เดือน ส.ค. เป็นเดือนที่นักลงทุนหลายคนเดือดร้อน ดัชนีหุ้นชั้นนำต่างๆ ในทวีปเอเชียลดลง 10-15% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (เดือน ส.ค.) โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากดัชนีหุ้นนิกเกอิมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 30% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ก็ไม่ได้แย่มากนักเมื่อคำนึงถึงข่าวร้าย|ที่ปรากฏรอบโลก โดย SET Index มีผลตอบแทนติดลบที่ 7% สำหรับ 8 เดือนแรกของปีนี้ ข่าวร้ายต่างๆ ที่ปรากฏรวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองทั้งในและนอกรัฐสภา ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นสำหรับคนชั้นกลาง เช่น ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าทางด่วน รวมถึงระดับของหนี้ครัวเรือนที่สูงเกือบ 80% ของ GDP โดยมีผลในการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ
การเทขายหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และความผันผวนของค่าเงินบาท เกิดขึ้นจากปัจจัยหลัก คือ ความกังวลที่เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย กำลังตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างรุนแรง (Recession) อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ผมเชื่อว่าเราจะเห็นความผันผวนต่อไปในตลาดหุ้นจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะฉะนั้นเราจะสามารถรับมือได้อย่างไรกับการผันผวนของตลาดประเภทนี้ ที่ผ่านมาความผันผวนของตลาดทำให้นักลงทุนส่วนมากตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ที่ไร้เหตุผล ผลที่ได้รับ คือ นักลงทุนมักจะซื้อแพง ขายถูก ซึ่งขึ้นอยู่กับความรู้สึกแทนที่จะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนที่ได้มีการพิสูจน์มาแล้ว นักลงทุนที่ฉลาดจะทราบว่า ภาวะตลาดตกต่ำและความผันผวนของตลาด จะเป็นช่วงโอกาสที่ดีในการซื้อ โดยการเพิ่มมูลค่าการลงทุนหลังช่วงตลาดตกต่ำ คุณจะได้รับประโยชน์จากราคาหุ้นที่ถูกลง กลยุทธ์นี้เรียกกันว่า Dollar Cost Averaging คุณไม่มีเหตุอะไรที่ต้องวิตกกังวลหากพอร์ตการลงทุนของคุณมีการกระจายการลงทุนที่ดีและคุณมีเป้าหมายที่จะลงทุนระยะยาว คุณควรจะเปลี่ยนสถานการณ์ให้เป็นโอกาสสำหรับคุณ ลองทำตัวสวนกระแสกับคนอื่นสักครั้ง ตามที่ Benjamin Graham นักลงทุนชื่อดัง เคยพูดไว้ว่า “นักลงทุนที่ฉลาด จะต้องมีความสามารถ/อำนาจจิต พอที่จะไม่ทำตามฝูงชน”
ในหนังสือชื่อดังของเขาสองเล่ม กล่าวคือ Security Analysis และ The Intelligent Investor เขาได้เขียนไว้ว่า ผู้ถือหุ้นควรจะนึกว่าตนเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ และไม่ควรจะวิตกกังวลเกี่ยวกับความแปรผันของราคาหุ้น นักลงทุนไม่ผิดและไม่ถูกหากคนอื่นเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเขา เขาทำถูกเพราะข้อมูลและการวิเคราะห์ของเขาถูกต้อง ในแต่ละวันที่มีการซื้อขาย นักลงทุนจะได้รับการเสนอราคาซื้อและราคาขายของหุ้นของเขา นักลงทุนมีอิสรภาพในการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับราคาหุ้นที่ได้รับการเสนอ นักลงทุนไม่ควรให้สถานะของตลาดเป็นตัวกำหนดมูลค่าของหุ้นของเขา เขาควรจะได้กำไรจากความผิดพลาดของตลาด แทนที่จะร่วมในความผิดพลาดดังกล่าว นักลงทุนจะได้ประโยชน์มากกว่าในการเฝ้าดูผลดำเนินการของบริษัทของเขา และรอรับเงินปันผล แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลของตลาด
โดย...ธีระ ภู่ตระกูล CFP นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย
http://www.posttoday.com/เศรษฐกิจ-หุ้น/กูรูลงทุน/244383/การรับมือต่อการผันผวนของตลาด
การรับมือต่อการผันผวนของตลาด
การเทขายหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และความผันผวนของค่าเงินบาท เกิดขึ้นจากปัจจัยหลัก คือ ความกังวลที่เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย กำลังตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างรุนแรง (Recession) อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ผมเชื่อว่าเราจะเห็นความผันผวนต่อไปในตลาดหุ้นจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะฉะนั้นเราจะสามารถรับมือได้อย่างไรกับการผันผวนของตลาดประเภทนี้ ที่ผ่านมาความผันผวนของตลาดทำให้นักลงทุนส่วนมากตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ที่ไร้เหตุผล ผลที่ได้รับ คือ นักลงทุนมักจะซื้อแพง ขายถูก ซึ่งขึ้นอยู่กับความรู้สึกแทนที่จะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนที่ได้มีการพิสูจน์มาแล้ว นักลงทุนที่ฉลาดจะทราบว่า ภาวะตลาดตกต่ำและความผันผวนของตลาด จะเป็นช่วงโอกาสที่ดีในการซื้อ โดยการเพิ่มมูลค่าการลงทุนหลังช่วงตลาดตกต่ำ คุณจะได้รับประโยชน์จากราคาหุ้นที่ถูกลง กลยุทธ์นี้เรียกกันว่า Dollar Cost Averaging คุณไม่มีเหตุอะไรที่ต้องวิตกกังวลหากพอร์ตการลงทุนของคุณมีการกระจายการลงทุนที่ดีและคุณมีเป้าหมายที่จะลงทุนระยะยาว คุณควรจะเปลี่ยนสถานการณ์ให้เป็นโอกาสสำหรับคุณ ลองทำตัวสวนกระแสกับคนอื่นสักครั้ง ตามที่ Benjamin Graham นักลงทุนชื่อดัง เคยพูดไว้ว่า “นักลงทุนที่ฉลาด จะต้องมีความสามารถ/อำนาจจิต พอที่จะไม่ทำตามฝูงชน”
ในหนังสือชื่อดังของเขาสองเล่ม กล่าวคือ Security Analysis และ The Intelligent Investor เขาได้เขียนไว้ว่า ผู้ถือหุ้นควรจะนึกว่าตนเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจ และไม่ควรจะวิตกกังวลเกี่ยวกับความแปรผันของราคาหุ้น นักลงทุนไม่ผิดและไม่ถูกหากคนอื่นเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเขา เขาทำถูกเพราะข้อมูลและการวิเคราะห์ของเขาถูกต้อง ในแต่ละวันที่มีการซื้อขาย นักลงทุนจะได้รับการเสนอราคาซื้อและราคาขายของหุ้นของเขา นักลงทุนมีอิสรภาพในการเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับราคาหุ้นที่ได้รับการเสนอ นักลงทุนไม่ควรให้สถานะของตลาดเป็นตัวกำหนดมูลค่าของหุ้นของเขา เขาควรจะได้กำไรจากความผิดพลาดของตลาด แทนที่จะร่วมในความผิดพลาดดังกล่าว นักลงทุนจะได้ประโยชน์มากกว่าในการเฝ้าดูผลดำเนินการของบริษัทของเขา และรอรับเงินปันผล แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลของตลาด
โดย...ธีระ ภู่ตระกูล CFP นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย
http://www.posttoday.com/เศรษฐกิจ-หุ้น/กูรูลงทุน/244383/การรับมือต่อการผันผวนของตลาด