ทำไมครูไทยถึงสอนได้ไม่ดี???? (โจทย์ใหญ่การศึกษาชาติ)

กระทู้คำถาม
ในฐานะที่ตามข่าวเรื่องการศึกษามานาน กระทรวงนี้แปลกนะครับเปลี่ยนเจ้ากระทรวงกันบ่อย
นโยบายการศึกษาชาติไม่นิ่งเสียที ตั้งแต่สมัยเด็กๆจนกระทั่งโตมาขนานนี้มีครูซึ่งให้วิชาความรู้
มามากมายและขอบอกตามตรงว่าคนที่เป็นครูอ่านกระทู้นี้ก็อย่าเดือนเนื้อร้อนใจให้มากนัก
ไม่ได้เป็นกันทุกคน แต่ส่วนใหญ่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงไม่แปลกว่าทำไมการศึกษาชาติล้มเหลว
แหลกลาญวอดวายรั้งท้ายอาเซียนขนาดนี้

แหล่งที่มา: http://www.kruthai.info/view.php?article_id=6055

โดย : วิชัย กอสงวนมิตร

เป็นเวลานานมาแล้วที่กระทรวงศึกษาธิการของไทยได้นำพาการศึกษาของชาติเข้าป่ารกทึบ

เพราะผู้กำหนดนโยบายไม่ได้เข้าใจเป้าหมายการศึกษาอย่างแท้จริง เข้าทำนอง "นั่งแต่ห้องแอร์ วางแผนทำนา" แถมไม่ยอมรับรู้สภาพปัญหาที่แท้จริงเพื่อนำมาปรับแก้ไขให้ถูกต้อง ถือทิฐิเชื่อมั่นถือมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้องเหมาะสม

มีเรื่องปัญญาอ่อนมากมายในนโยบายการศึกษาไทย จนทำให้ครูอาจารย์ทั่วประเทศทุกวันนี้ต้องทำงานมากมายที่ไม่จำเป็นและไม่เกี่ยวกับการสอน เช่น

1. ครูอาจารย์ต้องไปเรียนต่อเพิ่มวุฒิให้สูงขึ้นให้มากๆ ความคิดที่เน้นคุณค่าของปริญญามากกว่าความสามารถในการสอนนี้ ทำให้ครูอาจารย์จำนวนมากลาไปศึกษาต่อ จนทำให้ขาดแคลนผู้สอน ใครที่ไม่ไปเรียนต่อก็ต้องแบกรับภาระอย่างหนัก เพราะไม่สามารถจ้างคนมาแทนอัตราประจำเดิมได้ บางครั้งทำให้ต้องใช้อาจารย์พิเศษสอนชั่วคราวอย่างมากมาย ส่วนคนที่ยังคงสอนอยู่ก็แทบไม่มีเวลาเตรียมการสอนเลย ทั้งที่เป็นสิ่งจำเป็นมาก

2. ครูอาจารย์ต้องทำวิจัย ทั้งที่หน้าที่หลักของครูอาจารย์คือการสอน แต่กลับกำหนดว่าการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการของครูอาจารย์ต้องมีผลงานวิจัยหรือตำรา เงินงบประมาณจำนวนมากจึงถูกเบิกใช้ทำวิจัย มีวิจัยที่แทบไม่มีประโยชน์เต็มไปหมด และบางวิจัยก็ไม่น่าเชื่อถือ เพราะเป็นการพยายามสร้างผลวิจัยเพื่อรองรับการขอตำแหน่งทางวิชาการ

3. ครูอาจารย์ต้องเขียนตำรา ในอดีตวิชาการใดหากมีผู้เขียนแล้วและเนื้อหาใช้ได้ดี ก็จะใช้ตำราเล่มเดิมแล้วใช้กันมาอย่างยาวนาน แต่เนื่องจากการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการของครูอาจารย์ต้องมีงานวิจัยหรือตำรา จึงต้องพยายามเขียนขึ้นเองโดยไม่จำเป็น บางวิชาอาจมีผู้เขียนเป็นร้อยคนแล้วในปัจจุบัน และทำให้มีการเปลี่ยนตำราบ่อยมากแม้กระทั่งในชั้นประถมศึกษา

4. ครูอาจารย์ต้องทำรายงานมากมาย มีแบบรายงานการดำเนินงานมากมายที่ครูอาจารย์จะต้องทำ จนกลายเป็นภาระครูอาจารย์ ไม่ว่ารายงานมาตรฐานคุณวุฒิต่างๆ รายงานการประกันความเสี่ยง ฯลฯ และส่วนใหญ่ของรายงานเหล่านี้ ก็ไม่สามารถนำไปแก้ไขหรือพัฒนาการศึกษาอะไรได้เลย กลายเป็นขยะกองใหญ่ที่สุด

5. ครูอาจารย์ต้องจัดกิจกรรมทั้งของผู้เรียนและช่วยสังคม เพราะกิจกรรมต่างๆ จะเป็นการสร้างคะแนนเพิ่มให้กับการประกันคุณภาพการศึกษา ทำให้สถาบันการศึกษาต้องพยายามสร้างกิจกรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางสถาบันการศึกษาจัดกิจกรรมกันแทบตลอดเทอม จนกลายเป็นว่าทุกวันนี้ครูอาจารย์แทบไม่ต่างอะไรกับนักเรียนนักศึกษา คือทำทุกอย่างเพื่อคะแนนแทนประโยชน์ที่แท้จริงของการศึกษา

6. ครูอาจารย์ต้องรับผิดชอบคะแนนการประกันคุณภาพการศึกษา คะแนนและตัวชี้วัดที่ถูกหน่วยงานกำกับการศึกษาของรัฐสร้างขึ้นมา ทำให้เพิ่มภาระและความเครียดมากมายให้กับครูอาจารย์และผู้บริหารสถาบันการศึกษา แทนที่จะตรวจสอบคุณภาพการศึกษาจากผลลัพธ์ เช่น ความรู้ของผู้เรียน เปอร์เซ็นต์การมีงานทำ เปอร์เซ็นต์การสอบเข้าเรียนต่อได้ ความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต ฯลฯ ลดการตรวจประกันคุณภาพลงเถอะครับ อย่าพยายามสร้างความสำคัญให้กับหน่วยงานตนเอง เพราะหากดูจากผลลัพธ์การศึกษาไทย จะพบว่ายิ่งตรวจประกันคุณภาพ ประสิทธิภาพของการศึกษากลับมีแต่ตกต่ำลง

7. ครูอาจารย์ต้องสอนให้มากชั่วโมง ทั้งโรงเรียนไปจนถึงมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ได้กำหนดปฏิทินการศึกษาจนแทบไม่มีเวลาปิดภาคเรียนให้กับผู้เรียนและผู้สอน เด็กนักเรียนปิดเทอมแล้วก็ยังให้ไปเรียนพิเศษ จนทำให้นักเรียนนักศึกษาปัจจุบันแทบไม่มีเวลาพักหลังสอบ ไม่สามารถกลับไปเยี่ยมและอยู่กับครอบครัวได้ และต้องงดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ช่วงปิดภาคเรียนไปโดยปริยาย จนผมเคยตั้งคำถามว่า "ระหว่างความรู้กับความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม สิ่งใดกันแน่ที่จำเป็นกว่าในชีวิต ?"

8. ครูอาจารย์ต้องทำงานแทนเจ้าหน้าที่ เพราะจำนวนบุคลากรที่ไม่เพียงพอ หรือเพียงพอแต่ไม่มีจิตใจให้บริการ ทำให้ภาระการบริการนักเรียนนักศึกษาและงานจำนวนมาก กลับไปอยู่ในความรับผิดชอบของครูอาจารย์ ท่านผู้บริหารการศึกษาคงไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่า พนักงานขายที่ดีในห้างสรรพสินค้าเขาก็จะไม่ยอมให้ไปทำหน้าที่ยกของ หรือพ่อครัวฝีมือดี เขาก็จะไม่ยอมให้ไปทำหน้าที่ล้างจาน เพราะเป็นการเอาม้าไปใช้ไถนา

สุดท้ายนี้ ผมอยากจะถามผู้ที่กำหนดนโยบายการศึกษาไทยว่า คุณเคยอ่านบทกวีของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หรือไม่ที่ว่า "ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้การงาน ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์ มีดวงมาลย์เพื่อมวลชนใช่ตนเอง"

และโปรดอย่าเข้าใจว่า ครูคือเจ้าหน้าที่ธุรการหรือนักวิจัย ที่จะต้องทำงานสนองนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ แต่งานของครูคือให้ทั้งความรู้และความคิด เพื่อให้ศิษย์เป็นผู้นำพาประเทศชาติในอนาคต และงานอื่นๆ ที่กระทรวงศึกษาธิการอยากให้ครูอาจารย์ทำนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบริการเสริมซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเลย และอาจจัดหาคนที่ไม่ใช่ครูมาช่วยทำก็ได้ แต่งานหลักของครูนั้นทั้งยากและหนักอยู่แล้ว การเอาภาระไปให้แบบหนักมากๆ ระวังวันหนึ่งครูอาจารย์จะพากันหนีไปประกอบอาชีพอื่นกันหมด


หมายเหตุ : บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับสถาบันการศึกษาที่ผู้เขียนทำงานอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่