ถ้าใครได้อ่านข้อคิดเห็นของ "ดร.ซุป" ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติ
ว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย ก็จะเห็นถึงความลุ่มลึก เต็ม
ไปด้วยเหตุและผล ในการมองสภาวะเศรษฐกิจของสยามประเทศยามนี้
"ดร.ซุป" กล่าวว่า เศรษฐกิจของเอเชียจะยังคงเติบโตต่อไป และมีความแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่น
ดังนั้น ประเทศในอาเซียนต้องหันมาพึ่งพาตลาดภายในกลุ่มอาเซียนด้วยกันเองให้มากขึ้น ลดการ
พึ่งพาจีนและอินเดียให้น้อยลง ประเทศไทยเองต้องมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการ
ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน & ระบบขนส่งโลจิสติกส์ รวมทั้งมีการบริหารจัดการและอำนวยความ
สะดวกการค้าชายแดนให้มากขึ้น
"ดร.ซุป" ยังกล่าวอีกว่า หนี้ภาครัฐในปัจจุบันที่สัดส่วน 40-45% ของจีดีพีไม่ถือว่าสูงมาก แต่ก็มี
แนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้น การก่อหนี้จึงต้องทำเพื่อเพิ่มพูนสมรรถนะของประเทศ เช่น การวาง
โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้เกิด R&D การพัฒนาแรงงานไร้ฝีมือให้เป็น
แรงงานมีฝีมือทั้งหมด ฯลฯ ซึ่งการลงทุนเหล่านี้เหมาะที่จะเป็นหนี้ เพราะหนี้สูงจากการเหล่านี้ถือ
ว่าไม่มีปัญหา
สิ่งที่รัฐต้องระวังคือ การใช้เงินลงไปในประโยชน์ระยะสั้น เช่น การอุดหนุนภาคเกษตร
(ดังกรณีโครงการรับจำนำข้าว) ที่ควรทำคือการลงทุนเพื่อให้ภาคเกษตรมีการพัฒนาต่อยอดไปได้
เช่น โครงการบริหารจัดการแหล่งน้ำและแหล่งวัตถุดิบเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น โครงการสนับสนุน
ให้มีระบบบริหารจัดการและการตลาดที่ดี
อ่านแล้วขนลุกไหมครับ? คมความคิดเช่นนี้ ถ้านำเอาไปอภิปรายในรัฐสภาด้วยอากัปกิริยาอันสุภาพ
ไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะโกยคะแนนจากคนชั้นกลาง (ส่วนหนึ่ง) ไปสักกี่กระบุงโกย เป็นข้อคิด
อันทรงคุณค่าของบุคลากรที่สังกัดอยู่ในพรรคอันได้ชื่อว่าเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด
ของเมืองไทย สาระการอภิปรายแบบนี้ต่างหากจึงจะสมภูมิกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ มิใช่ภาพการป่วน
สภาจนสื่อแทบทุกฉบับถึงกับต้องพาดหัวตัวไม้ว่า "ถ่อยเถื่อน" แสดงอาการปานประหนึ่งอะไรสัก
อย่างที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงให้เสียสง่าราศีของบทความนี้...!
ประชาธิปัตย์เคยเป็นพรรคสุภาพบุรุษมาก่อนครับ ภาพลักษณ์การอภิปรายด้วยสุ้มเสียงหล่อทุ้มนุ่มนวล
ที่ นายชวน หลีกภัย ได้สู้อุตส่าห์สร้างสมเอาไว้ ต้องมามลายหายสิ้นไปกับน้ำมือของสมาชิกพรรคยุค
"ผลัดใบ" แบบไม่น่าเชื่อจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านอดีตผู้ประกาศสถานีโทรทัศน์ทั้งหญิงและชาย ที่ยุคหนึ่ง
เคยยกมือไหว้สวัสดีท่านผู้ชมอย่างผมมาก่อน วันนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอยู่ในสภา กิริยาอาการที่แสดง
ออกดูกราดเกรี้ยวจนน่าตกใจ ไม่ทราบว่าไปกินดีหมีหรือหัวใจมังกรมาจากไหน ถึงได้เหี้ยมหาญกระโชก
โฮกฮากเอาถึงปานนั้น
ที่สำคัญ...ไม่เคยเสนออะไรอันเป็นสาระเพื่อประเทศชาติในองค์รวมเลยแม้แต่น้อย...!
ยุทธศาสตร์เล่นการเมืองแบบไม่เป็นสุภาพบุรุษนี้ นับวันมีแต่จะทำให้ประชาธิปัตย์เสื่อมทรุดลง น่า
แปลกใจที่นายอภิสิทธิ์ผู้ซึ่งเคยทำท่าล้อเลียนนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างจ่าประสิทธิ์ แต่พฤติกรรม
ของลูกพรรคที่ปล่อยให้วาดลวดลายกันอยู่ในเพ-ลานี้ ต่อให้นำเอาจ่าประสิทธิ์ 10 คนมารวมกัน ก็ยัง
เทียบชั้นลำบาก...ไม่น่าเชื่อจริงๆ !
นี่ยังไม่นับแนวคิดการเมืองที่โน้มไปทางอนาธิปไตย กระทั่งนักวิชาการผู้คร่ำหวอดด้านสังคมและ
การเมืองอย่างท่าน ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดเป็นห่วง
ประเทศชาติจะวิบัติไม่ได้ จนต้องทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายชวน หลีกภัย ติงพฤติกรรมของ
พรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนจุดยืนทางการเมืองที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมเป็นอันมากนี้
กระนั้น ก็ยังมิได้ยินเสียงตอบรับจากสมาชิกระดับนำของพรรค จะมีก็แต่วัยละอ่อนอย่างแก๊งไอติมที่ออก
มาตอดเล็กตอดน้อยเอากับท่านอาจารย์ ทำนองเดียวกับตอน "ถอนหงอก" ปู่พิชัย ข้อหาทำผิดร้ายแรง
ทรยศต่ออุดมการณ์ของชาวผลัดใบ เพราะไปร่วมสังฆกรรมกับระบอบทักษิณเพื่อหาหนทางปฏิรูปประเทศ...!
โอว...เวรกรรมอะไรจะขนาดนั้น
วันนี้ ประชาธิปัตย์ต้องรีบปฏิรูปพรรค ตามแนวทางที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร นำเสนอ ปรับโครงสร้าง
ปรับคน ปรับวัฒนธรรมเสียใหม่ ให้เป็นแบบที่เคยประสบความสำเร็จมาแต่ในอดีต เลิกคิดว่าที่แพ้พรรค
อื่นเพราะเขาใช้เงินซื้อเสียง มุ่งมั่นที่จะชนะใจประชาชนด้วยนโยบายอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ในองค์รวม ประพฤติตนในสภาอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ค้านด้วยเหตุผลอันหนักแน่นตามแนวทางของ
"ดร.ซุป" ที่ยกเป็นตัวอย่างไว้ในตอนต้นของบทความนี้ เลิกตั้งแง่ป่วนในสภาด้วยช่องกฎหมายแบบพวก
"หัวหมอ" ซึ่งคนชั้นกลางส่วนหนึ่ง (รวมทั้งผม) เบื่อเป็นอันมากอยู่ในเพ-ลานี้
หากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่รีบแก้ไขจุดต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด และยังคงเดินหน้าเล่นการเมืองแบบ
เดิมๆ อยู่ เห็นทีพรรคเก่าแก่ระดับลายครามพรรคนี้อาจถึงคราวต้องปลาสนาการไปจากประเทศไทย
วันนี้...ในทางนิตินัยพรรคอาจจะยังคงอยู่ แต่โดยพฤตินัยประชาธิปัตย์แบบที่ผมเคยชื่นชมและศรัทธา
ได้จางหายไปนานแล้ว...!
..............
บุญเกียรติ ชีวะตระกูลกิจ e-mail : bcheewatragoongit@yahoo.com
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊คกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378381605&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ถึงอ.จ.บุญเกียรติ จะไม่ชื่นชอบ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนๆnonแดงในนี้ หลายๆ คนก็ยังชื่นชอบ
ไม่เปลี่ยนแปลง สมาชิกขว้างเก้าอี้ หัวหน้าพรรคก็แค่ตกใจ ก็ประธานสภา ไปกดดันสมาชิกเองนี่นา
ยังไงๆคุณอภิสิทธิ์ ก็ยังเป็น "เทพบุตรประชาธิปไตย"
เรา..หมายถึง ....คนเกลียดคุณทักษิณ... ก็ต้องร่วมมือกัน โค่นล้มระบอบทักษิณ ให้ได้ค่ะ
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปได้
พรรคประชาธิปัตย์...ที่หายไป บทความโดย บุญเกียรติ ชีวะตระกูลกิจ มติชนออนไลน์
ว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด เกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย ก็จะเห็นถึงความลุ่มลึก เต็ม
ไปด้วยเหตุและผล ในการมองสภาวะเศรษฐกิจของสยามประเทศยามนี้
"ดร.ซุป" กล่าวว่า เศรษฐกิจของเอเชียจะยังคงเติบโตต่อไป และมีความแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่น
ดังนั้น ประเทศในอาเซียนต้องหันมาพึ่งพาตลาดภายในกลุ่มอาเซียนด้วยกันเองให้มากขึ้น ลดการ
พึ่งพาจีนและอินเดียให้น้อยลง ประเทศไทยเองต้องมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการ
ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน & ระบบขนส่งโลจิสติกส์ รวมทั้งมีการบริหารจัดการและอำนวยความ
สะดวกการค้าชายแดนให้มากขึ้น
"ดร.ซุป" ยังกล่าวอีกว่า หนี้ภาครัฐในปัจจุบันที่สัดส่วน 40-45% ของจีดีพีไม่ถือว่าสูงมาก แต่ก็มี
แนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้น การก่อหนี้จึงต้องทำเพื่อเพิ่มพูนสมรรถนะของประเทศ เช่น การวาง
โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้เกิด R&D การพัฒนาแรงงานไร้ฝีมือให้เป็น
แรงงานมีฝีมือทั้งหมด ฯลฯ ซึ่งการลงทุนเหล่านี้เหมาะที่จะเป็นหนี้ เพราะหนี้สูงจากการเหล่านี้ถือ
ว่าไม่มีปัญหา
สิ่งที่รัฐต้องระวังคือ การใช้เงินลงไปในประโยชน์ระยะสั้น เช่น การอุดหนุนภาคเกษตร
(ดังกรณีโครงการรับจำนำข้าว) ที่ควรทำคือการลงทุนเพื่อให้ภาคเกษตรมีการพัฒนาต่อยอดไปได้
เช่น โครงการบริหารจัดการแหล่งน้ำและแหล่งวัตถุดิบเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น โครงการสนับสนุน
ให้มีระบบบริหารจัดการและการตลาดที่ดี
อ่านแล้วขนลุกไหมครับ? คมความคิดเช่นนี้ ถ้านำเอาไปอภิปรายในรัฐสภาด้วยอากัปกิริยาอันสุภาพ
ไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะโกยคะแนนจากคนชั้นกลาง (ส่วนหนึ่ง) ไปสักกี่กระบุงโกย เป็นข้อคิด
อันทรงคุณค่าของบุคลากรที่สังกัดอยู่ในพรรคอันได้ชื่อว่าเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด
ของเมืองไทย สาระการอภิปรายแบบนี้ต่างหากจึงจะสมภูมิกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ มิใช่ภาพการป่วน
สภาจนสื่อแทบทุกฉบับถึงกับต้องพาดหัวตัวไม้ว่า "ถ่อยเถื่อน" แสดงอาการปานประหนึ่งอะไรสัก
อย่างที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงให้เสียสง่าราศีของบทความนี้...!
ประชาธิปัตย์เคยเป็นพรรคสุภาพบุรุษมาก่อนครับ ภาพลักษณ์การอภิปรายด้วยสุ้มเสียงหล่อทุ้มนุ่มนวล
ที่ นายชวน หลีกภัย ได้สู้อุตส่าห์สร้างสมเอาไว้ ต้องมามลายหายสิ้นไปกับน้ำมือของสมาชิกพรรคยุค
"ผลัดใบ" แบบไม่น่าเชื่อจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านอดีตผู้ประกาศสถานีโทรทัศน์ทั้งหญิงและชาย ที่ยุคหนึ่ง
เคยยกมือไหว้สวัสดีท่านผู้ชมอย่างผมมาก่อน วันนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอยู่ในสภา กิริยาอาการที่แสดง
ออกดูกราดเกรี้ยวจนน่าตกใจ ไม่ทราบว่าไปกินดีหมีหรือหัวใจมังกรมาจากไหน ถึงได้เหี้ยมหาญกระโชก
โฮกฮากเอาถึงปานนั้น
ที่สำคัญ...ไม่เคยเสนออะไรอันเป็นสาระเพื่อประเทศชาติในองค์รวมเลยแม้แต่น้อย...!
ยุทธศาสตร์เล่นการเมืองแบบไม่เป็นสุภาพบุรุษนี้ นับวันมีแต่จะทำให้ประชาธิปัตย์เสื่อมทรุดลง น่า
แปลกใจที่นายอภิสิทธิ์ผู้ซึ่งเคยทำท่าล้อเลียนนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างจ่าประสิทธิ์ แต่พฤติกรรม
ของลูกพรรคที่ปล่อยให้วาดลวดลายกันอยู่ในเพ-ลานี้ ต่อให้นำเอาจ่าประสิทธิ์ 10 คนมารวมกัน ก็ยัง
เทียบชั้นลำบาก...ไม่น่าเชื่อจริงๆ !
นี่ยังไม่นับแนวคิดการเมืองที่โน้มไปทางอนาธิปไตย กระทั่งนักวิชาการผู้คร่ำหวอดด้านสังคมและ
การเมืองอย่างท่าน ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดเป็นห่วง
ประเทศชาติจะวิบัติไม่ได้ จนต้องทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายชวน หลีกภัย ติงพฤติกรรมของ
พรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนจุดยืนทางการเมืองที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมเป็นอันมากนี้
กระนั้น ก็ยังมิได้ยินเสียงตอบรับจากสมาชิกระดับนำของพรรค จะมีก็แต่วัยละอ่อนอย่างแก๊งไอติมที่ออก
มาตอดเล็กตอดน้อยเอากับท่านอาจารย์ ทำนองเดียวกับตอน "ถอนหงอก" ปู่พิชัย ข้อหาทำผิดร้ายแรง
ทรยศต่ออุดมการณ์ของชาวผลัดใบ เพราะไปร่วมสังฆกรรมกับระบอบทักษิณเพื่อหาหนทางปฏิรูปประเทศ...!
โอว...เวรกรรมอะไรจะขนาดนั้น
วันนี้ ประชาธิปัตย์ต้องรีบปฏิรูปพรรค ตามแนวทางที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร นำเสนอ ปรับโครงสร้าง
ปรับคน ปรับวัฒนธรรมเสียใหม่ ให้เป็นแบบที่เคยประสบความสำเร็จมาแต่ในอดีต เลิกคิดว่าที่แพ้พรรค
อื่นเพราะเขาใช้เงินซื้อเสียง มุ่งมั่นที่จะชนะใจประชาชนด้วยนโยบายอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ในองค์รวม ประพฤติตนในสภาอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ค้านด้วยเหตุผลอันหนักแน่นตามแนวทางของ
"ดร.ซุป" ที่ยกเป็นตัวอย่างไว้ในตอนต้นของบทความนี้ เลิกตั้งแง่ป่วนในสภาด้วยช่องกฎหมายแบบพวก
"หัวหมอ" ซึ่งคนชั้นกลางส่วนหนึ่ง (รวมทั้งผม) เบื่อเป็นอันมากอยู่ในเพ-ลานี้
หากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่รีบแก้ไขจุดต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด และยังคงเดินหน้าเล่นการเมืองแบบ
เดิมๆ อยู่ เห็นทีพรรคเก่าแก่ระดับลายครามพรรคนี้อาจถึงคราวต้องปลาสนาการไปจากประเทศไทย
วันนี้...ในทางนิตินัยพรรคอาจจะยังคงอยู่ แต่โดยพฤตินัยประชาธิปัตย์แบบที่ผมเคยชื่นชมและศรัทธา
ได้จางหายไปนานแล้ว...!
..............
บุญเกียรติ ชีวะตระกูลกิจ e-mail : bcheewatragoongit@yahoo.com
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊คกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378381605&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ถึงอ.จ.บุญเกียรติ จะไม่ชื่นชอบ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนๆnonแดงในนี้ หลายๆ คนก็ยังชื่นชอบ
ไม่เปลี่ยนแปลง สมาชิกขว้างเก้าอี้ หัวหน้าพรรคก็แค่ตกใจ ก็ประธานสภา ไปกดดันสมาชิกเองนี่นา
ยังไงๆคุณอภิสิทธิ์ ก็ยังเป็น "เทพบุตรประชาธิปไตย"
เรา..หมายถึง ....คนเกลียดคุณทักษิณ... ก็ต้องร่วมมือกัน โค่นล้มระบอบทักษิณ ให้ได้ค่ะ
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปได้