ด้วยบรรยากาศที่เป็นใจ ทั้งโดนหัวหน้าด่า ทั้งโดนงานรุมเร้า ทั้งฝนตกรถติดเหล่านี้
จขกท. จึงอยากหนีความเป็นจริง ไปสงบจิตสงบใจ ในโรงหนัง และเลือก The Conjuring มาเสริมกำลังใจชีวิต (ช่วยหรือเปล่าล่ะนั่น??)
หลังจากที่ห่างเหินกับหนังผีมาพักใหญ่ๆ เพราะเรื่องล่าสุดราวๆ 4-5 เดือนก่อน ที่ดูก็ไม่ตื่นเต้นอะไรมากมาย
เริ่มซื้อตั๋วเดินเข้าโรงหนัง วินาทีที่ก้าวเข้าไปก็เงียบกริบ (ทั้งๆที่มาดูเรื่องอื่นมีเปิดเพลงคลอก่อนเริ่มโฆษณา) เพิ่มฟีลลิ่งกันน่าดู
ซักพักจนเริ่มฉายมหกรรมสปอนเซอร์ คนจึงทยอยๆกันเข้ามาราวๆ ครึ่งโรงเห็นจะได้ เลยไม่กล้ากรี๊ดแตกกันทีเดียว
และแล้วหนังก็เริ่มฉาย...
The Conjuring แปลเป็นภาษาไทยให้เข้ากับหนัง คงจะราวๆ "ผู้ร่ายเวทย์มนต์ หรือผู้ชักจูงหรือโน้มน้าว ผู้อื่นก็ได้"
เนื้อเรื่องตัวหนัง เดาได้ไม่ยาก ยิ่งมีการโปรยว่า สร้างจากเรื่องจริง คงหนีไม่พ้น พล็อตสุดฮิต ของหนังผีตะวันตก
นั่นก็คือ ครอบครัวหนึ่ง ย้ายเข้าบ้านใหม่ ยินดีปรีดากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ทันใดนั้นเจอสิ่งแปลกๆ สุดท้ายติดต่อหาคนช่วย
เรื่องนี้ก็เช่นกัน จากตัวอย่างภาพยนตร์ ก็คงเดาได้อยู่แล้ว ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร หรือพอจะหักมุมได้แบบใด
จขกท. ก็ว่ากันไป เห็นรีวิวหลายๆคนบอกว่า ก็เป็นหนังผีที่ดีกว่าหลายๆเรื่อง แต่ก็ดูอย่างไม่คาดหวัง
ว่าแล้วก็การเดินเรื่องก็ตามสูตรเป๊ะ แต่ที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจและแตกต่างจากเรื่องอื่น คือ การเล่าเรื่องผ่านสองมุมมอง
สองครอบครัวที่ว่า คือ ครอบครัวที่ถูกสิ่งลี้ลับเหล่านั้นก่อกวน และ ครอบครัวของผู้ขจัดสิ่งลี้ลับเหล่านั้น
หนังผีปกติ จะเน้นแค่ความน่ากลัวและความรู้สึกผ่านมุมมองของครอบครัวแรก
แต่ The Conjuring เพิ่มมุมมองของครอบครัวที่สองเข้ามา เพื่อเพิ่มมิติดราม่าให้เข้าตัวบท
ดูผิวเผิน เราๆอาจจะเห็นใจและเอาใจช่วยครอบครัวที่ถูกผีร้ายตามรังควาญ
แต่เรื่องนี้ จขกท. กลับเห็นใจ 2 สามีภรรยาคู่หูปราบปีศาจเช่นกันว่า การทำงานแบบนี้ไม่ง่ายเลย ต้องมีการผ่านการอนุมัติที่ใช้เวลา
หรือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ภรรยาเป็นพรสวรรค์สำหรับช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ต้องเสี่ยงมากกว่าคนอื่นเช่นกัน
(ประเด็นนี้ทำให้ จขกท. แอบคาดหวัง ฉากจบแบบ Bad Ending อยู่เหมือนกัน 555+)
จุดที่ 2 ที่ประทับใจ คงเป็นเรื่องดีกรีความหลอนแบบปกติ แต่ยังลุ้นได้
ทั้งๆที่ตัวอย่างหนังก็เปรยมาหมด คนดูอย่างเราๆ ก็เดาทางออกหมด แต่บทหนัง ลำดับภาพ ซาวด์ประกอบ
ทุกอย่างเร้าอารมณ์ใช้ได้ พอให้ลุ้นไปพร้อมกับตัวละคร ก็ขนาดไอ้มุขเล่นซ่อนหาเนี่ย ก็ยังพาลุ้นได้ แถมเพิ่มลูกเล่นใหม่
เพิ่มความหลอนเข้าไปอีก (ลองจินตนาการดูว่า ถ้าต้องไปเล่นอย่างนั้นบ้าง คงจุดไฟเผาบ้านไปแล้ว)
แต่ทว่า...
จขกท. เห็นว่ามีหลายประเด็นที่ตัวบทสามารถไปต่อได้ อย่างเช่น เรื่องวัตถุสื่อกลาง (โดนหลอกเข้าเต็มๆจากโป๊สเตอร์)
เรื่องวิญญาณลูกกระจ๊อกที่ถูกล่อลวงมา สิ่งที่เหมือนกันของสองครอบครัว ประเด็นเหล่านี้ถ้าหาข้อสรุปให้ลงตัว คงจะดีไม่ใช่น้อย
The Conjuring หรือ ผู้ร่ายมนต์ ตั้งชื่อมาแบบนี้ จขกท. ก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าหมายถึงใคร
บิ๊กบอสของวิญญาณชั่วร้าย? พระเอกนักสืบวิญญาณ? นางเอกผู้มีจิตสัมผัส? เอาเข้าจริงๆก็เป็นไปได้หมด
ทั้ง 3 ตัวละคร ก็ร่ายมนต์ ให้กับตัวเรื่อง แม่มดร่ายคำสาปบนที่ดิน พระเอกต้องร่ายมนต์ขับไล่วิญญาณชั่วร่าย
และนางเอกก็ร่ายมนต์เพื่อช่วยให้ต่อสู้กับปีศาจร้ายผ่านความทรงจำของผู้ถูกสิง (ฉากนี้ทั้งโรงเงียบกริบ จนถึงจบพิธี เอาคนดูอยู่สนิท)
สุดท้าย The Conjuring จบแบบที่สูตรสำเร็จวาดมา ส่วนตัวยังมีช่องให้พลิกฉากจบได้ แต่ผกก.เลือกทางนี้
คงเพราะหนึ่งในประเด็นของหนังคือ เรื่องความเข้มแข็งของจิตใจมนุษย์เอง
ทั้งสองครอบครัว มีสิ่งที่เรียกว่า "ครอบครัว" อยู่ เป็นสิ่งคำจุ้นจิตใจ จึงผ่านวิกฤต ตรงนั้นไปได้
สรุปคะแนน 7.5/10
ที่หักไป 2.5 เพราะ 1. เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จ 2. เดาทิศทางจังหวะออกได้หมด
3. มีประเด็นให้เล่นต่อแต่ไปไม่สุด 4. ชื่อไทย นี่ยังหาเหตุผลมารับไม่ได้ว่าใครเป็นคนเรียกฟระ
ใครชอบเรื่องนี้บ้างขอให้ยกมือขึ้น
มือใหม่รีวิวหนัง - The Conjuring ตีแผ่ชีวิต 2 ครอบครัว (Spoil แน่นอน)
จขกท. จึงอยากหนีความเป็นจริง ไปสงบจิตสงบใจ ในโรงหนัง และเลือก The Conjuring มาเสริมกำลังใจชีวิต (ช่วยหรือเปล่าล่ะนั่น??)
หลังจากที่ห่างเหินกับหนังผีมาพักใหญ่ๆ เพราะเรื่องล่าสุดราวๆ 4-5 เดือนก่อน ที่ดูก็ไม่ตื่นเต้นอะไรมากมาย
เริ่มซื้อตั๋วเดินเข้าโรงหนัง วินาทีที่ก้าวเข้าไปก็เงียบกริบ (ทั้งๆที่มาดูเรื่องอื่นมีเปิดเพลงคลอก่อนเริ่มโฆษณา) เพิ่มฟีลลิ่งกันน่าดู
ซักพักจนเริ่มฉายมหกรรมสปอนเซอร์ คนจึงทยอยๆกันเข้ามาราวๆ ครึ่งโรงเห็นจะได้ เลยไม่กล้ากรี๊ดแตกกันทีเดียว
และแล้วหนังก็เริ่มฉาย...
The Conjuring แปลเป็นภาษาไทยให้เข้ากับหนัง คงจะราวๆ "ผู้ร่ายเวทย์มนต์ หรือผู้ชักจูงหรือโน้มน้าว ผู้อื่นก็ได้"
เนื้อเรื่องตัวหนัง เดาได้ไม่ยาก ยิ่งมีการโปรยว่า สร้างจากเรื่องจริง คงหนีไม่พ้น พล็อตสุดฮิต ของหนังผีตะวันตก
นั่นก็คือ ครอบครัวหนึ่ง ย้ายเข้าบ้านใหม่ ยินดีปรีดากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ทันใดนั้นเจอสิ่งแปลกๆ สุดท้ายติดต่อหาคนช่วย
เรื่องนี้ก็เช่นกัน จากตัวอย่างภาพยนตร์ ก็คงเดาได้อยู่แล้ว ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร หรือพอจะหักมุมได้แบบใด
จขกท. ก็ว่ากันไป เห็นรีวิวหลายๆคนบอกว่า ก็เป็นหนังผีที่ดีกว่าหลายๆเรื่อง แต่ก็ดูอย่างไม่คาดหวัง
ว่าแล้วก็การเดินเรื่องก็ตามสูตรเป๊ะ แต่ที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจและแตกต่างจากเรื่องอื่น คือ การเล่าเรื่องผ่านสองมุมมอง
สองครอบครัวที่ว่า คือ ครอบครัวที่ถูกสิ่งลี้ลับเหล่านั้นก่อกวน และ ครอบครัวของผู้ขจัดสิ่งลี้ลับเหล่านั้น
หนังผีปกติ จะเน้นแค่ความน่ากลัวและความรู้สึกผ่านมุมมองของครอบครัวแรก
แต่ The Conjuring เพิ่มมุมมองของครอบครัวที่สองเข้ามา เพื่อเพิ่มมิติดราม่าให้เข้าตัวบท
ดูผิวเผิน เราๆอาจจะเห็นใจและเอาใจช่วยครอบครัวที่ถูกผีร้ายตามรังควาญ
แต่เรื่องนี้ จขกท. กลับเห็นใจ 2 สามีภรรยาคู่หูปราบปีศาจเช่นกันว่า การทำงานแบบนี้ไม่ง่ายเลย ต้องมีการผ่านการอนุมัติที่ใช้เวลา
หรือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ภรรยาเป็นพรสวรรค์สำหรับช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ต้องเสี่ยงมากกว่าคนอื่นเช่นกัน
(ประเด็นนี้ทำให้ จขกท. แอบคาดหวัง ฉากจบแบบ Bad Ending อยู่เหมือนกัน 555+)
จุดที่ 2 ที่ประทับใจ คงเป็นเรื่องดีกรีความหลอนแบบปกติ แต่ยังลุ้นได้
ทั้งๆที่ตัวอย่างหนังก็เปรยมาหมด คนดูอย่างเราๆ ก็เดาทางออกหมด แต่บทหนัง ลำดับภาพ ซาวด์ประกอบ
ทุกอย่างเร้าอารมณ์ใช้ได้ พอให้ลุ้นไปพร้อมกับตัวละคร ก็ขนาดไอ้มุขเล่นซ่อนหาเนี่ย ก็ยังพาลุ้นได้ แถมเพิ่มลูกเล่นใหม่
เพิ่มความหลอนเข้าไปอีก (ลองจินตนาการดูว่า ถ้าต้องไปเล่นอย่างนั้นบ้าง คงจุดไฟเผาบ้านไปแล้ว)
แต่ทว่า...
จขกท. เห็นว่ามีหลายประเด็นที่ตัวบทสามารถไปต่อได้ อย่างเช่น เรื่องวัตถุสื่อกลาง (โดนหลอกเข้าเต็มๆจากโป๊สเตอร์)
เรื่องวิญญาณลูกกระจ๊อกที่ถูกล่อลวงมา สิ่งที่เหมือนกันของสองครอบครัว ประเด็นเหล่านี้ถ้าหาข้อสรุปให้ลงตัว คงจะดีไม่ใช่น้อย
The Conjuring หรือ ผู้ร่ายมนต์ ตั้งชื่อมาแบบนี้ จขกท. ก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าหมายถึงใคร
บิ๊กบอสของวิญญาณชั่วร้าย? พระเอกนักสืบวิญญาณ? นางเอกผู้มีจิตสัมผัส? เอาเข้าจริงๆก็เป็นไปได้หมด
ทั้ง 3 ตัวละคร ก็ร่ายมนต์ ให้กับตัวเรื่อง แม่มดร่ายคำสาปบนที่ดิน พระเอกต้องร่ายมนต์ขับไล่วิญญาณชั่วร่าย
และนางเอกก็ร่ายมนต์เพื่อช่วยให้ต่อสู้กับปีศาจร้ายผ่านความทรงจำของผู้ถูกสิง (ฉากนี้ทั้งโรงเงียบกริบ จนถึงจบพิธี เอาคนดูอยู่สนิท)
สุดท้าย The Conjuring จบแบบที่สูตรสำเร็จวาดมา ส่วนตัวยังมีช่องให้พลิกฉากจบได้ แต่ผกก.เลือกทางนี้
คงเพราะหนึ่งในประเด็นของหนังคือ เรื่องความเข้มแข็งของจิตใจมนุษย์เอง
ทั้งสองครอบครัว มีสิ่งที่เรียกว่า "ครอบครัว" อยู่ เป็นสิ่งคำจุ้นจิตใจ จึงผ่านวิกฤต ตรงนั้นไปได้
สรุปคะแนน 7.5/10
ที่หักไป 2.5 เพราะ 1. เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จ 2. เดาทิศทางจังหวะออกได้หมด
3. มีประเด็นให้เล่นต่อแต่ไปไม่สุด 4. ชื่อไทย นี่ยังหาเหตุผลมารับไม่ได้ว่าใครเป็นคนเรียกฟระ
ใครชอบเรื่องนี้บ้างขอให้ยกมือขึ้น