ว่าด้วยเรื่องของ ................. "เครดิต" ชาวพุทธ !

เมื่อได้เห็นความพยายามในการ "เบี่ยงเบน" ประเด็น ของคันโตนาซี แล้ว ก็ดู "น่าสมเพช" ดีนะครับ
ทั้งๆ ที่ประเด็นของกระทู้ มันมีอยู่ว่า คันโตนาซี ได้กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ปรากฏหลักฐานการกระทำชั่วบาป อย่างชัดเจน

ดังนั้น คำถาม ก็คือ ในเมื่อ คันโตนาซี อ้างว่า การกระทำชั่วของมัน เป็นแค่เพียง "ความเข้าใจผิด" ไม่ใช่ "การกล่าวตู่"
นั่นย่อมหมายความว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป ชาวพุทธชายขอบ ทุกผู้ทุกนาม ย่อมสามารถ กล่าวแสดง สิ่งที่พระพุทธเจ้ามิได้ตรัส
ว่าได้ตรัสไว้ หรือไม่ก็สามารถกล่าวอย่างหน้าด้านๆ ว่า พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสสอนไว้ ทั้งๆ ที่ปรากฏ "หลักฐาน" อยู่ในพระไตรปิฎก
โดยที่ไม่มีใครสามารถ "ระบุ" ได้เลยว่า นั่นเป็นการกล่าวตู่ แม้ว่าการกระทำชั่วดังกล่าว จะผิดหลักการตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ก็ตาม



หรือมิใช่ ?

แต่เมื่อพิจารณา "ถ้อยคำ" ของคันโตนาซี ที่โต้แย้งมานั้น กลับพบ "บางสิ่ง" ที่น่าสนใจ นั่นคือ คำว่า "เครดิต"



กล่าวโดยสรุป ก็คือ คันโตนาซี กำลังกล่าวหาว่า ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ในฐานะ เจ้าของกระทู้ ไม่มี "เครดิต" มากพอสำหรับ
การเขียนกระทู้ดังกล่าวนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า (๑) ....... และ (๒) .......... ฯลฯ

ประเด็นแรก ที่ คันโตนาซี ยกขึ้นอ้าง เมื่อพิจารณาดูแล้ว เหมือนกับว่า ผู้กล่าวหา โง่เง่า จนอ่านภาษาไทยง่ายๆ ไม่เข้าใจ นะครับ
ทั้งนี้ ผมได้ถามย้ำไปแล้วว่า ใครเป็นคนกล่าวว่า ...........

พระพุทธเจ้าเสด็จไปดาวดึงส์ "เหมือน" ชายหื่นไปเที่ยวซ่อง

ท่านทั้งหลาย กรุณา พิจารณา "หลักฐาน" โดยละเอียด นะครับ



ข้อแรก ผมกล่าวอย่างชัดเจนว่า ความข้อนี้(ไฮไลท์สีฟ้า) เป็น "อุปมา" ซึ่งคำว่า อุปมา ย่อมแปลความได้ว่า เป็นเรื่องสมมุติ มิใช่เรื่องจริง
ดังนั้น ถ้าหากจะมี สุนัขขี้เรื้อนสักตัว คิดเห็นไปว่า ข้ออุปมา ดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องจริง ถามว่า นั่นเป็นความ ลามก ของใคร กันหรือครับ ?

ข้อสอง ในบทสรุป(ไฮไลท์สีเหลือง) ผมกล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนว่า แม้พระพุทธเจ้าเสด็จดาวดึงส์จริง แต่ก็มิได้ตรัสแสดงพระอภิธรรม
คำถาม ก็คือ ใจความทั้งหมด จากหลักฐานดังกล่าวนี้ สามารถแปลความหมายได้ว่าอย่างไร ?

ถ้าหาก คันโตนาซี โง่เง่า เสียจน ไม่สามารถ เทียบเคียง อุปมา และ แปลความหมาย ได้อย่างถูกต้อง
ผมก็คงจำเป็นต้อง อธิบายความให้ชัดแจ้ง เพื่อตบปากสุนัขหน้าโง่ ให้หาย "คลั่ง" ตามสมควร นะครับ

ในเมื่อ คันโตนาซี เป็นคนที่มีจิตใจ "ลามกจกเปรต" ชอบคิดอ่านแต่เรื่องชั่วๆ นั่นย่อมเป็น เวรกรรม ของคันโตนาซีเอง
แต่การที่จะเที่ยว ตีความ บทความของผู้อื่น มั่วซั่ว ตามใจชอบ แล้วไป กล่าวหาผู้อื่นอย่างโง่ๆ แบบนี้ ถือว่า "สารเลว" อย่างที่สุด
ทั้งนี้ ถ้าหาก คันโตนาซี ต้องการ เปรียบเทียบ อุปมา แบบ ช็อตต่อช็อต ผมจะแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ดังนี้ว่า

ข้ออุปมา กล่าวว่า .................

นาย ก. เดินทางจากเชียงใหม่ มากรุงเทพฯ เพื่อติดต่องาน แต่นักศึกษาคนหนึ่ง ทราบความหมายของคำว่า กรุงเทพฯ(Bangkok)
จากพจนานุกรมฉบับลองแมน ว่าหมายถึง “นครโสเภณี” นักศึกษาสติเฟื่องผู้นั้น จึงสรุปความว่า นาย ก. นอกจากจะมากรุงเทพฯ
เพื่อติดต่องานแล้ว เขายังได้ใช้บริการซ่องโสเภณี ในคราวเดียวกันนั้น อีกด้วย

แต่ผม "แย้ง" ว่าไม่จริง ด้วยเหตุผลว่า .................

การสรุปความของนักศึกษาสติเฟื่องนี้ เป็นการสรุปโดยอาศัยเหตุผลทางอัตวิสัยเป็นหลัก โดยละเลยเหตุผลทางภววิสัยอย่างสิ้นเชิง
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีกฏเกณฑ์หรือหลักฐานใดๆ เลยที่กำหนด หรือระบุว่า ผู้มากรุงเทพฯ ทุกคนจะต้องใช้บริการซ่องโสเภณี ไปเสียทั้งหมด

สรุป ก็คือ ผมเห็นว่า โดย ตรรกะ และ เหตุผลแล้ว เป็นไปไม่ได้ ที่จะสรุปว่า เมื่อ นาย ก. มากรุงเทพฯ แล้ว จะต้องใช้บริการซ่องโสเภณี เสมอไป

ดังนั้น ถ้าหาก คันโตนาซี ต้องการจะ อวดฉลาด (หรืออวดโง่?) เปรียบเทียบ ข้ออุปมา ดังกล่าวนี้ ในส่วนที่เป็น มติของผม(จ้าวนครเมฆขาว)

มันก็จำต้องเปรียบเทียบ อุปมา นาย ก. มากรุงเทพฯ แล้ว แต่มิได้ ใช้บริการซ่องโสเภณี
กับ มติของผมที่กล่าวว่า พระพุทธเจ้า เสด็จดาวดึงส์จริง แต่มิได้ ตรัส อภิธรรม ๗ คัมภีร์

จาก "หลักฐาน" ตามที่ปรากฏอยู่จริง มีข้อความตรงไหนกันหรือครับ ที่ผมกล่าวว่า



ก็ผมกล่าวอยู่โต้งๆ ว่า ผมไม่เห็นด้วยใน ข้อสรุป ที่ระบุว่า ผู้มากรุงเทพฯ ทุกคนจะต้องใช้บริการซ่องโสเภณี ไปเสียทั้งหมด
แปลไทยเป็นไทย ได้ความว่า มติของผม ก็คือ นายก. ไปกรุงเทพฯ จริง แต่มิได้ไปเที่ยวซ่องโสเภณี !
หรือ สามารถสรุปความได้โดยไม่ยากว่า ข้ออุปมา ตามมติของผมนั้น ไม่มี "ชายหื่น" ผู้ไปเที่ยวซ่องโสเภณี แต่อย่างใดทั้งสิ้น

ขออนุญาต กล่าวย้ำ ข้อเท็จจริง อีกครั้ง ดังนี้ว่า ..........

ข้ออุปมา นาย ก. ไปกรุงเทพฯ สามารถเทียบได้กับ ข้อเท็จจริง คือ พระพุทธเจ้า เสด็จดาวดึงส์ เท่านั้น
นั่นคือ พระพุทธเจ้า เทียบได้กับ นาย ก. และ ดาวดึงส์ เทียบได้กับ กรุงเทพฯ

ดังนั้น ข้ออุปมาตาม มติของผม จึงยังไปไม่ถึง ซ่องโสเภณี ตามที่ คันโตนาซี "อยาก" จะให้ไป เลยนะครับ !

ในเมื่อ ผมกล่าวอย่างชัดเจนว่า นาย ก. มิได้ไป เที่ยวซ่องโสเภณี แล้ว คันโตนาซี ไปเอาความคิดเลวๆ
มาสรุปเป็น ข้อกล่าวหาชั่วๆ แบบนี้ มาจากไหน กันหรือครับ ?

ผมขออนุญาต ตอบคำถามนี้ แทน คันโตนาซี ก็ได้ว่า เพราะ คันโตนาซี อาศัยแค่เพียง ความคิดชั่วๆ ที่อยากจะปรักปรำใส่ร้ายผู้อื่น
แต่มัน "ติดขัด" อยู่ตรงที่ คันโตนาซี เป็นคนโง่เขลา จึงไม่สามารถ แปลความหมายของ "ข้ออุปมา" ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้
เรื่องมันจึงกลายเป็นว่า คันโตนาซี จับแพะชนแกะ ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวมันเอง แล้วเที่ยวไปใส่ร้ายผู้อื่น อย่างโง่ๆ
ซึ่ง มัน ได้ทำ พฤติกรรมทุเรศๆ อย่างนี้ กับทุกๆ คน ไม่เว้นว่าจะเป็น ฆราวาส หรือ นักบวชผู้ทรงศีล (มันช่าง สารเลว จริงๆ)

ผมถือว่า ผมได้ อธิบาย ข้อเท็จจริง ให้ฟังแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คันโตนาซี จะไม่ผลิตซ้ำ ข้อกล่าวหาโง่ๆ เช่นนี้ อีกนะครับ



ส่วนประเด็นที่ คันโตนาซี กล่าวว่า .................... หมาพูดนั้น

ผมขออนุญาต กล่าวสนับสนุนตามตรงว่า หมาเต็มๆ เลยหละครับ
เพราะผมเห็นว่า จะมีก็แต่ หมาขี้เรื้อนบางตัว เท่านั้นจริงๆ ที่อ่าน ข้ออุปมาง่ายๆ เช่นนี้ แล้วไม่เข้าใจ
มิหนำซ้ำ ยังพูด(หรือเห่า?) ออกมาให้เป็นที่น่า อับอาย ผู้คนอีกต่างหาก !

ชัดเจนแล้วนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่