ชี้มาที่แขนข้างซ้าย) ยกขึ้นสูงไม่ได้ ไม่หักแต่มันช้ำมันเจ็บ วันนี้เลยนะคะที่หนูเห็นๆ นี่ หมัด เท้า เข่า ศอก นี่พ่อ พี่ชาย โจ และก็แม่เขาแน่ๆ และเจ้าแววก็คอยเป็นสารถีขับตามขึ้นรถ เหมือนลักพาตัวเลยค่ะเพราะว่าจอดรถเทียบเลยและพยายามจะกดหัวลงไปให้ได้ ทีนี้ผู้ชายมันมีแรงก็ดิ้นของมันเนอะ ก็จับกันไม่อยู่ก็ต่อยกัน ตอนนี้พี่จาไม่อยู่ไปหาหมอและก็ให้คนพาไปแอบ”
       
        “เหตุการณ์แบบนี้ต้องไปแจ้งความเลยค่ะ เพราะหนูไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ แล้วทำไมอยู่ดีๆ หายไปตั้งนานแล้วไม่น่าจะมีปัญหาและก็มาดักชนรถเรา มาตามเราถึงโรงเรียนที่เราไปรับน้อง จริงๆ สถานที่ตรงนั้นคุณไม่น่าไปทำด้วยซ้ำเพราะมันเป็นโรงเรียน คิดว่าตรงแยกนั้นน่าจะมีวงจรปิด”
       
        “คืออย่างนี้ความปลอดภัยมันอยู่ที่ไหน ถ้าลำพังคุณพ่อคุณแม่เราก็อาจจะคุยกันนะคะ วันนั้นที่เขาไปคุยคุณพ่ออยู่ในรถรุมอะไรกันบ้างเราก็ไม่รู้ แต่วันนี้เห็นเองเลยนี่ไง(ชี้ไปที่แขน) ไม่รู้ฝีมือใคร แต่วันนี้ถ้าโจให้สัมภาษณ์หน้าเขาก็คงจะมีรอยเหมือนกันนะคะ เพราะเขาฉลาดมาก เขาพูดเพราะอย่างเดียวปากนี่พูดเพราะแต่มือนี่ทั้งตบทั้งกระชากหนูออกจากรถหนูครูดออกไป”
       
        “พอนั่งรถเรามาก็พูดผมยอมให้คุณด่าเลย คุณให้พ่อคุณมาสู้กับผมเลย พ่อคุณเก่งอยู่แล้วเรื่องพวกนี้ เขามาผลักน้องเราจะมาทำร้ายพี่จาอีก ทั้งมือทั้งไม้มันไปหมดทุกอย่างเหนื่อยมากเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยมากทั้งโดนตบโดนอะไรลากมาอย่างนี้”
       
        น้ำตาคลอ เสียใจเป็นผู้ชายไม่น่าทำร้ายกันขนาดนี้
       “เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกเขาทำร้าย อย่างแรกเลยนะเสียใจเพราะเขาเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เป็นน้องเขาจะไม่รับเราเป็นลูกสะใภ้เราไม่ว่า เขาจะเอาลูกกลับบ้านไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องเงินหรือเรื่องอื่น แต่ที่คุณต้องการมันไม่น่าทำกันขนาดนี้ มันไม่น่าทำกันแบบนี้ เป็นผู้ใหญ่ด้วย เป็นผู้ชายทุกคน แต่คุณทำเราแบบนี้แล้วเราเป็นผู้หญิงคนเดียวถูกคุณรุมแบบนี้ คุณมาทำร้ายเราเป็นผู้หญิงเราสู้แรงเขาไม่ได้อยู่แล้ว”
       
        “อย่างแรกเลยที่เสียใจเพราะ เป็นครอบครัวพ่อแม่พี่น้องนะ ถ้าไม่ชอบกันก็ไม่น่าจะทำแบบนี้ อยากทำอะไรก็ทำ เราเองเคยไปยุ่งกับเขาอยากต่างคนต่างอยู่เพราะยุ่งแล้วกลัวมันจะมีเรื่อง แต่เราแค่แบบความปลอดภัยเราอยู่ที่ไหน”
       
        “ถ้าพรุ่งนี้เราจะไปส่งน้องความปลอดภัยเราอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องรักครอบครัว ผลประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ ทุกคนออกมาแบบนี้มันหมายความว่ายังไง เราไม่รู้คุณต้องการอะไรแต่มันเสียทุกฝ่าย เราเองก็คงจะเสียใจและจำไว้จนตลอดชีวิตว่าเราเจอเหตุการณ์กับครอบครัวแบบนี้ เราเสียใจมากเลยนะ ตกใจทำร้ายกันขนาดนี้เลยเหรอ คุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ทำไมถึงรุมกัน เขาบอกเขาตั้งใจมาคุยกันดีๆ แต่พอขัดขืนเขาทั้งซัดเรารุมเรา เราสองคนกับคนอีก 5 – 6 คนเราไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ตอนนี้คงอาจจะหลบไปซักพักนึงเพราะมันไม่ปลอดภัย ขนาดเราไปโรงเรียนก็ยังมีคนมาตามเรา”
       
        จากนั้นบุ้งกี๋ก็เผยให้เห็นบาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้
       “ก็มีรอยฉุดกระชากได้มาจากไหนบ้างก็ไม่รู้ และหัวก็โนเพราะโดนกระแทกไม่รู้เอาอะไรมากระทืบเรา และข้างนี้ก็เคล็ดยกขึ้นไม่ได้ นิ้วโป้งก็ซ้น และก็มีรอยบาดแผลต่างๆ ของเราบาดแผลไม่เยอะเพราะเขาใช้ตบกับต่อยเราแล้วก็กระชากเราถูไปกับพื้น คือบาดแผลเรามันช้ำในไงคะเพราะเราถูกตบกับถูกต่อย แต่เราเป็นผู้หญิงเราก็ข่วนหน้าเขาก็เป็นบาดแผลมีรอยเล็บแน่เพราะเราข่วนเขานายโจ แต่เราโดนเขาตบแน่ๆ แต่เขาจะพูดว่ายังไงไม่รู้ โดนทั้งตบทั้งต่อยทั้งกระทืบและลากเราไป”

ปล  ตกลงทำไม ครอบครัว จา เขาทำกันขนาดนี้