ชาวพุทธชายขอบ กับการปกป้อง(มิจฉา)ทิฐิ ของตน

หลังจากที่ ไอ้หมอนี่ ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า กล่าวตู่บิดเบือนพุทธพจน์ มันก็ออกอาการ "แถกแถ" มาโดยตลอด



เรื่องของเรื่อง ก็คือ อรรถกถาจารย์ ได้อธิบายเอาไว้ว่า คำศัพท์ "อริยสาวก" มีอยู่หลายความหมาย



ถ้าเป็นกรณีที่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้เองในพระสูตรว่า อริยสาวก นั้นหมายถึง อริยบุคคล ดังเช่นใน โสตาปันนสูตร ก็ไม่มีปัญหา



หรือจะเป็น กรณี พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสไว้ แต่อรรถกถาจารย์เป็นผู้ให้คำอธิบายเอง อันนี้ก็ยังพอยอมรับได้ในทางปริยัติ



แต่กรณีของ สมุทยสูตร กลับแตกต่างออกไป เพราะ ...................
(๑) พระพุทธเจ้ามิได้ระบุไว้ว่า อริยสาวก หมายถึงใคร และ (๒) อรรถกถาก็มิได้อธิบายขยายความเอาไว้เช่นกัน



ประเด็นที่ผมตั้งเป็นคำถามเอาไว้ ก็คือ คันโตนาซี อาศัยหลักฐานใด จึงกล้ายืนยันว่า อริยสาวก จาก สมุทยสูตร หมายถึง อริยบุคคล



แต่สุดท้ายแล้ว ก็ได้รับคำตอบที่น่าสมเพช จากชาวพุทธชายขอบผู้นี้ว่า ........



กล่าวโดยสรุป ก็คือ ไอ้ที่ แก ดิ้นรนแถกแถ มาเป็นเดือนๆ นั้น ที่แท้แล้ว ก็เพียงเพื่อปกป้อง "อัตโนมัติ" ของตน อย่างนั้นสิ
นั่นก็ย่อมมีความหมายว่า "ม็อตโต" การปกป้องพระธรรมวินัยอะไรต่อมิอะไรนั้น  ก็เป็นเพียงแค่การสร้างภาพ ใช่หรือไม่ ?

ทั้งนี้ ผมขออนุญาต ยืนยันคำถามอีกครั้งว่า ผมมิได้ถามว่า แก มีความเห็นว่า อริยสาวก หมายถึงใคร ?
เพราะ แก ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่อรรถกถาจารย์ จนแม้บางครั้ง แก ยังดูเหมือนจะมิใช่ชาวพุทธเอาเลยด้วยซ้ำ !
ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดๆ เลย ที่ แก จะต้องมาบอกว่า แก คิดเห็นอย่างไร เพราะถึงอย่างไร ความเห็นของแก ก็ยังมิใช่ข้อยุติ อยู่ดี

หรือมิใช่ ?

***************************************************************************************************

ความแถกแถ อย่างหน้าด้านๆ ของคนผู้นี้ ยังไม่จบไม่สิ้นนะครับ หลังจาก "หน้าแหก" หมอไม่รับเย็บมาหลายรอบแล้ว
มาคราวนี้ ยังอุตส่าห์ "แย้ง" อย่างโง่ๆ อีกว่า "ไม่มีเหตุผลที่พระพุทธเจ้าจะยกปุถุชนมาซ้ำซ้อนกันในพระสูตรเดียว"

นี่น่ะหรือ คือเหตุผลของคนซึ่งอ้างตัวอ้างตนว่าจะปกป้องพระธรรมวินัย
เพราะเอาเข้าจริงแล้ว แม้แต่เรื่องที่เป็นพื้นฐานที่สุด ทั้งในฝ่ายปริยัติและปฏิบัติ มันเองกลับไม่เคยรู้ ไม่เคยเข้าใจ
ลองคิดดูสิว่า มันจะน่าสมเพชขนาดไหน ที่ได้มีโอกาสเห็นคน ที่อ้างว่าจะปกป้องในสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้จัก และไม่เข้าใจ

ขำว่ะ !



มีคำอธิบายอยู่ดาษดื่นในชั้นอรรถกถาว่า ปุถุชนมีอยู่ ๒ พวก คือ (๑) อันธปุถุชน และ (๒) กัลยาณปุถุชน
โดย กัลยาณปุถุชนนี่เอง คือความหมายของ อริยสาวก จาก สมุทยสูตร ทั้งนี้ ก็โดยอาศัยการพิจารณาเนื้อความจากพระสูตร
ที่บรรยายถึง วิปัสสนาญาณ ที่ ๑ - ๗ ซึ่งยังไม่พ้นภูมิปุถุชน จึงทำให้ทราบว่า อริยสาวก จากพระสูตรนี้ มิได้หมายถึง อริยบุคคล

กล่าวโดยสรุป ก็คือ กรณีแบบนี้ จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกประหลาด หรือ "ซ้ำซ้อน" อย่างที่ ไอ้หมอนั่น พยายามบิดเบือน แต่อย่างใด

ชัดเจนแล้วนะครับ




คันโตนาซี ยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะ "แถกแถ"  ต่ออีกหรือไม่ ?
แล้วผมจะรอฟังคำอธิบาย ที่มิใช่ อัตโนมัติ นะครับ






ปล. การด่าพระสงฆ์องค์เจ้า ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ด้วยเหตุผลคืออัตตโนมัติของตน ซึ่งมีฐานะเพียงแค่ ปุถุชนผู้บริโภคกาม บ่อยๆ เข้า
อาจมีผลทำให้ เกิดอาการ สมองตีบตัน คิดอะไรฉลาดๆ ไม่เป็น สายตาพร่ามัว มองหาหลักฐานข้อเท็จจริงไม่เห็น และในที่สุด
อาจมีผลทำให้ "หนังหน้า" หยาบหนาขึ้นอย่างผิดปกติ จนกลายเป็นชาวพุทธชายขอบ ผู้เก้อยาก ไร้ยางอาย ............. ก็เป็นได้ !
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่