ฟังความจริงฝั่ง “ครอบครัวจา” ยันไม่ได้ทำร้าย “บุ้งกี๋” ที่ตาห้อเลือดคงโมโหเส้นเลือดแตก ^^"


      หลังจากที่ “บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์” ภรรยา “จาพนม ยีรัมย์” นักแสดงชื่อดังได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองและสามีถูก “นายทองดี ยีรัมย์” พ่อของจา “นางรินทร์ ยีรัมย์” แม่ของจา “ทวีศักดิ์ ยีรัมย์” พี่ชายของจา และ “โจ ธรัช ศุภโชคไพศาล” น้องเขยของจา ขับรถชนท้ายและรุมทำร้ายร่างกายทั้งตบ เตะ ต่อย กระทืบ โดยเฉพาะพ่อของจานั้นถึงกับต่อยเข้าที่เบ้าตาบุ้งกี๋จนตาห้อเลือด เพื่อที่จะลากจาขึ้นรถ
      
       ล่าสุดโจและครอบครัวของจาไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ชาย ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้ลักพาตัวจา และจากำลังจะเดินตามไปขึ้นรถแต่บุ้งกี๋เข้ามาห้ามไม่ให้ไป ยันไม่มีใครทำอะไรจากับบุ้งกี๋ มีแต่บุ้งกี๋ที่เป็นฝ่ายทำร้าย และไปฟ้องจาว่าตนเองถูกทำร้ายทำให้จาสติแตกชกต่อยน้องเขย และผลักพ่อกระเด็น พ่อจาไม่ได้ต่อยบุ้งกี๋แต่คู่กรณีอาจโมโหจนเลือดตาแตก เผยจาเปลี่ยนไปอาจโดนของหรือโดนมอมยา ประกาศเอาเรื่องถึงที่สุดไม่มียอมความ โดยตอนนี้พ่อ แม่ พี่ชาย น้องเขย และน้องสาวของจา ได้เข้าแจ้งความว่าถูกจาและบุ้งกี๋ทำร้ายร่างกาย
      
       ซึ่งโจก็เผยว่า ขณะนี้ตนมีกอาการเลือดออกในสมอง หากไม่หยุดต้องทำการผ่าตัด โดยโจและครอบครัวของจาก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ชนิดเป็นหนังคนละม้วนกับที่บุ้งกี๋เล่า
      
       “ก็ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากโดนทำร้ายตำรวจก็ให้ส่งตัวไปตรวจ ผมโดนทุบหัวค่อนข้างต่อเนื่องเยอะ ผมปวดหัวมากและอาเจียนก็เอ็กซเรย์สมองก็มีเลือดออก หมอก็เลยต้องอยู่โรงพยาบาล(ใส่เครื่องช่วยหายใจด้วยระบบหายใจมีปัญหาไหม) ผมไม่ทราบหมอให้ใส่แต่ผมก็หายใจปกติครับ ตอนนี้ก็เจ็บทั้งตัวขาระบมหมดเลย”
      
       “ถามว่าทะเลาะกันไหมผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่มีใครทำอะไรเขาเลย ไม่มีใครตีเขาเลยเราได้แต่บอกว่าเรามาดี พาพ่อมาเจอกับพี่ แต่ด้วยความที่คนเหล่านั้นเขาคงบันดาลโทสะคุ้มคลั่งเจอเราเขาก็ได้ทุบต่อยเลย ทุบเหมือนเดิมเหมือนเจอที่งานแต่งงานเจอหน้าแล้วเขาทุบเลย ไม่พูดพร่ำทำเพลงด่าแล้วก็ทุบ อันนี้ที่ผมเจอนะทุบไปด่าไปเรายังจับแขนพยายามป้องกันตัวเรา แต่เราก็บอกนี่พี่เป็นผู้ชายนะ เขาก็ท้าทายแน่จริงกล้าไหมทำสิ ด่าไอ้เห-ย ด่าอะไร”
      
       “เรารู้อยู่แล้วว่าเรามาหาเนี่ย เราพาคนแก่มาพาพ่อแม่มาเราไม่ได้กะไปหาเรื่องใครเหมือนที่เขาบอก เราก็ไปกันเองกับพี่น้องก็โดนขนาดนี้ ผมโดนสองต่อ โดนตรงนั้น(หน้ารร.สารสาสน์) มันไม่เท่าไหร่ ผมโดนหลอกไปกระทืบต่อที่บ้าน เพราะตอนที่แยกกันจากการที่ทะเลาะกันตอนแรก คุณพ่อกอดจาไว้ผู้หญิงก็ดึงออกก็ตบก็ตีพ่อ พ่อเขาโดนด่าเยอะโดนตีเยอะทุกคนแจ้งความหมดเพราะโดนผู้หญิงทำร้ายหมด ผมโดนจาต่อยเตะ เขาคงโกรธบันดานโทสะทำไมผมพาพ่อแม่มา”
      
       “เราก็ขึ้นรถไปกับเขา เขาบอกจะไปสน. เราคุยกันบอกไปสน.นะพี่มาดีมีอะไรสน.นะ ไปโรงพักก็ได้แต่ให้คุยกับพ่อแม่ก่อนอย่าพึ่งหนีไปไหน เพราะเมียจาเนี่ยเขาจะพยายามทำยังไงก็ได้พยายามไม่ให้ใครถึงจาเอาตัวจาไปได้ พ่อเขาล้มนอนฟุบอยู่กับพื้น ตัวเขาเองก็นอกจากจะไปไล่ทุบคนแล้วที่ผมต้องไปลากเขาออกที่เขาบอกว่าแขนเขามีรอยน่ะครับ รถภรรยาผมจอดอยู่เขาไม่มายุ่งเขานั่งอยู่ในรถ แต่เขาก็ยังวิ่งขึ้นไปในรถไปตบไปตีเขาอยู่ในรถ ก็ต้องช่วยกันดึงออกมา ดึงธรรมดาก็ไม่ออกต้องกระชากออกมา เขาก็เลยโดนดึงแขน”
      
       “พอเขาโดนดึงแขนเขาก็วิ่งไปร้องโอดครวญกับจาว่าน้องโดนทำร้าย น้องโดนทุบโดนตีพวกนี้มันทำน้อง ไม่มีใครทำเขาซักคนเพราะเราไปไม่ได้จะไปทำอะไร เพราะเรามาจากสุรินทร์เพราะพ่อเขาอยากเจอจาเพราะจาจะไปอเมริกา ผมก็บอกผมจะลองช่วยอีกที จริงๆ เราก็ไม่อยากยุ่งตั้งแต่แรกรู้ทั้งรู้อยู่แต่มันก็ต้องทำ คือมันมีหลายเรื่องที่จะต้องคุย มันไม่ใช่แค่เรื่องเจอไม่เจอ มันมีเรื่องเยอะมาก ตั้งแต่มีปัญหามา 3-4 ปีมันไม่ได้คุยกันมีอะไรที่ยังไม่ได้เคลียร์ คนเรามีการศึกษาเราก็อยากคุยกันแค่นั้นเอง แต่ว่าพอมาก็เจอแบบนี้”
      
       ยันไม่ได้ตบ ไม่ได้กระทืบ
       “ถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ก็ให้นักข่าวดูเขากับดูผม ดูได้เลยเป็นยังไงบ้าง ทั้งหมดทั้งตัวเป็นแผล(เปิดเสื้อให้ดูรอยแผลที่ท้อง)อันนี้โดนถีบ ทั้งตัวครับเขียวฟกช้ำหมด หัวผมก็ระบมเขาทุบเพราะผมได้แต่กัน เขาทำอะไรผมทำได้อย่างมากก็แค่จับแขนเขาไว้แล้วกันหรือไม่ก็ผลักออก ที่ทำก็เท่านั้นเพราะว่าจะให้คนมายืนทุบหัวดื้อๆ มันก็เจอน่ะ มันก็ต้องรีเฟล็กอยู่แล้ว และไอ้ที่ดึงเขาเนี่ยเพราะภรรยานั่งอยู่ในรถเข้าไปตบเขาอ่ะ เขาไม่ได้ยุ่งก็เข้าไปตบเขา โกรธเกลียดอะไรกันนักก็อยากจะรู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ประเด็นคือเขาก็จะพูดเหมือนที่ให้ข่าว พูดเรื่องเงินเรื่องทอง ผมบอกผมไม่เกี่ยวผมไม่ยุ่ง เรื่องพ่อป่วยไม่ป่วยก็ไม่เกี่ยวอีก พ่อเขามีอะไรอยากจะเจอลูกเคลียร์กับลูกก็อยากจะมาคุยดีๆ”
      
       “บุ้งกี๋” ให้ข่าวว่า “จา” ต่อยกับ “โจ” น้องเขยจนตกไปคูน้ำข้างทาง แต่โจบอกเป็นคนโดนจาต่อย
       “จาเขาต่อยผมหลายรอบ พอเมียเขาไปฟ้อง จริงๆ เขาทำท่าจะไปต่อยผมตั้งแต่ก่อนเมียเขาไปฟ้องแล้ว แต่พ่อเขากอดจาไว้อยู่ก็เลยเหมือนยังเอาอยู่ พ่อกอดจาไว้แน่นเลยนะในสภาพตอนนั้น คือถ้าบอกว่าพ่อทำร้ายจา พ่อตัวแค่ไหล่เตี้ยกว่าจา แล้วน้ำหนักจากับแกเทียบกันคนละไซส์เลยนะแกจะเอาจาอยู่ได้ไง”
      
       ส่วนที่ “บุ้งกี๋” บอกว่า พ่อ พี่ชาย และชายอีก 2 คนมากอดรัดจะเอาขึ้นรถ “โจ” อธิบายว่า
       “คนสองคนที่มานี่ไม่เกี่ยว คือรถผมขับคนละคันกับเมีย ผมโทรเรียกลูกน้องมาเอารถให้พี่หน่อยจอดทิ้งที่ถนนตรงโรงเรียน เขาก็ไปเอารถกับผมแค่นั้นเองไม่มีใครมายุ่ง ชาวบ้านเห็นเป็นร้อยนักเรียนเลิกเรียนกัน ผมตะโกนให้คนมาช่วยพวกผมน่ะ ใครกันที่โดนทำร้าย ที่เขาหยุดเพราะมีคนเข้ามาช่วย ตอนแรกมีแต่คนยืนดูนะ จนมอเตอร์ไซค์วินสองคนเข้ามาประคองพ่อเขาถึงหยุด”
      
       “แล้วที่บอกว่าลงคูน้ำนั่นคือรอบหลังๆ ผมโดนเขาเตะต่อยถีบวิ่งหนีรอบรถจนผมล้มไปกับถนนรถเกือบทับผมนะ พอตอนหลังผมพูดกับเขาว่า พี่นี่มาดีนะ พี่คุยกับพ่อหน่อยจะได้สบายใจมีปัญหาอะไรกันขอคุยหน่อย ไม่คุยตรงนี้ไปคุยที่บ้านหรือไปคุยที่โรงพักก็ได้ พาผมไปโรงพักไปสน.เลยจับผมเลยก็ได้ จนตอนหลังทุบผมไปโดนทุบพ่อแล้วพ่อก็ล้มอีก พ่อเขาบอกกับจาว่า ทุบน้องทำไมทุบพ่อก็ได้ ผมบอกไม่ต้อง ถ้าอยากทุบมาทุบแต่ขอให้คุยกันขอให้หยุดให้พอ ก็ยังไม่หยุดไงไม่พอ เพราะตอนหลังผู้หญิงเขาไปพูดให้จาโกรธว่าทำเขาทุกคนมาตีเขาทั้งที่ไม่มีใครทำ แต่ผมก็ตะโกนใส่หน้าจานะจนจาหยุดตอนแรกจะวิ่งมาซัดใส่ผมรอบหลัง ผมต้องไปดึงเขาออกเพราะเขาวิ่งไปทำแววต้องไปดึงออกถ้าไม่ดึงออกหน้าคงจะเละ เพราะเขาตัวใหญ่กว่าพวกเรานะดึงธรรมดาดึงไม่ออกนะ”
      
สรุปสาเหตุการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นเพราะ “บุ้งกี๋” ที่เริ่มขึ้นก่อน
       “เกิดจากบุ้งกี๋เลยเห็นผมก็จัดการเลยเหมือนเดิม เอาประตูกระแทกผมฟาดหน้าใส่ผมและก็ทุบผมด้วยมือถือ ผมไม่ไหวจนผมต้องลงจากรถ ผมพูดจริงๆ เลยเราจะไปหาจาก็หาทางอยู่ไม่กล้าเข้าไปบ้าน เพราะเข้าไปแล้วโดนด่า กลัวว่าจะไม่อยู่ กลัวว่าจะบุกรุกเพราะเขาเคยขู่มาก่อนหน้านี้แล้ว และก็กลัวโดนด่า เพราะเคยโดนด่ามาแล้วด่าหนักๆ ด่าถึงโคตรพ่อโคตรแม่รุมด่า ทั้งบ้านเขาด่าที่บ้านเราเนี่ย ครั้งนั้นผมไม่ได้ไปด้วยแต่เมียผมไป นอกจากนั้นแล้วก็ยังโดนตบมาก่อนหน้านี้ด้วย เจอตลอดก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดก็เลยไม่อยากเจอสภาพนั้น(ก็เลยสะกดรอยตาม) ก็เลยให้ผมไปดูว่าอยู่ไหม ผมก็พึ่งมาจากสุรินทร์เมื่อคืนก็ไปอยู่โรงแรม และก็ไปดูที่บ้านก็เห็นจากับบุ้งกี๋จริงๆ”
      
       “ผมเห็นจากับบุ้งกี๋อยู่ที่บ้านพอดีกำลังไปดูอุบัติเหตุกัน ผมก็ดีใจโทรบอกเห็นจาแล้วนะจาอยู่ที่บ้านจะเอายังไงจะเข้ามาเลยไหม ระหว่างที่โทรตามยังไม่มา ผมก็ขับวนไม่กล้าจอดกลัวเขาหาว่าจะมาทำอะไร อันนี้เป็นเหตุการณ์ก่อนจะไปโรงเรียน พอเราวนมาอีกรอบหนึ่งก็เห็นรถจากำลังออกเราก็เลยขับตามและก็โทรไปบอกว่า ขับตามมานะมาตรงๆ นี้ ตอนแรกก็คลาดกัน แต่เราก็รู้ว่ามีหลานคนหนึ่งเรียนก็เลยไปจอดดักรอตรงถนนก็เลยจาเราก็ขับตามๆ จังหวะตามมันเบรกกะทันหันก็ไปโดนเขา”
      
       “พูดจริงๆ เลยนะทีแรกไม่รู้ว่าเป็นจาหรือเปล่าแต่คิดว่าเป็นจาเพราะรู้ว่ารถจา แต่แจ็คพ็อตพอดีเลยโดนท้ายรถเขา เขาก็เลยลงมาจะมาเคลียร์กันก็โวยวายเรา(เราวางแผนชนและลักพาตัวหรือเปล่า) ถ้าลักพาก็คงต้องใช้คนหลายคน นี่มาแต่คนแก่ ก็มาหลายคนจริงนะแต่ 68 แม่ 60 กว่า พี่ชายมาแต่ก็ต้องประคองพ่อนะ เมียผมก็ไม่ได้ลงจากรถ ผู้ชายสองคนที่เขาว่ายังไม่มานะครับ เขาเอารถไปให้ที่โรงพัก เขาเป็นลูกน้องเด็กที่รัดจุกเป็นทอมเป็นผู้หญิงนะน่ะ เขาไม่ได้อยู่ตอนเกิดเหตุการณ์เขายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขารู้คงไม่ใช่แบบนี้หรอก”
      
       “ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าเรามาหาเรื่องคนนะเราพูดตรงๆ เราจะต้องหอบสังขารมาจากสุรินทร์มาถึงตี 5 เชคอินโรงแรมนอน 13 เหรียญเผื่อจะมานอนแถวๆ จาเพื่อมาหาลูกเขา เราเป็นผู้ชายเราไม่ทำร้ายเขานะ เรายังพูดต่อหน้าเขานะว่า พี่เป็นผู้ชายนะอย่าให้พี่ทำนะ เขาตบผมไม่หยุดเลยนะระหว่างที่พูดเนี่ย เขาก็ด่า ไอ้เห-ยแน่ก็ทำดิกูไม่กลัวหรอก เขาไม่หยุด”
    
         “คือใครพูดอะไรก็พูดได้เอาความจริงมาพูด แล้วผมยอมให้เขาตีเนี่ยเพราะผมเป็นผู้ชายผมไม่ทำผู้หญิง เจตนาของพวกเรานะ เราพูดตรงๆ นะ เราคิดว่าจามีปัญหาโดนอะไรหรือเปล่า ทำไมเป็นอย่างนี้ เพราะเมื่อก่อนจาไม่เป็นแบบนี้(หมายถึงไสยศาสตร์) ทั้งไสยศาสตร์ทั้งยาทั้งอะไรเนี่ย เหมือนกับไม่ใช่ตัวเขาโดนครอบงำ แล้วคุณก็เห็นอยู่เคยมีใครได้คุยกับจาจริงๆ ไหม เรื่องปัญหาเขาเคยได้พูดไหม เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ สั่งให้พูดก็พูด สั่งให้ต่อยผมก็ต่อยผม แล้วผมกับจาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจาจะต่อยเตะถีบเป็นชุดเลย ไม่คิดไม่ฝันเพราะเราเคยทำงานมาด้วยกันอยู่กันรักกัน”
      
       “ที่มานี่ตั้งใจดีพ่อก็ยังบอกแล้วอย่างนี้พ่อเขาเป็นห่วงเรา ไม่งั้นผมก็ไม่เชื่อผมไม่รู้ เพราะเรื่องไสยศาสตร์ผมก็ไม่ได้จะเชื่ออะไร เพราะทุกอย่างมันพิสูจน์ไม่ได้อย่าไปเชื่อ แต่เห็นแล้วคุ้มคลั่งจริงๆ ไม่ปกติ”.......

       โคตรยาว  

ที่มา http://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122439
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่