เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณเดือนพ.ค. ผมได้ไปติดต่อเช่าพื้นที่ เพื่อขายชานมไข่มุก รายละเอียดสัญญาคือค่าเช่าเดือนละ 5000 บาท มัดจำ 3 เดือน และมีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าหากย้ายไปขายบริเวณใกล้เคียงกันจะต้องเสียค่าปรับ 30000 บาท ด้วยความที่ผมอยากได้ทำเลตรงนั้นมาก เลยตกลงเซ็นต์สัญญา
ผ่านไปซักพักกลับไปคุยอีกรอบเรื่องการจัดของ ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยมีญาติผู้ใหญ่ไปช่วยคุยด้วย คุยไปคุยมา ญาติผู้ใหญ่ท่านแนะนำว่า ไม่ควรจะเช่ากับคนคนนี้(ขอใช้ชื่อสมมติว่า เอ) เพราะดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ และอีกหน่อยต้องมีปัญหากันแน่นอน(ดูจากวิธีพูด และการทำสัญญา) ผมก็เลยยอมเสียมัดจำทิ้งไป ผมก็เลยหาทำเลใหม่ แล้วเผอิญได้ทำเลติดกับบ้านเอพอดี โดยในครั้งนี้ใช้ชื่อเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกับผมเซ็นต์สัญญาเช่า
ช่วงแรกๆก็ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านไปเกือบเดือนมีคนมาเช่าหน้าบ้านเอ สามคน โดยมีอยู่เจ้าหนึ่งขายชานมไข่มุกเหมือนกัน ซึ่งเอก็เริ่มมาหาเรื่องโดยการพูดจา แขวะต่างๆนานากับลูกน้องของผม ซึ่งก็ยังไม่เป็นไรมาก ผ่านไปอีกเดือนเอกับคนเช่าหน้าบ้านทั้งสามคนเริ่มมีปัญหากัน โดยเฉพาะร้านชานมที่โดนเก็บค่าไฟถึง 4000 บาท(ซึ่งปกติแล้ว ค่าไฟไม่ควรจะเกินเดือนละ 400 บาท เพราะร้านนั้นใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหมือนผมทุกอย่าง) คนเช่าจึงพร้อมใจกันขอออก แต่ปรากฎว่าเอไม่ยอม บอกว่าถ้าจะออกต้องจ่ายเงินมาก่อนคนละ 30000 บาท ทำให้ตอนนี้ก็ยังติดคดีแพ่งกันอยู่ ถึงตอนนี้ผมรู้สึกดีใจมาก ที่เชื่อญาติผมว่าไม่ควรเช่ากับเอ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เอหันมาเปิดร้านชานมไข่มุกเอง และตัดราคาขายถูกกว่า ผมก็เข้าใจว่าธุรกิจมันก็ต้องมีกันบ้าง แต่ที่รับไม่ได้คือทุกๆๆๆวัน เอจะมาพูดจาดูถูกลูกน้องผมต่างๆนานา พร้อมทั้งหาเรื่องสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการขู่ว่าจะมาตบลูกน้องผม โทษฐานคุยแล้วก็หัวเราะกับลูกค้า แต่เอมันกลับคิดว่าหัวเราะเยาะมัน รวมถึงมีการขู่ว่าจะเอาน้ำมันมาสาด จะหาวิธีทำให้ร้านผมขายไม่ได้จนเจ๊ง
และจุดไคลแม็กซ์ก็มาถึง เมื่อวานนี้เอมาคุยกับเจ้าของบ้านที่ผมเช่าหน้าร้านอยู่ บอกว่าให้ขึ้นค่าเช่าจาก 3500 ให้เป็น 5000 บาทให้เท่ากัน เพราะให้เช่าถูกจะทำให้เสียระบบ และยังขู่ว่าหากไม่ยอมขึ้นค่าเช่าจะแจ้งตำรวจมาจับผมทันที่ ที่มาขายบริเวณใกล้เคียงกัน ผมอยากทราบว่า
1. ในทางกฎหมายแล้ว หากเอแจ้งความจับผม จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่
2. โดยปกติแล้วเอ มีสิทธิ์ที่จะระบุในสัญญาเช่าหรือไม่ว่า ผมไม่มีสิทธิไปเช่าบ้านอื่นที่อยู่ใกล้กัน
3. ผมควรทำอย่างไรดีกับพฤติกรรมของเอ
กำลังจะโดนแกล้งเรื่องสัญญาเช่าที่ ขอคำแนะนำเรื่องกฎหมายหน่อยครับ
ผ่านไปซักพักกลับไปคุยอีกรอบเรื่องการจัดของ ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยมีญาติผู้ใหญ่ไปช่วยคุยด้วย คุยไปคุยมา ญาติผู้ใหญ่ท่านแนะนำว่า ไม่ควรจะเช่ากับคนคนนี้(ขอใช้ชื่อสมมติว่า เอ) เพราะดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ และอีกหน่อยต้องมีปัญหากันแน่นอน(ดูจากวิธีพูด และการทำสัญญา) ผมก็เลยยอมเสียมัดจำทิ้งไป ผมก็เลยหาทำเลใหม่ แล้วเผอิญได้ทำเลติดกับบ้านเอพอดี โดยในครั้งนี้ใช้ชื่อเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกับผมเซ็นต์สัญญาเช่า
ช่วงแรกๆก็ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านไปเกือบเดือนมีคนมาเช่าหน้าบ้านเอ สามคน โดยมีอยู่เจ้าหนึ่งขายชานมไข่มุกเหมือนกัน ซึ่งเอก็เริ่มมาหาเรื่องโดยการพูดจา แขวะต่างๆนานากับลูกน้องของผม ซึ่งก็ยังไม่เป็นไรมาก ผ่านไปอีกเดือนเอกับคนเช่าหน้าบ้านทั้งสามคนเริ่มมีปัญหากัน โดยเฉพาะร้านชานมที่โดนเก็บค่าไฟถึง 4000 บาท(ซึ่งปกติแล้ว ค่าไฟไม่ควรจะเกินเดือนละ 400 บาท เพราะร้านนั้นใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหมือนผมทุกอย่าง) คนเช่าจึงพร้อมใจกันขอออก แต่ปรากฎว่าเอไม่ยอม บอกว่าถ้าจะออกต้องจ่ายเงินมาก่อนคนละ 30000 บาท ทำให้ตอนนี้ก็ยังติดคดีแพ่งกันอยู่ ถึงตอนนี้ผมรู้สึกดีใจมาก ที่เชื่อญาติผมว่าไม่ควรเช่ากับเอ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เอหันมาเปิดร้านชานมไข่มุกเอง และตัดราคาขายถูกกว่า ผมก็เข้าใจว่าธุรกิจมันก็ต้องมีกันบ้าง แต่ที่รับไม่ได้คือทุกๆๆๆวัน เอจะมาพูดจาดูถูกลูกน้องผมต่างๆนานา พร้อมทั้งหาเรื่องสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการขู่ว่าจะมาตบลูกน้องผม โทษฐานคุยแล้วก็หัวเราะกับลูกค้า แต่เอมันกลับคิดว่าหัวเราะเยาะมัน รวมถึงมีการขู่ว่าจะเอาน้ำมันมาสาด จะหาวิธีทำให้ร้านผมขายไม่ได้จนเจ๊ง
และจุดไคลแม็กซ์ก็มาถึง เมื่อวานนี้เอมาคุยกับเจ้าของบ้านที่ผมเช่าหน้าร้านอยู่ บอกว่าให้ขึ้นค่าเช่าจาก 3500 ให้เป็น 5000 บาทให้เท่ากัน เพราะให้เช่าถูกจะทำให้เสียระบบ และยังขู่ว่าหากไม่ยอมขึ้นค่าเช่าจะแจ้งตำรวจมาจับผมทันที่ ที่มาขายบริเวณใกล้เคียงกัน ผมอยากทราบว่า
1. ในทางกฎหมายแล้ว หากเอแจ้งความจับผม จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่
2. โดยปกติแล้วเอ มีสิทธิ์ที่จะระบุในสัญญาเช่าหรือไม่ว่า ผมไม่มีสิทธิไปเช่าบ้านอื่นที่อยู่ใกล้กัน
3. ผมควรทำอย่างไรดีกับพฤติกรรมของเอ