สวัสดีค่ะ
pae_ya กลับมารีวิวที่เที่ยวอีกครั้ง จากปีที่แล้วที่ส่งกระทู้เที่ยวอเมริกา NY-DC (ถ้าใครยังจำได้ --- ไม่มีสินะ T^T)
ปีนี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่นั่นเป็นคนชวนและเป็นสปอนเซอร์ที่พักให้ด้วย (แล้วยังให้พาเที่ยวอีกต่างหาก 555)
ขออนุญาตเอาส่วนที่เขียนลงบล็อกมาลงแล้วกันนะคะ
ทริปนี้ เป็นทริปที่เราเสี้ยนเองค่ะ ฉันอยากเที่ยวเอง อะไรประมาณนั้น
พอดีว่าเรามีเพื่อนคนนึงสมัยเรียนเอแบค ได้ไปทำงานที่ดูไบแบบถูกกฎหมาย
นางก็ทำไปทำมาจน 4 ปีแล้วล่ะ จนใกล้จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว
ในวันเกิดของนาง เราได้บอกว่า "อยากไปเที่ยวกะแกอ่ะ"
แน่นอนว่า นางรับคำชวนและคุยกันคร่าวๆ เรียบร้อย แล้วมาคุยกันว่าจะระบุวันเมื่อไหร่ดี
เพื่อนแนะนำให้บินกับ Emirates Airlines จะได้ไม่เป็นปัญหาเวลาขอวีซ่า
(อ่านบล็อกขอวีซ่ากับทาง Emirates Airlines ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=piyoko-chan&month=01-07-2013&group=3&gblog=1 )
ตั๋วก็แพ๊งแพง แต่บินตรง แถมได้ทำวีซ่าอีก เออ ยอมก็ด่ะ - -
นางให้ไปพักกับนางค่ะ แลกกับการที่เรารับฝากของจากที่บ้านนาง (พวกของกิน ของใช้) หิ้วไปให้ถึงดูไบ
ซึ่งเราก็ไม่เป็นปัญหาเนอะ EK ให้นน.กระเป๋า 30 กก. กระเป๋าเราก็ออกจะใหญ่ ใส่ได้อยู่แล้ว
เอาเข้าจริงก็ไม่พอนะ ต้องเอา carry on bag ไปอีกใบ ก็หิ้วกันไป บ่หยั่น
สุดท้าย เราลงตัวกับวันที่ 7-11 สิงหาคม เพราะนางให้ไปช่วงเทศกาล EID (ประมาณปีใหม่/ตรุษจีนบ้านเรา)
นางจะได้ลาหยุดแล้วพาเราเที่ยวให้เต็มๆ แล้วก็จองที่เที่ยวให้เรียบร้อยเลยด้วย
เมื่อถึงเวลา เราก็เดินทางด้วยใจระทึกค่ะ ไปตะวันออกกลางครั้งแรก นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอะไรเป็นยังไง
วันที่เราไปกำลังมีกิจกรรมทางการเมืองกันค่ะ ด้วยการปิดถนน 17 สายกลางเมือง เราก็ระทึกว่าจะไปสนามบินทันไหมหนอ...
พ่อบอกว่าให้ไปตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ไฟลทบ่าย 3 ครึ่ง) ซึ่งก็รถติดมากจริงๆ แถวๆ พระประแดง ติดตรงด่านทางด่วน - -"
สรุป เราไปถึงสนามบินตอน 11 โมงค่ะ มาเร็วดีกว่ามาช้าอ่ะน้า
เราเดินไปดูเค้าเตอร์เช็คอิน EK และไปหาอะไรกินแล้วค่อยมาเช็คอินทีหลังค่ะ เช็คอินราวๆ เที่ยงเศษ กรอกใบ ตม. รับเอกสารเรียบร้อย
ตอนเช็คอิน สำคัญมากคือ เราต้องมีวีซ่า (ไอ้ใบกระดาษที่เราได้มานั่นแหล่ะ) มิฉะนั้นจะเช็คอินไม่ได้ค่ะ
พอเค้าคีย์ข้อมูลของเราแล้ว ไฟลทขาไป-ขากลับจะโชว์ขึ้นมาเลย แต่ถ้าใครไม่มีไฟลทขากลับ เค้าอาจจะโน้ตเอาไว้เล็กๆ เป็น notice ค่ะ
ส่วนเราไม่มีปัญหานะ เช็คอินนานนิดนึง แต่พอจบแล้วก็สบายค่ะ
เราก็ลาพ่อที่ตรงนั้น แล้วก็เข้าไปลั่นล๊าข้างในต่อไป
เข้าไปนั่งเล่นใน King Power Lounge ค่ะ
ยาจกอย่างเราไม่มีปัญญาเข้าเล้าน์ดังๆ ได้ ก็ต้องใช้ตัวช่วยแบบนี้ไป :3
(เผื่อใครไม่ทราบ สมาชิกคิงพาวเวอร์สามารถเข้าไปใช้บริการได้ทุกคนนะคะ โดยเล้าจ์อยู่ที่ Concouse A สุดทางสุดซอย)
นั่งจนบ่ายสองกว่า ก็ใกล้ได้เวลา Boarding ค่ะ ซึ่ง...เกทของเราอยู่ที่... E3
(เอ็งว่างมากเลย เดินจาก A ไป E เนี่ย คนละฝั่งเลยแกเอ้ยยยยยย)
เห็นแล้ว เครื่องบิน A330 ที่จะพาเราไปดูไบ...
เกท E3 จ้า (มันว่างมากจริงๆ จาก A ไป E อีกฝั่งได้เนี่ย)
ดูที่หน้าเกทจะมีผู้หญิงคลุมผ้าสีดำนะคะ คนนั้นจะเป็นคนเช็คพาสปอร์ต boarding pass เราอีกครั้งค่ะ
เข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่อง บอกตรงๆ ว่าเรางงค่ะ นึกว่าจะมีแต่แขกเยอะๆ กลับกลายเป็นว่า มีแต่ฝรั่งผมทองเต็มไปหมด และเครื่องก็ไม่เต็มด้วย
ทราบมาว่า ช่วงนี้แขกอาหรับหนีเที่ยวค่ะ เป็นช่วง EID พอดี แถมไม่มีใครไปทะเลทรายช่วงนี้ด้วย เพราะมันร้อนพีคมากจริงๆ 40 กว่าองศา
(บอกแล้วว่าเสี้ยน - -)
ข้างๆ เป็น Egypt Air จะไปไหนน้อ...
นั่งสักพัก แอร์เดินมาแจกเมนูอาหาร
ที่บอกว่า Instant cup noodles นั่นน่ะ มีจริงๆ นะ คือบิน 6 ชม. เสิร์ฟอาหารมื้อเดียว ถ้าหิว ขอบะหมี่ถ้วยได้ค่ะ เป็นฮาลาลด้วยนะ รสผักหรืออะไรสักอย่าง (ไม่ทันขอ มาหิวอีกทีตอนเครื่องจะแลนดิ้งละ - -)
เครื่องดีเลย์โดยไม่ทราบสาเหตุ (จริงๆ คือฟังไม่ทัน กัปตันพูดรัวมาก)
แอร์และสจ๊วตเอาน้ำมาเสิร์ฟค่ะ แหม แก้วสวยเนอะ ชอบๆ
รอสักพัก เครื่องก็ taxi แล้วก็ take-off ค่ะ ตัดมาที่มื้ออาหารดีกว่า
บอกตรงๆ ว่าอร่อยไม่แพ้ที่เค้าคุยไว้เลย
เราสั่ง chicken with herb sauce ค่ะ
เป็นชิ้นไก่สะโพก (คิดว่า) อร่อยดีค่ะ กินกับมันฝรั่ง+แครอทนึ่ง มันเลิศนะ
ด้านบนจากซ้ายไปขวา เป็ดอบน้ำผึ้ง(ไม่อร่อย) panna cotta กลิ่นตะไคร้ (อะไรวะ เอาตะไคร้มาทำขนม มันไม่ใช่อ่ะเธอ...) น้ำเปล่า
ในถาดทางซ้ายมือ เป็นแครกเกอร์ เนย ชีส (สามเหลี่ยม) แล้วก็ช็อกโกแลต ค่ะ
ไฮไลท์สำหรับเรา นอกจากไก่ที่เป็น main dish แล้ว
แครกเกอร์บ้านเรา กับ Matterhorn Greek Cheese มันสุดยอดจริงๆ เป็นครั้งแรกที่กินชีสกับแครกเกอร์แบบนี้
ใครไม่กิน เอามาให้ข้อยเด้.....ชอบมากเลย <3
***ใครขึ้น EK แนะนำว่าไม่ควรสั่งน้ำส้มนะคะ มันเป็นน้ำส้มสังเคราะห์ที่ขมเอามากๆ น้ำส้มการบินไทย/น้ำส้มกล่องบ้านเรากลายเป็นสวรรค์ไปเลย***
ระหว่างนี้พยายามหาหนังดู แต่มันไม่เวิร์คค่ะ จอเก่า ระบบเก่าจริงจัง - -"
ทนไม่ไหว ต้องเอา iphone มาเปิดเพลงฟังแทน
วิวสวยนะคะ หลังปีก เห็นสัญลักษณ์ของสายการบินพอดีเลย
พอเข้าเขตตะวันออกกลาง วิวเริ่มเปลี่ยนค่ะ กลายเป็นสีน้ำตาลขุ่นๆ
แวะเซิ้งแถวโอมานสักนิดก่อน landing ที่สนามบินดูไบ
เราว่าคนที่นี่ค่อนข้างชิลค่ะ ชิลจนเรางง (หรือเราใจร้อนไป??)
ตอน landing อย่างว่าค่ะ เลทไป 45 นาที ถ้าเป็นสายการบินอื่นเค้าคงพยายามเร่งความเร็วเพื่อให้ไปถึงตรงตามเวลานะ
แต่ที่นี่ เลทแล้วเลทเลยจ้า - -" เราต้องไปถึงตามกำหนด 6.30 pm
ก็ไปถึง 7.15 pm นะ เลทแค่นี้จิ๊บๆ จ้า เพราะพอไปถึงหลุมจอด แกกลับมีปัญหากับบันไดเทียบเครื่อง!!! แกบอกว่าสื่อสารผิดพลาด เลยทำให้ช้า ให้รอแป๊บนุงนะ (ทุกคนกลับไปนั่งที่ตัวเอง)
จนเพื่อนโทรมาตาม บอกว่าจะมาเลทหน่อย (ไม่เป็นไร ฉันก็เลททททท T T ยังไม่ได้ลงจากเครื่องเลย)
สักแป๊บพอได้ลง ขึ้นรถบัสไปอีก เราได้ขึ้นคันหลัง รออยู่ราวๆ 10 นาทีกว่าแกจะออกตัว
สนามบินที่นี่ก็ทั้งใหญ่ทั้งกว้าง ขับรถตั้งนานไม่ถึงสักที อะไรวะ - -"
มาถึงด่าน ตม. แถวยาวมากค่ะคุณ...ยาวทุกแถว แต่ถึงแถวจะยาว ก็ไม่ช้าค่ะ เพราะเค้าเรียกเป็นกรุ๊ปเข้าไปเช็คพาสปอร์ต
อย่างครอบครัวก็เข้าไปทั้งกลุ่ม เพื่อนก็ไปด้วยกันหมด
ส่วนเรารึ... มาคนเดียวจ้า โดนพี่แขกถามนู่นนี่ด้วย แกหน้านิ่งมากนะ แต่ชวนคุยเล่น - -"
(ยูมาจากไหน bangkok เหรอ/ใช่ บางกอกๆ/ยูมาครั้งแรกเหรอ/ใช่จ้า/มองกล้องตรงนี้นะ(ชี้ไปข้างหลัง)/โอเค แต๊งกิ้ว บายๆ)
มารู้ทีหลังว่าคนที่นี่ชอบคนไทยมาก ไปเที่ยวเมืองไทยกันบ่อยเชียว แต่ไม่ยิ้มเล่นหัวก็เท่านั้นเอง
กะว่าจะรับกระเป๋า ก็ต้องสแกนกระเป๋าสัมภารกอีกกกกกกกกกกก orz
วิบากกรรมยังไม่จบนะจ้ะ ต้องเดินไปรับกระเป๋าที่ belt อีกกกกกกกกกกกกกก ไกลไปไหนคะเพ่น้องงงงงงง
กว่าจะได้กระเป๋า กว่าจะออกมา T T มองหาเพื่อน เพื่อนอยู่ร้าน Tacos ดีใจนะ
เพื่อนพาขึ้น Lady Taxi ค่ะ นางว่ามีที่เดียวในโลก เป็นแท็กซี่คาดสีชมพูที่มีเฉพาะจุด เน้นสนามบินเป็นหลัก
เพื่อนบอกว่า คนที่นี่จะให้เกียรติผู้หญิงที่คลุมอาบาย่าเป็นพิเศษ เรียกว่าเน้นเป็นพิเศษจริงๆ
(อิฉันไป ไม่มีใครมองเลยค่ะ พนักงานต้อนรับแทบไม่สนใจ)
คืนแรก หลังเก็บข้าวของแล้ว เราลงมากินข้าวกันที่ร้านอาหารจีนแถวๆ อพาร์ตเม้นต์ค่ะ (Al Nahda)
รสชาติพอถูไถ แต่ข้าวเม็ดเล็กๆ ฟีบๆ เหมือนข้าวขาดน้ำ เพื่อนบอกเป็นข้าวอินเดีย (หรอวะ)
จบคืนแรกไป
ต่อที่คห.ถัดไปนะคะ
[CR] [CR] ทริปดูไบ 7-11 สิงหาคม 2556 :: กิน เที่ยว เปรี้ยว ช้อปปิ้ง!! EP.1 "in Dubai"
pae_ya กลับมารีวิวที่เที่ยวอีกครั้ง จากปีที่แล้วที่ส่งกระทู้เที่ยวอเมริกา NY-DC (ถ้าใครยังจำได้ --- ไม่มีสินะ T^T)
ปีนี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่นั่นเป็นคนชวนและเป็นสปอนเซอร์ที่พักให้ด้วย (แล้วยังให้พาเที่ยวอีกต่างหาก 555)
ขออนุญาตเอาส่วนที่เขียนลงบล็อกมาลงแล้วกันนะคะ
ทริปนี้ เป็นทริปที่เราเสี้ยนเองค่ะ ฉันอยากเที่ยวเอง อะไรประมาณนั้น
พอดีว่าเรามีเพื่อนคนนึงสมัยเรียนเอแบค ได้ไปทำงานที่ดูไบแบบถูกกฎหมาย
นางก็ทำไปทำมาจน 4 ปีแล้วล่ะ จนใกล้จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว
ในวันเกิดของนาง เราได้บอกว่า "อยากไปเที่ยวกะแกอ่ะ"
แน่นอนว่า นางรับคำชวนและคุยกันคร่าวๆ เรียบร้อย แล้วมาคุยกันว่าจะระบุวันเมื่อไหร่ดี
เพื่อนแนะนำให้บินกับ Emirates Airlines จะได้ไม่เป็นปัญหาเวลาขอวีซ่า
(อ่านบล็อกขอวีซ่ากับทาง Emirates Airlines ได้ที่นี่ค่ะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=piyoko-chan&month=01-07-2013&group=3&gblog=1 )
ตั๋วก็แพ๊งแพง แต่บินตรง แถมได้ทำวีซ่าอีก เออ ยอมก็ด่ะ - -
นางให้ไปพักกับนางค่ะ แลกกับการที่เรารับฝากของจากที่บ้านนาง (พวกของกิน ของใช้) หิ้วไปให้ถึงดูไบ
ซึ่งเราก็ไม่เป็นปัญหาเนอะ EK ให้นน.กระเป๋า 30 กก. กระเป๋าเราก็ออกจะใหญ่ ใส่ได้อยู่แล้ว
เอาเข้าจริงก็ไม่พอนะ ต้องเอา carry on bag ไปอีกใบ ก็หิ้วกันไป บ่หยั่น
สุดท้าย เราลงตัวกับวันที่ 7-11 สิงหาคม เพราะนางให้ไปช่วงเทศกาล EID (ประมาณปีใหม่/ตรุษจีนบ้านเรา)
นางจะได้ลาหยุดแล้วพาเราเที่ยวให้เต็มๆ แล้วก็จองที่เที่ยวให้เรียบร้อยเลยด้วย
เมื่อถึงเวลา เราก็เดินทางด้วยใจระทึกค่ะ ไปตะวันออกกลางครั้งแรก นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอะไรเป็นยังไง
วันที่เราไปกำลังมีกิจกรรมทางการเมืองกันค่ะ ด้วยการปิดถนน 17 สายกลางเมือง เราก็ระทึกว่าจะไปสนามบินทันไหมหนอ...
พ่อบอกว่าให้ไปตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ไฟลทบ่าย 3 ครึ่ง) ซึ่งก็รถติดมากจริงๆ แถวๆ พระประแดง ติดตรงด่านทางด่วน - -"
สรุป เราไปถึงสนามบินตอน 11 โมงค่ะ มาเร็วดีกว่ามาช้าอ่ะน้า
เราเดินไปดูเค้าเตอร์เช็คอิน EK และไปหาอะไรกินแล้วค่อยมาเช็คอินทีหลังค่ะ เช็คอินราวๆ เที่ยงเศษ กรอกใบ ตม. รับเอกสารเรียบร้อย
ตอนเช็คอิน สำคัญมากคือ เราต้องมีวีซ่า (ไอ้ใบกระดาษที่เราได้มานั่นแหล่ะ) มิฉะนั้นจะเช็คอินไม่ได้ค่ะ
พอเค้าคีย์ข้อมูลของเราแล้ว ไฟลทขาไป-ขากลับจะโชว์ขึ้นมาเลย แต่ถ้าใครไม่มีไฟลทขากลับ เค้าอาจจะโน้ตเอาไว้เล็กๆ เป็น notice ค่ะ
ส่วนเราไม่มีปัญหานะ เช็คอินนานนิดนึง แต่พอจบแล้วก็สบายค่ะ
เราก็ลาพ่อที่ตรงนั้น แล้วก็เข้าไปลั่นล๊าข้างในต่อไป
เข้าไปนั่งเล่นใน King Power Lounge ค่ะ
ยาจกอย่างเราไม่มีปัญญาเข้าเล้าน์ดังๆ ได้ ก็ต้องใช้ตัวช่วยแบบนี้ไป :3
(เผื่อใครไม่ทราบ สมาชิกคิงพาวเวอร์สามารถเข้าไปใช้บริการได้ทุกคนนะคะ โดยเล้าจ์อยู่ที่ Concouse A สุดทางสุดซอย)
นั่งจนบ่ายสองกว่า ก็ใกล้ได้เวลา Boarding ค่ะ ซึ่ง...เกทของเราอยู่ที่... E3
(เอ็งว่างมากเลย เดินจาก A ไป E เนี่ย คนละฝั่งเลยแกเอ้ยยยยยย)
เห็นแล้ว เครื่องบิน A330 ที่จะพาเราไปดูไบ...
เกท E3 จ้า (มันว่างมากจริงๆ จาก A ไป E อีกฝั่งได้เนี่ย)
ดูที่หน้าเกทจะมีผู้หญิงคลุมผ้าสีดำนะคะ คนนั้นจะเป็นคนเช็คพาสปอร์ต boarding pass เราอีกครั้งค่ะ
เข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่อง บอกตรงๆ ว่าเรางงค่ะ นึกว่าจะมีแต่แขกเยอะๆ กลับกลายเป็นว่า มีแต่ฝรั่งผมทองเต็มไปหมด และเครื่องก็ไม่เต็มด้วย
ทราบมาว่า ช่วงนี้แขกอาหรับหนีเที่ยวค่ะ เป็นช่วง EID พอดี แถมไม่มีใครไปทะเลทรายช่วงนี้ด้วย เพราะมันร้อนพีคมากจริงๆ 40 กว่าองศา
(บอกแล้วว่าเสี้ยน - -)
ข้างๆ เป็น Egypt Air จะไปไหนน้อ...
นั่งสักพัก แอร์เดินมาแจกเมนูอาหาร
ที่บอกว่า Instant cup noodles นั่นน่ะ มีจริงๆ นะ คือบิน 6 ชม. เสิร์ฟอาหารมื้อเดียว ถ้าหิว ขอบะหมี่ถ้วยได้ค่ะ เป็นฮาลาลด้วยนะ รสผักหรืออะไรสักอย่าง (ไม่ทันขอ มาหิวอีกทีตอนเครื่องจะแลนดิ้งละ - -)
เครื่องดีเลย์โดยไม่ทราบสาเหตุ (จริงๆ คือฟังไม่ทัน กัปตันพูดรัวมาก)
แอร์และสจ๊วตเอาน้ำมาเสิร์ฟค่ะ แหม แก้วสวยเนอะ ชอบๆ
รอสักพัก เครื่องก็ taxi แล้วก็ take-off ค่ะ ตัดมาที่มื้ออาหารดีกว่า
บอกตรงๆ ว่าอร่อยไม่แพ้ที่เค้าคุยไว้เลย
เราสั่ง chicken with herb sauce ค่ะ
เป็นชิ้นไก่สะโพก (คิดว่า) อร่อยดีค่ะ กินกับมันฝรั่ง+แครอทนึ่ง มันเลิศนะ
ด้านบนจากซ้ายไปขวา เป็ดอบน้ำผึ้ง(ไม่อร่อย) panna cotta กลิ่นตะไคร้ (อะไรวะ เอาตะไคร้มาทำขนม มันไม่ใช่อ่ะเธอ...) น้ำเปล่า
ในถาดทางซ้ายมือ เป็นแครกเกอร์ เนย ชีส (สามเหลี่ยม) แล้วก็ช็อกโกแลต ค่ะ
ไฮไลท์สำหรับเรา นอกจากไก่ที่เป็น main dish แล้ว
แครกเกอร์บ้านเรา กับ Matterhorn Greek Cheese มันสุดยอดจริงๆ เป็นครั้งแรกที่กินชีสกับแครกเกอร์แบบนี้
ใครไม่กิน เอามาให้ข้อยเด้.....ชอบมากเลย <3
***ใครขึ้น EK แนะนำว่าไม่ควรสั่งน้ำส้มนะคะ มันเป็นน้ำส้มสังเคราะห์ที่ขมเอามากๆ น้ำส้มการบินไทย/น้ำส้มกล่องบ้านเรากลายเป็นสวรรค์ไปเลย***
ระหว่างนี้พยายามหาหนังดู แต่มันไม่เวิร์คค่ะ จอเก่า ระบบเก่าจริงจัง - -"
ทนไม่ไหว ต้องเอา iphone มาเปิดเพลงฟังแทน
วิวสวยนะคะ หลังปีก เห็นสัญลักษณ์ของสายการบินพอดีเลย
พอเข้าเขตตะวันออกกลาง วิวเริ่มเปลี่ยนค่ะ กลายเป็นสีน้ำตาลขุ่นๆ
แวะเซิ้งแถวโอมานสักนิดก่อน landing ที่สนามบินดูไบ
เราว่าคนที่นี่ค่อนข้างชิลค่ะ ชิลจนเรางง (หรือเราใจร้อนไป??)
ตอน landing อย่างว่าค่ะ เลทไป 45 นาที ถ้าเป็นสายการบินอื่นเค้าคงพยายามเร่งความเร็วเพื่อให้ไปถึงตรงตามเวลานะ
แต่ที่นี่ เลทแล้วเลทเลยจ้า - -" เราต้องไปถึงตามกำหนด 6.30 pm
ก็ไปถึง 7.15 pm นะ เลทแค่นี้จิ๊บๆ จ้า เพราะพอไปถึงหลุมจอด แกกลับมีปัญหากับบันไดเทียบเครื่อง!!! แกบอกว่าสื่อสารผิดพลาด เลยทำให้ช้า ให้รอแป๊บนุงนะ (ทุกคนกลับไปนั่งที่ตัวเอง)
จนเพื่อนโทรมาตาม บอกว่าจะมาเลทหน่อย (ไม่เป็นไร ฉันก็เลททททท T T ยังไม่ได้ลงจากเครื่องเลย)
สักแป๊บพอได้ลง ขึ้นรถบัสไปอีก เราได้ขึ้นคันหลัง รออยู่ราวๆ 10 นาทีกว่าแกจะออกตัว
สนามบินที่นี่ก็ทั้งใหญ่ทั้งกว้าง ขับรถตั้งนานไม่ถึงสักที อะไรวะ - -"
มาถึงด่าน ตม. แถวยาวมากค่ะคุณ...ยาวทุกแถว แต่ถึงแถวจะยาว ก็ไม่ช้าค่ะ เพราะเค้าเรียกเป็นกรุ๊ปเข้าไปเช็คพาสปอร์ต
อย่างครอบครัวก็เข้าไปทั้งกลุ่ม เพื่อนก็ไปด้วยกันหมด
ส่วนเรารึ... มาคนเดียวจ้า โดนพี่แขกถามนู่นนี่ด้วย แกหน้านิ่งมากนะ แต่ชวนคุยเล่น - -"
(ยูมาจากไหน bangkok เหรอ/ใช่ บางกอกๆ/ยูมาครั้งแรกเหรอ/ใช่จ้า/มองกล้องตรงนี้นะ(ชี้ไปข้างหลัง)/โอเค แต๊งกิ้ว บายๆ)
มารู้ทีหลังว่าคนที่นี่ชอบคนไทยมาก ไปเที่ยวเมืองไทยกันบ่อยเชียว แต่ไม่ยิ้มเล่นหัวก็เท่านั้นเอง
กะว่าจะรับกระเป๋า ก็ต้องสแกนกระเป๋าสัมภารกอีกกกกกกกกกกก orz
วิบากกรรมยังไม่จบนะจ้ะ ต้องเดินไปรับกระเป๋าที่ belt อีกกกกกกกกกกกกกก ไกลไปไหนคะเพ่น้องงงงงงง
กว่าจะได้กระเป๋า กว่าจะออกมา T T มองหาเพื่อน เพื่อนอยู่ร้าน Tacos ดีใจนะ
เพื่อนพาขึ้น Lady Taxi ค่ะ นางว่ามีที่เดียวในโลก เป็นแท็กซี่คาดสีชมพูที่มีเฉพาะจุด เน้นสนามบินเป็นหลัก
เพื่อนบอกว่า คนที่นี่จะให้เกียรติผู้หญิงที่คลุมอาบาย่าเป็นพิเศษ เรียกว่าเน้นเป็นพิเศษจริงๆ
(อิฉันไป ไม่มีใครมองเลยค่ะ พนักงานต้อนรับแทบไม่สนใจ)
คืนแรก หลังเก็บข้าวของแล้ว เราลงมากินข้าวกันที่ร้านอาหารจีนแถวๆ อพาร์ตเม้นต์ค่ะ (Al Nahda)
รสชาติพอถูไถ แต่ข้าวเม็ดเล็กๆ ฟีบๆ เหมือนข้าวขาดน้ำ เพื่อนบอกเป็นข้าวอินเดีย (หรอวะ)
จบคืนแรกไป
ต่อที่คห.ถัดไปนะคะ