เริ่มต้นแล้ว...

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว  http://ppantip.com/topic/30945839
.....เริ่มต้นอย่างไร?  
มาถึงหลักใหญ่ใจความของผมซักที กับประโยคข้างบน  ผมเชื่อว่าการเริ่มต้นกับอะไรซักอย่างเป็นสิ่งที่ยากพอสมควรเพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงและฝืนธรรมชาติตัวเอง เพราะว่าเราไม่เคยทำมาก่อน มันทำให้เกิดข้อกังวล เกิดความกลัวต่างๆ มากมาย บางคนคิดมากคิดเยอะคิดเยอะจนไม่มีเวลาที่จะเริ่ม การคิดเยอะมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับตัวบุคคล สำหรับตัวผมคิดว่าการคิดให้มากก่อนจะลงมือทำก็เป็นผลดีจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยลง  แต่ถ้าเป็นด้านการทำธุรกิจถ้าเรามัวแต่คิดไม่เริ่มลงมือทำ โอกาสที่เราจะพัฒนาธุรกิจเราอาจจะช้าเพราะเสียเวลากับการวางแผน
แนวทางในการเริ่มต้นของผมนั้น ขั้นแรกดูความสนใจของตัวเองก่อน ซึ่งในขั้นแรกนี้ผมใช้เวลาศึกษาตัวเองอยู่นานพอสมควรว่าตัวเองสนใจอะไร บางคนอาจจะมีพรสวรรค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ก็อาจจะนำมาพัฒนาเป็นอาชีพตัวเองได้ ส่วนตัวผมเป็นคนที่เหมือนเป็ดจะว่ายน้ำก็ได้(แต่ก็ไม่ดี) จะบินก็ได้(แต่ก็ได้ไม่นาน) คือเป็นคนที่มีความสามารถหลายด้านทั้งด้านทำอาหาร ด้านเทคโนโลยี(คอมพิวเตอร์) ศิลปะ มองอันไหนก็คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ เลยรู้สึกว่าจะเลือกอันไหนดี???
เมื่อถึงเวลาต้องเลือก..หลังจากที่ผมครุ่นคิดอยู่หลายสัปดาห์ว่าตัวเองจะทำธุรกิจอะไรดี? เมื่อตัดสินใจยากเลยไปหาซื้อหนังสือมาอ่านหนังสือที่จะช่วยแนะนำการเลือกทำธุรกิจให้กันเราผมซื้อหนังสือ ชื่อ “SMEsธุรกิจส่วนตัว คุณทำได้” เขียนโดย วีรวุธ์ มาฆะศิรานนท์ มาอ่านในหนังสือมีวีการวิเคราะห์ตัวเองว่าเหมาะกับธุรกิจประเภทไหน และแนะนำธุรกิจที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันให้เป็นทางเลือกด้วย จากหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมสนใจธุรกิจอยู่ 5 อย่าง คือ
1. ร้านนมสด ขนมปัง เครื่องดื่ม (เพื่อสุขภาพ)
    2. ร้านเบเกอรี่ กาแฟ อาหารจานเดียว
    3. E-Business การทำธุรกิจแบบออนไลน์ (ร้านขายของตกแต่งบ้านออนไลน์)
    4. คาร์แคร์ดูแลรักษารถยนต์
    5. บ้านจัดสรร-หมู่บ้านคนวัยหลังเกษียณ
(เรียงลำดับตามเงินลงทุนจากน้อยไปมาก)
จะเห็นได้ว่าตัวเลือกผมแคบลง ผมก็เลยมาศึกษากลุ่มธุรกิจทั้ง 5 อย่างแบบลงรายละเอียด
เริ่มจากการหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ หนังสือ อินเตอร์เน็ต การพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งอันนี้ดีมากๆ เพราะเราได้เรียนรู้จะประสบการณ์ตรงของคนที่เคยทำมาก่อน ลักษณะเด่นของผมอย่างหนึ่ง(จากการสังเกตตัวเอง) คือผมเป็นคนช่างสังเกต เก็บรายละเอียด และผมจะชอบคิดอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่ถือว่าแหวกแนว คือชอบคิดต่าง คิดในมุมกลับ ซักทักษะดังกล่าวผมได้ถูกขัดเกลาและพัฒนาจากคณะสถาปัตย์นั่นเอง ซึ่งดีตรงที่ว่าเวลาผมคิดอะไรที่เป็นนามธรรมผมสามารถที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้โดยสัญชาตญาณนักออกแบบซึ่งเป็นข้อดีอีกอย่างของตัวเอง
พอศึกษาข้อมูลพอสมควรผมตัดสินใจที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับของกินคือขายอาหารหรือเครื่องดื่ม เริ่มต้นจากการคิดจะขายอะไรซักอย่างที่คนกินง่าย จ่ายง่าย ต้นทุนไม่สูงมาก เงินลงทุนไม่เกินหนึ่งหมื่น
ผมเลือกขายลูกชิ้นปิ้ง...
....ที่มา มีช่วงหนึ่งที่ผมได้ไปเที่ยวที่จังหวัดอุบลกับเพื่อนได้ไปเจอรถเข็นขายลูกชิ้น ลักษณะการขายคือจะจัดวางลูกชิ้นที่ปิ้งแล้วไว้บนถาดเยอะๆ ไว้ชั้นบน ถัดลงมาเป็นชั้นวางผักที่มีเยอะมาก กินกันแบบบุฟเฟ่เลย สลับกับโถน้ำจิ้มรสเด็ดใบใหญ่เวลาคนไปซื้อก็ยืนจิ้มกิน ณ ตรงนั้นเลย ซึ่งเป็นภาพที่ผมเห็นแล้ว!! โอ้วว น่าสนใจ แล้วในตัวเมืองอุบลมีรถเข็นขายแบบนี้อยู่ทุกมุมเมือง เหมือนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอุบลเลยทีเดียวเพราะจังหวัดอื่นผมไม่เคยเห็น ผมเลยมีไอเดียว่าจะนำเอารูปแบบการขายลูกชิ้นแบบนี้มาเปิดขายที่สารคามบ้าง เคยคุยกับเพื่อนชวนกันจะทำแต่ก็..ไม่มีเวลากันทั้งเรียนด้วย เลยไม่ได้ทำ
เมื่อได้ไอเดียขายลูกชิ้นปิ้งแบบยืนกินผมเลยเริ่มต้นจากการคิดหาความแตกต่างให้ลูกชิ้นผม จุดแรกที่ผมมุ่งเน้นเลยคือ  น้ำจิ้ม  ส่วนตัวผมเห็นว่าลูกชิ้นยี่ห้อต่างๆ รสชาติก็เหมือนๆกัน ไม่ต่างอะไรมาก มันจะอร่อยไม่อร่อยมันอยู่ที่น้ำจิ้ม เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมเลยหาสูตรการทำน้ำจิ้มลูกชิ้นปิ้งจากในเน็ต แต่อยากที่ทราบสูตรในเน็ตเราไม่รู้หรอกว่าทำแล้วจะรสชาติออกมาแบบไหนจะอร่อยอย่างที่เราต้องการหรือไม่
ขั้นเริ่มแรกผมทดลองทำน้ำจิ้มเองด้วยสูตรที่คิดขึ้นมาเองตั้งใจไว้ว่าถ้ารสชาติน้ำจิ้มไม่เป็นที่พอใจไม่ลงตัวผมก็จะไม่ขายเพราะผมไม่ซื้อน้ำจิ้มคนอื่นมาแน่  ผมลองผิดลองถูกอยู่ 1 อาทิตย์กับการทดลองสูตรน้ำจิ้มแรกๆ ทำถึง 4 รส แล้วให้เพื่อนๆ น้องลองชิม ข้อเสนอแนะมาว่าเอาทั้งสี่รสรวมกันได้มั้ย? เอ่อออ....
จนบทสรุปสุดท้ายลองทำจนได้สูตรที่ผมคิดว่ารสชาติลงตัวที่สุดเพียงสูตรเดียว และตั้งชื่อน้ำจิ้มของผมว่า “น้ำจิ้มตาโต” ก็เพื่อจะสื่อถึงความอร่อยแบบว่าเวลาเรากินของอร่อยๆจะชอบทำตาโต...
.....เริ่มสนุกแล้ว เมื่อผมมั่นใจน้ำจิ้ม ขั้นต่อไปก็การเลือกซื้อลูกชิ้น และก็การเตรียมอุปกรณ์เปิดร้าน ผมเริ่มขายลูกปิ้งวันที่ 19 สิงหาคม 2556 ใช้เงินลงทุนก้อนแรกจำนวน 2,000 บาท ได้ชื่อแบรนด์ว่า “ปิ้งจิ้ม”โดยใช้พื้นที่หน้าร้านกาแฟที่ผมทำงานอยู่ตั้งโต๊ะขาย...วันเริ่มต้นก็วุ่นวายเลยทีเดียว  แต่ผมก็ได้เริ่มต้นแล้ว....
.....เริ่มต้นแล้ว...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่