เมื่อวานเพิ่งไปสมัครมาครับ ที่เลือกที่นี่เพราะเดินทางสะดวกครับ จะได้ไม่มีข้ออ้างว่าทำไมถึงไม่ยอมมาเล่น
ก่อนสมัครก็อ่านทั้งรีวิวในช่วงที่เปิดคลับใหม่ๆ กับ ข้อมูลบางอย่างที่บางท่านอาจจะยังติดภาพด้านลบของ
แคลิฟอร์เนียฟิตเนสอยู่ แต่เนื่องจากที่นี่สะดวกที่สุด เลยลองเข้าไปดู ถ้าไม่เลวร้ายเกินไปก็ตั้งใจจะสมัครครับ
ขออภัยด้วยนะครับที่ไม่มีรูปประกอบ อ่านตัวหนังสือแล้วจินตนาการตามไปละกันนะครับ
เริ่มเลยละกันนะครับ
ทางเข้าคลับจะอยู่ที่ชั้นสองของเมเจอร์ รัชโยธิน ก็ตรงแคลิฯเก่านั่นละครับ ตัวคลับจะมีสามชั้นครับ คือ ชั้น 2-4
โดยทางเข้าออกจะใช้ที่ชั้นสองนี้เท่านั้นครับ ไปถึงก็แจ้งพนักงานต้อนรับว่าจะมาขอเข้าชมคลับ ทางพนักงานก็จะ
ไปเรียกเซลส์มาให้พาเราชม เมื่อวานเซลส์ที่มาต้อนรับผมชื่อ น้องทีม ครับ (โดยส่วนตัวแอบเชียร์น้องคนนี้ เดี๋ยว
อ่านๆไปก็จะทราบครับว่าเพราะอะไร)
เซลส์พาเดินเข้าไปครับ โดยตรงทางเข้าจะมีประตูอัตโนมัติไว้สำหรับแตะบัตรสมาชิกแล้วใช้ผ่านเข้าออก
(คล้ายๆตรงที่แตะบัตรเข้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสครับ) แต่ตอนนี้ยังติดตั้งระบบไม่เสร็จครับ เลยเดินผ่านไปเฉยๆ
ตั้งแต่ทางเดินเข้าไป บรรยากาศโดยรวมเป็นสีส้มหมดเลยครับ ดูร้อนแรง ทำให้เกิดความคึกคักครับ
พอเดินตามทางเดินเข้าไปก็จะเจอกับบริเวณโถงต้อนรับ ซึ่งมีโซฟาหลายตัวเลยครับ ตรงจุดนี้คือ จุดที่เซลส์
เอาไว้นั่งคุยกับลูกค้าครับ แต่เรายังไม่นั่งคุยกัน ต้องเดินชมก่อนครับ ตรงใกล้ๆโถงต้อนรับ จะมีจุดที่ให้แลกบัตร
สมาชิกกับกุญแจล็อกเกอร์ครับ กุญแจล็อกเกอร์ที่นี่จะมีความพิเศษ คือ เป็น สายยางใส่ข้อมือที่มีแม่เหล็ก
ลักษณะคล้ายๆนาฬิกาข้อมือครับ โดยจะระบุหมายเลขล็อกเกอร์ของเราไว้เลยครับ (เดี๋ยวจะเล่าวิธีการใช้
ตอนที่เข้าชมห้องล็อกเกอร์นะครับ) และเนื่องจากที่นี่สมาชิกต้องนำผ้าเช็ดตัวมาเอง หากใครลืมหรือขี้เกียจ
พกมาเอง ก็สามารถใช้บริการผ้าเช็ดตัวของทางคลับได้ครับ โดยสมาชิกจ่ายครั้งละ 20 บาท ผมว่าราคานี้
ไม่แพงเกินไปเลยครับ เพราะมีผ้าให้สองผืน เป็นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ กับ ผืนเล็กไว้เช็ดเหงื่อระหว่างเล่นครับ
โดยผ้าจะถูกซีลอยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี ดูสะอาดน่าใช้มากครับ อ่อ ห้องล็อกเกอร์ผู้หญิงอยู่ชั้นนี้นะครับ
ที่ชั้นสองนี้จะมีอุปกรณ์ประเภทลู่วิ่ง ที่เดินไต่เขา จักรยาน วางไว้ด้วยครับ แต่จะมีไม่เยอะครับ เพราะอุปกรณ์
ที่อยู่ชั้นนี้ เป็นแบบล่าสุด มีจอขนาดใหญ่ สามารถเล่นเน็ตได้จากหน้าจอเลย เพราะทุกเครื่องต่อไวไฟอยู่ครับ
และสามารถเลือกชมทีวีโดยตรงจากจอได้ด้วย ช่องก็มีอยู่ไม่ถึง 10 ช่องนะครับ เช่น CNN, MTV, TrueMusic,
Sport เป็นต้น โดยถ้านำหูฟังมาก็มีรูแจ็คให้เสียบเพื่อฟังเสียงได้ครับ
การเดินขึ้นลงระหว่างชั้น ต้องใช้บันไดหนีไฟเอาครับ เดินขึ้นลงบ่อยๆก็ถือเป็นการออกกำลังไปในตัว (ฮาาา)
ห้องล็อกเกอร์ผู้ชายอยู่ที่ชั้นสามครับ ห้องล็อกเกอร์ใหญ่มากครับ ผมลืมดูไปว่ามีกี่ตู้ แต่น่าจะร่วมๆ 300 ตู้ได้ครับ
ตู้มีขนาดใหญ่และลึกมาก จุของได้เยอะจริงๆครับ อันนี้ถูกใจมาก ภายในมีช่องซอยสำหรับวางรองเท้าให้ด้วย
มีไม้แขวนเสื้อให้พร้อมสรรพครับ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้สายยางที่ได้รับมา นำตรงที่เป้น
หมายเลขไปแตะตรงหมายเลขตู้ ก็จะมีเสียงติ๊ดๆ แสดงว่าล็อกแล้ว เพื่อความชัวร์ก็ลองดึงๆดูอีกทีด้วยก็ดีครับ
ตอนแตะต้องแตะให้แนบๆถึงจะล็อกได้ครับ เดินเข้าไปด้านซ้ายมือก็จะเป็นเคาน์เตอร์ที่เป่าผมครับ เท่าที่ดูมี
ไดร์เป่าผมเป็นสิบตัวเลยครับ แล้วก็มีพวกคอตตอนบัด, ครีมทาผิว ตามมาตรฐานครับ เดินเข้าไปอีกก็จะเป็นส่วน
ห้องน้ำและห้องอาบน้ำครับ ห้องอาบน้ำก็มีแชมพูกับครีมอาบน้ำให้ตามมาตรฐานครับ ขอติเรื่องประตูห้องอาบน้ำ
หน่อยครับ คือ ประตูเป็นสีขาวทึบซึ่งมิดชิดดีแล้ว แต่ตรงขอบประตูทั้งสองด้านซ้ายขวา มันมีช่องว่างขนาดน่าจะ
1-2 ซม. ซึ่งคนข้างนอก ถ้าเดินผ่านมาและตั้งใจหยุดดู ก็จะสามารถมองลอดช่องนี้เข้ามาเห็นคนที่กำลังอาบน้ำ
ได้นะครับ เกรงว่า ในอนาคตจะเกิดกรณีมีคนถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำอยู่หรือเปล่าน่ะสิครับ
ที่ชั้นสามก็จะมีเครื่องลู่วิ่ง ที่ไต่เขา จักรยาน ไว้เหมือนกัน ชั้นนี้จะเป็นโซนฟรีเวทครับ อุปกรณ์ก็อย่างที่ทราบๆกัน
ว่าเป็นเครื่องของทางแคลิฯเก่านำมาทาสีส้มใหม่ เซลส์บอกว่า กำลังสั่งของใหม่มาอยู่ อีกสองเดือนจะเปลี่ยนเป็น
ของใหม่ทั้งหมดครับ ชั้นนี้มีห้อง spinning และ Group X ด้วยครับ หน้าห้องจะมีจอทีวีขนาดใหญ่แสดงตาราง
คลาสให้ดูครับ เนื่องจากผมไม่ค่อยสนใจสองอันนี้เท่าไร ขอข้ามไปนะครับ
จากนั้นก็เดินขึ้นไปดูที่ชั้นสี่ ชั้นนี้ก็พวกลู่วิ่ง ไต่เขา จักรยาน อีกเหมือนกัน และมีพวกแมชชีนออกกำลังกายต่างๆ
อุปกรณ์ชั้นนี้เป็นสีขาวเดิมๆเลยครับ ไม่ได้ทาสีส้มเหมือนที่ชั้นสาม ชั้นนี้มีห้องโยคะ แล้วก็ โยคะแบบห้อยหัวโดยใช้ผ้า
(ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร ลืมถามมาครับ) แล้วก็มีมุมเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำผลไม้ปั่น ตรงนี้ต้องจ่ายเอง
ต่างหากด้วยเงินสดนะครับ มีโซฟาให้นั่งทานได้ครับ แต่ถ้าใครจะดื่มน้ำเปล่า ก็มีจุดบริการฟรีให้ที่ชั้นสามกับชั้นสี่นีด้วยครับ
พอเดินชมเสร็จก็ลงมานั่งคุยกันที่ส่วนต้อนรับที่ชั้นสองครับ โดยเซลส์ก็แนะนำค่าบริการให้ โดยราคาจะมีทั้งแบบที่
เล่นและไม่เล่นโยคะครับ ถ้าแบบเล่นโยคะด้วยก็จะแพงกว่าครับ พอเลือกได้ว่าจะเอาแบบเล่นหรือไม่เล่นโยคะ
ก็จะมาเลือกว่าจะเล่นที่รัชโยธินที่เดียว หรือ จะให้ไปเล่นสาขาอื่น (ที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้) ได้ด้วย ถ้าเลือกแบบเล่นที่เดียว
ราคาก็จะถูกลงมาครับ ผมเลือกแบบไม่เอาโยคะและเล่นที่รัชโยธินที่เดียว ก็จะมีให้เลือกอีกว่า จะเล่นเป็นแบบรายเดือน
หรือรายปี แบบรายเดือนจ่ายล่วงหน้าสองเดือน คือ เดือนแรก กับ เดือนสุดท้าย ถ้าเราเล่นๆไปแล้วอยากเลิก ก็บอกล่วงหน้า
หนึ่งเดือน ค่าบริการก็คือที่เราจ่ายล่วงหน้าไปตอนแรกครับ อันนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเล่นได้นาน
แค่ไหน แค่อยากมาลองๆดูก่อน ประมาณนั้นครับ ส่วนสมาชิกแบบรายปี ก็สามารถเลือกที่จะจ่ายทีเดียวทั้งก้อน
หรือทยอยจ่ายทีละเดือน ก็ได้ครับ ผมเลือกจ่ายแบบรายปีทีเดียวเลย ได้ราคามาที่ปีละ 15,000 บาท ครับ ถือว่าถูกมาก
เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอีกสองเจ้าครับ แต่ๆๆๆๆ ไม่ว่าจะสมาชิกประเภทไหนก็ตาม ต้องจ่ายค่าดำเนินการและค่าแรกเข้า
รวมกันอีก 2,000 บาทด้วยครับ ดังนั้น เบ็ดเสร็จ คือ เมื่อวานผมจ่ายไป 17,000 บาท สำหรับค่าบริการหนึ่งปีครับ
จุดที่ผมบอกว่า ประทับใจน้องเซลส์คนนี้ก็คือ น้องสุภาพมากและไม่พยายามยัดเยียดให้เราจ่ายเยอะๆครับ พยายาม
ถามความต้องการของลูกค้าและจึงค่อยนำเสนอสิ่งที่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการครับ ค่าบริการสามารถจ่ายและ
ทยอยจ่ายรายเดือนผ่านบัตรเครดิตได้ครับ ถ้าจะสมัครแบบรายปีแต่ทยอยจ่ายทีละเดือน ก็จะจ่ายเดือนละ 1,500 บาทครับ
แต่ถ้าเป็นแบบรายเดือน ก็จะเดือนละ 1,800 บาทครับ ทั้งนี้ ถ้ามีบัตรสมาชิกฟิตเนสที่อื่นมาแสดง ก็จะได้ลดราคา
ลงอีกเดือนละ 100 บาทครับ ของผมที่ราคาปีละ 15,000 บาทนี้ คือ ได้รับส่วนลดจากการแสดงบัตรที่อื่นแล้วนะครับ
เมื่อเล่นๆไปแล้ว ถ้าเกิดอยากหยุดชั่วคราวก็สามารถทำได้ครับ โดยเสียค่ารักษาสมาชิกภาพเดือนละ 300 บาท โดยสามารถ
หยุดต่อเนื่องได้สูงสุด 12 เดือนครับ
พอเลือกประเภทสมาชิกเสร็จ ก็จะมีให้เราลองไปวัดไขมัน ชั่งน้ำหนัก ครับ ซึ่งผมทราบดีอยู่แล้วว่า นี่คือ จุดเริ่มต้น
ที่จะเข้าสู่กระบวนการขาย PT ครับ บังเอิญว่า ผมตั้งใจจะจ้าง PT อยู่แล้ว ก็เลยไม่อิดออดที่จะเข้าสู่กระบวนการนี้ครับ
แต่สำหรับท่านที่ตั้งใจว่าไม่ซื้อPTแน่ๆ ผมว่าตรงนี้น่าจะปฏิเสธและบอกไปตรงๆได้ครับ โดยถ้าเราตกลงที่จะให้
ทางคลับวัดไขมันในร่างกาย ก็จะมี PT อีกคนหนึ่งมาบริการให้ครับ โดยทางน้องเซลส์บอกว่า PT ที่นี่ทุกคนสอบผ่าน
ใบประกาศระดับแพลตินัม (ถ้าใครเคยซื้อPT ที่ฟิตเนสเฟิร์สจะทราบดีว่า PT มีหลายระดับตามระดับความรู้ที่สอบมาได้
ยิ่งPTระดับสูง ค่าจ้างก็แพงตามไปด้วยครับ) และคิดราคาเดียวกันหมดครับ
จากที่ทดลองมาเล่นเองสองวัน ในช่วงค่ำที่คิดว่าเป็นช่วงพีคสูงสุดของวัน สมาชิกก็ไม่แน่นอะไรเลยครับ อย่างเช่น
อุปกรณ์ที่ชั้นสองที่เป็นตัวที่ไฮเทค ใหม่ล่าสุด เล่นเน็ต ดูทีวี ได้ ก็ไม่เต็มนะครับ อาจจะเป็นเพราะสมาชิกยังมีแค่
พันกว่าคนด้วยครับ เซลส์บอกว่า ที่นี่จะจำกัดจำนวนสมาชิกว่าจะรับแค่ประมาณ 3,939 คน ถ้าเต็มแล้วก็จะไม่รับเพิ่ม
แล้วครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ รีวิวอาจจะแห้งๆไปหน่อยนะครับ เพราะไม่มีรูปประกอบเลย อาจจะดูเหมือนผมเขียนเชียร์ไปหน่อยๆ
แต่นี่คือ ประสบการณ์ที่ผมได้รับเองจริงๆครับ ก็ไม่แน่ว่า ต่างกรรมต่างวาระ ท่านอื่นๆอาจจะได้รับการบริการไม่เหมือนกันก็ได้
อ่อ มีข้อสังเกตอีกว่า พนักงานที่นี่ถูกอบรมมาดีมากครับ เจอลูกค้านี่ยกมือไหว้กันแทบทุกคนเลย ไม่ว่าจะเซลส์หรือ PT
ท่านอื่นๆจะลองมาแชร์ประสบการณ์ด้วยก็ยินดีครับ
[CR] รีวิว WE Fitness Society แง่มุมด้านบวกที่ปราศจากอคติ
ก่อนสมัครก็อ่านทั้งรีวิวในช่วงที่เปิดคลับใหม่ๆ กับ ข้อมูลบางอย่างที่บางท่านอาจจะยังติดภาพด้านลบของ
แคลิฟอร์เนียฟิตเนสอยู่ แต่เนื่องจากที่นี่สะดวกที่สุด เลยลองเข้าไปดู ถ้าไม่เลวร้ายเกินไปก็ตั้งใจจะสมัครครับ
ขออภัยด้วยนะครับที่ไม่มีรูปประกอบ อ่านตัวหนังสือแล้วจินตนาการตามไปละกันนะครับ
เริ่มเลยละกันนะครับ
ทางเข้าคลับจะอยู่ที่ชั้นสองของเมเจอร์ รัชโยธิน ก็ตรงแคลิฯเก่านั่นละครับ ตัวคลับจะมีสามชั้นครับ คือ ชั้น 2-4
โดยทางเข้าออกจะใช้ที่ชั้นสองนี้เท่านั้นครับ ไปถึงก็แจ้งพนักงานต้อนรับว่าจะมาขอเข้าชมคลับ ทางพนักงานก็จะ
ไปเรียกเซลส์มาให้พาเราชม เมื่อวานเซลส์ที่มาต้อนรับผมชื่อ น้องทีม ครับ (โดยส่วนตัวแอบเชียร์น้องคนนี้ เดี๋ยว
อ่านๆไปก็จะทราบครับว่าเพราะอะไร)
เซลส์พาเดินเข้าไปครับ โดยตรงทางเข้าจะมีประตูอัตโนมัติไว้สำหรับแตะบัตรสมาชิกแล้วใช้ผ่านเข้าออก
(คล้ายๆตรงที่แตะบัตรเข้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสครับ) แต่ตอนนี้ยังติดตั้งระบบไม่เสร็จครับ เลยเดินผ่านไปเฉยๆ
ตั้งแต่ทางเดินเข้าไป บรรยากาศโดยรวมเป็นสีส้มหมดเลยครับ ดูร้อนแรง ทำให้เกิดความคึกคักครับ
พอเดินตามทางเดินเข้าไปก็จะเจอกับบริเวณโถงต้อนรับ ซึ่งมีโซฟาหลายตัวเลยครับ ตรงจุดนี้คือ จุดที่เซลส์
เอาไว้นั่งคุยกับลูกค้าครับ แต่เรายังไม่นั่งคุยกัน ต้องเดินชมก่อนครับ ตรงใกล้ๆโถงต้อนรับ จะมีจุดที่ให้แลกบัตร
สมาชิกกับกุญแจล็อกเกอร์ครับ กุญแจล็อกเกอร์ที่นี่จะมีความพิเศษ คือ เป็น สายยางใส่ข้อมือที่มีแม่เหล็ก
ลักษณะคล้ายๆนาฬิกาข้อมือครับ โดยจะระบุหมายเลขล็อกเกอร์ของเราไว้เลยครับ (เดี๋ยวจะเล่าวิธีการใช้
ตอนที่เข้าชมห้องล็อกเกอร์นะครับ) และเนื่องจากที่นี่สมาชิกต้องนำผ้าเช็ดตัวมาเอง หากใครลืมหรือขี้เกียจ
พกมาเอง ก็สามารถใช้บริการผ้าเช็ดตัวของทางคลับได้ครับ โดยสมาชิกจ่ายครั้งละ 20 บาท ผมว่าราคานี้
ไม่แพงเกินไปเลยครับ เพราะมีผ้าให้สองผืน เป็นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ กับ ผืนเล็กไว้เช็ดเหงื่อระหว่างเล่นครับ
โดยผ้าจะถูกซีลอยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี ดูสะอาดน่าใช้มากครับ อ่อ ห้องล็อกเกอร์ผู้หญิงอยู่ชั้นนี้นะครับ
ที่ชั้นสองนี้จะมีอุปกรณ์ประเภทลู่วิ่ง ที่เดินไต่เขา จักรยาน วางไว้ด้วยครับ แต่จะมีไม่เยอะครับ เพราะอุปกรณ์
ที่อยู่ชั้นนี้ เป็นแบบล่าสุด มีจอขนาดใหญ่ สามารถเล่นเน็ตได้จากหน้าจอเลย เพราะทุกเครื่องต่อไวไฟอยู่ครับ
และสามารถเลือกชมทีวีโดยตรงจากจอได้ด้วย ช่องก็มีอยู่ไม่ถึง 10 ช่องนะครับ เช่น CNN, MTV, TrueMusic,
Sport เป็นต้น โดยถ้านำหูฟังมาก็มีรูแจ็คให้เสียบเพื่อฟังเสียงได้ครับ
การเดินขึ้นลงระหว่างชั้น ต้องใช้บันไดหนีไฟเอาครับ เดินขึ้นลงบ่อยๆก็ถือเป็นการออกกำลังไปในตัว (ฮาาา)
ห้องล็อกเกอร์ผู้ชายอยู่ที่ชั้นสามครับ ห้องล็อกเกอร์ใหญ่มากครับ ผมลืมดูไปว่ามีกี่ตู้ แต่น่าจะร่วมๆ 300 ตู้ได้ครับ
ตู้มีขนาดใหญ่และลึกมาก จุของได้เยอะจริงๆครับ อันนี้ถูกใจมาก ภายในมีช่องซอยสำหรับวางรองเท้าให้ด้วย
มีไม้แขวนเสื้อให้พร้อมสรรพครับ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้สายยางที่ได้รับมา นำตรงที่เป้น
หมายเลขไปแตะตรงหมายเลขตู้ ก็จะมีเสียงติ๊ดๆ แสดงว่าล็อกแล้ว เพื่อความชัวร์ก็ลองดึงๆดูอีกทีด้วยก็ดีครับ
ตอนแตะต้องแตะให้แนบๆถึงจะล็อกได้ครับ เดินเข้าไปด้านซ้ายมือก็จะเป็นเคาน์เตอร์ที่เป่าผมครับ เท่าที่ดูมี
ไดร์เป่าผมเป็นสิบตัวเลยครับ แล้วก็มีพวกคอตตอนบัด, ครีมทาผิว ตามมาตรฐานครับ เดินเข้าไปอีกก็จะเป็นส่วน
ห้องน้ำและห้องอาบน้ำครับ ห้องอาบน้ำก็มีแชมพูกับครีมอาบน้ำให้ตามมาตรฐานครับ ขอติเรื่องประตูห้องอาบน้ำ
หน่อยครับ คือ ประตูเป็นสีขาวทึบซึ่งมิดชิดดีแล้ว แต่ตรงขอบประตูทั้งสองด้านซ้ายขวา มันมีช่องว่างขนาดน่าจะ
1-2 ซม. ซึ่งคนข้างนอก ถ้าเดินผ่านมาและตั้งใจหยุดดู ก็จะสามารถมองลอดช่องนี้เข้ามาเห็นคนที่กำลังอาบน้ำ
ได้นะครับ เกรงว่า ในอนาคตจะเกิดกรณีมีคนถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำอยู่หรือเปล่าน่ะสิครับ
ที่ชั้นสามก็จะมีเครื่องลู่วิ่ง ที่ไต่เขา จักรยาน ไว้เหมือนกัน ชั้นนี้จะเป็นโซนฟรีเวทครับ อุปกรณ์ก็อย่างที่ทราบๆกัน
ว่าเป็นเครื่องของทางแคลิฯเก่านำมาทาสีส้มใหม่ เซลส์บอกว่า กำลังสั่งของใหม่มาอยู่ อีกสองเดือนจะเปลี่ยนเป็น
ของใหม่ทั้งหมดครับ ชั้นนี้มีห้อง spinning และ Group X ด้วยครับ หน้าห้องจะมีจอทีวีขนาดใหญ่แสดงตาราง
คลาสให้ดูครับ เนื่องจากผมไม่ค่อยสนใจสองอันนี้เท่าไร ขอข้ามไปนะครับ
จากนั้นก็เดินขึ้นไปดูที่ชั้นสี่ ชั้นนี้ก็พวกลู่วิ่ง ไต่เขา จักรยาน อีกเหมือนกัน และมีพวกแมชชีนออกกำลังกายต่างๆ
อุปกรณ์ชั้นนี้เป็นสีขาวเดิมๆเลยครับ ไม่ได้ทาสีส้มเหมือนที่ชั้นสาม ชั้นนี้มีห้องโยคะ แล้วก็ โยคะแบบห้อยหัวโดยใช้ผ้า
(ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร ลืมถามมาครับ) แล้วก็มีมุมเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำผลไม้ปั่น ตรงนี้ต้องจ่ายเอง
ต่างหากด้วยเงินสดนะครับ มีโซฟาให้นั่งทานได้ครับ แต่ถ้าใครจะดื่มน้ำเปล่า ก็มีจุดบริการฟรีให้ที่ชั้นสามกับชั้นสี่นีด้วยครับ
พอเดินชมเสร็จก็ลงมานั่งคุยกันที่ส่วนต้อนรับที่ชั้นสองครับ โดยเซลส์ก็แนะนำค่าบริการให้ โดยราคาจะมีทั้งแบบที่
เล่นและไม่เล่นโยคะครับ ถ้าแบบเล่นโยคะด้วยก็จะแพงกว่าครับ พอเลือกได้ว่าจะเอาแบบเล่นหรือไม่เล่นโยคะ
ก็จะมาเลือกว่าจะเล่นที่รัชโยธินที่เดียว หรือ จะให้ไปเล่นสาขาอื่น (ที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้) ได้ด้วย ถ้าเลือกแบบเล่นที่เดียว
ราคาก็จะถูกลงมาครับ ผมเลือกแบบไม่เอาโยคะและเล่นที่รัชโยธินที่เดียว ก็จะมีให้เลือกอีกว่า จะเล่นเป็นแบบรายเดือน
หรือรายปี แบบรายเดือนจ่ายล่วงหน้าสองเดือน คือ เดือนแรก กับ เดือนสุดท้าย ถ้าเราเล่นๆไปแล้วอยากเลิก ก็บอกล่วงหน้า
หนึ่งเดือน ค่าบริการก็คือที่เราจ่ายล่วงหน้าไปตอนแรกครับ อันนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเล่นได้นาน
แค่ไหน แค่อยากมาลองๆดูก่อน ประมาณนั้นครับ ส่วนสมาชิกแบบรายปี ก็สามารถเลือกที่จะจ่ายทีเดียวทั้งก้อน
หรือทยอยจ่ายทีละเดือน ก็ได้ครับ ผมเลือกจ่ายแบบรายปีทีเดียวเลย ได้ราคามาที่ปีละ 15,000 บาท ครับ ถือว่าถูกมาก
เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอีกสองเจ้าครับ แต่ๆๆๆๆ ไม่ว่าจะสมาชิกประเภทไหนก็ตาม ต้องจ่ายค่าดำเนินการและค่าแรกเข้า
รวมกันอีก 2,000 บาทด้วยครับ ดังนั้น เบ็ดเสร็จ คือ เมื่อวานผมจ่ายไป 17,000 บาท สำหรับค่าบริการหนึ่งปีครับ
จุดที่ผมบอกว่า ประทับใจน้องเซลส์คนนี้ก็คือ น้องสุภาพมากและไม่พยายามยัดเยียดให้เราจ่ายเยอะๆครับ พยายาม
ถามความต้องการของลูกค้าและจึงค่อยนำเสนอสิ่งที่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการครับ ค่าบริการสามารถจ่ายและ
ทยอยจ่ายรายเดือนผ่านบัตรเครดิตได้ครับ ถ้าจะสมัครแบบรายปีแต่ทยอยจ่ายทีละเดือน ก็จะจ่ายเดือนละ 1,500 บาทครับ
แต่ถ้าเป็นแบบรายเดือน ก็จะเดือนละ 1,800 บาทครับ ทั้งนี้ ถ้ามีบัตรสมาชิกฟิตเนสที่อื่นมาแสดง ก็จะได้ลดราคา
ลงอีกเดือนละ 100 บาทครับ ของผมที่ราคาปีละ 15,000 บาทนี้ คือ ได้รับส่วนลดจากการแสดงบัตรที่อื่นแล้วนะครับ
เมื่อเล่นๆไปแล้ว ถ้าเกิดอยากหยุดชั่วคราวก็สามารถทำได้ครับ โดยเสียค่ารักษาสมาชิกภาพเดือนละ 300 บาท โดยสามารถ
หยุดต่อเนื่องได้สูงสุด 12 เดือนครับ
พอเลือกประเภทสมาชิกเสร็จ ก็จะมีให้เราลองไปวัดไขมัน ชั่งน้ำหนัก ครับ ซึ่งผมทราบดีอยู่แล้วว่า นี่คือ จุดเริ่มต้น
ที่จะเข้าสู่กระบวนการขาย PT ครับ บังเอิญว่า ผมตั้งใจจะจ้าง PT อยู่แล้ว ก็เลยไม่อิดออดที่จะเข้าสู่กระบวนการนี้ครับ
แต่สำหรับท่านที่ตั้งใจว่าไม่ซื้อPTแน่ๆ ผมว่าตรงนี้น่าจะปฏิเสธและบอกไปตรงๆได้ครับ โดยถ้าเราตกลงที่จะให้
ทางคลับวัดไขมันในร่างกาย ก็จะมี PT อีกคนหนึ่งมาบริการให้ครับ โดยทางน้องเซลส์บอกว่า PT ที่นี่ทุกคนสอบผ่าน
ใบประกาศระดับแพลตินัม (ถ้าใครเคยซื้อPT ที่ฟิตเนสเฟิร์สจะทราบดีว่า PT มีหลายระดับตามระดับความรู้ที่สอบมาได้
ยิ่งPTระดับสูง ค่าจ้างก็แพงตามไปด้วยครับ) และคิดราคาเดียวกันหมดครับ
จากที่ทดลองมาเล่นเองสองวัน ในช่วงค่ำที่คิดว่าเป็นช่วงพีคสูงสุดของวัน สมาชิกก็ไม่แน่นอะไรเลยครับ อย่างเช่น
อุปกรณ์ที่ชั้นสองที่เป็นตัวที่ไฮเทค ใหม่ล่าสุด เล่นเน็ต ดูทีวี ได้ ก็ไม่เต็มนะครับ อาจจะเป็นเพราะสมาชิกยังมีแค่
พันกว่าคนด้วยครับ เซลส์บอกว่า ที่นี่จะจำกัดจำนวนสมาชิกว่าจะรับแค่ประมาณ 3,939 คน ถ้าเต็มแล้วก็จะไม่รับเพิ่ม
แล้วครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ รีวิวอาจจะแห้งๆไปหน่อยนะครับ เพราะไม่มีรูปประกอบเลย อาจจะดูเหมือนผมเขียนเชียร์ไปหน่อยๆ
แต่นี่คือ ประสบการณ์ที่ผมได้รับเองจริงๆครับ ก็ไม่แน่ว่า ต่างกรรมต่างวาระ ท่านอื่นๆอาจจะได้รับการบริการไม่เหมือนกันก็ได้
อ่อ มีข้อสังเกตอีกว่า พนักงานที่นี่ถูกอบรมมาดีมากครับ เจอลูกค้านี่ยกมือไหว้กันแทบทุกคนเลย ไม่ว่าจะเซลส์หรือ PT
ท่านอื่นๆจะลองมาแชร์ประสบการณ์ด้วยก็ยินดีครับ