ใต้พื้นพิภพ
โลกแห่งความตาย...ดินแดนของเทพโอซิริส
เทพอนุบิสกำลังชั่งหัวใจของเหล่าวิญญาณกับขนนกของพระองค์ว่าสิ่งไหนเบากว่ากันด้วยตาชั่งน้ำหนักแห่งความยุติธรรม และถ้าหัวใจดวงนั้นหนักกว่าขนนกของพระองค์แล้วล่ะก็ ดวงวิญญาณดวงนั้นก็จะถูกโยนให้แอมมัท สัตว์ประหลาดที่มีร่างกายเป็นครึ่งสิงโตครึ่งฮิปโป ส่วนหัวเป็นจระเข้ กัดกินดวงวิญญาณเหล่านั้นให้ได้รับความทุกทรมาน ให้สาสมกับความชั่วที่ได้กระทำมา ก่อนที่จะส่งไปยังแดนนรกเพื่อให้เทพโอซิริสพิพากษาต่อไป ส่วนหัวใจที่เบากว่าขนนกนั้น จะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ แล้วจะถูกส่งไปยังโลกแห่งวิญญาณใหม่ เพื่อรอไปเกิดอีกครั้งตามผลบุญและผลกรรมที่ได้ทำมา
เทพโฮรัสที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งหน้าที่ของพระองค์ในยมโลกนั้นก็การขานนามของผู้ที่ได้รับการชั่งหัวใจแล้วว่าสมควรไปอยู่ ณ ดินแดนใด ในขณะที่เทพธอธซึ่งเป็นเทพอาวุโสจะทำหน้าที่บันทึกคำตัดสินเพื่อรายงานต่อเทพโอสิรีส
หลังจากเสร็จภารกิจเทพทั้งสามก็ตกลงกันว่าจะไปเข้าเฝ้าเทพโอซิริสพร้อมๆกัน
“ท่านบอกกับนางแล้วใช่หรือไม่ว่าข้ากำลังต้องการตัว” เทพธอธในร่างกึ่งเทพที่มีเศียรเป็นรูปนกกระสารับสั่งขึ้นระหว่างการเดินทางไปเข้าเฝ้าเทพโอซิริส
เทพอนุบิสครั้นเมื่อได้ฟังพระองค์เพียงแค่พยักพักตร์รูปสุนัขป่ากลับไปเท่านั้น ข้างฝั่งเทพโอรัสอดไม่ได้ และไม่ยอมถูกกันเป็นคนนอกที่ไม่รู้อะไรจึงตรัสถามขึ้นมาทันที
“พวกท่านมีความลับอะไรกันไม่ยอมบอกกล่าวกับข้างเช่นนั้นหรือ” ถือได้ว่าในเทพสามพระองค์นี้เทพโฮรัสเป็นเทพที่มีอายุน้อยที่สุด และมีอุปนิสัยคล้ายเด็กเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ทั้งเทพธอธและเทพอนุบิสก็ไม่เคยถือสาหาความแต่อย่างใด
“ถือเสียว่ายอมให้เทพน้อยที่มีอายุน้อยกว่าเป็นพันๆปี คนหนึ่งก็แล้วกัน” เทพธอธเคยกล่าวเช่นนั้น
“ข้าก็ถือว่ามีน้องชายกับเขาแค่คนเดียว เดี๋ยวผู้อื่นจะหาได้ว่าข้ารังแกเขา” เทพอนุบิสก็เคยรับสั่ง
“ว่าอย่างไรเล่า” เทพเอาแต่ใจถามย้ำอีกครั้ง มีความลับอะไรกันแน่ ทำงานร่วมกันมาเป็นพันๆปีแท้ๆ ยังกล้ามีความลับกับเทพนภากาศอย่างเขาอีกเหรอ
ครั้นเมื่อเห็นว่าเทพอนุบิสไม่มีทีท่าว่าจะกล่าวสิ่งใด เดือนร้อนเทพอาวุโสอีกครั้งที่จะต้องเป็นผู้ไขข้อข้องใจให้แก่เทพน้อยพระองค์นี้
“ข้าแค่อยากพบนางสักครั้งก็เท่านั้น” สมกับเป็นเทพแห่งปรมาจารย์ รับสั่งแต่ละครั้งต้องตีความด้วยตัวเองเสมอ
“ผู้ใดหรือท่านลุง”
คำกล่าวนั้นทำให้เทพธอธถึงกับสำลัก ในขณะที่ริมฝีปากของเทพอนุบิสปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย โฮรัส เอ๋ย โฮรัส เจ้าช่างรนหาที่ตายแท้ๆ พระแม้แต่พระองค์ก็ยังมิกล้าที่จะเอ่ยเรียกขานด้วยสรรพนามนั้น
ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า เทพธอธที่ดูสูงส่ง สง่างาม หาใช่จะพระทัยดีอย่างรูปลักษณ์ไม่ มีครั้งนี้พระองค์เคยสาปให้วิญญาณบาปที่คิดจะหลบหนี กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่เป็นร้อยๆปี ต้องหิวโซอย่างทรมาน ไม่มีที่ไป หนำซ้ำยังถูกไฟจากนรกโลกันต์เผาใหม่อยู่ใต้ฝ่าเท้าทุกๆวันอีกด้วย !
“เจ้าเรียกว่าว่าเยี่ยงไรหรือหลานรัก” ว่าแล้วไหมล่ะ ผิดจากที่คิดเสียที่ไหน น้ำเสียงเยือกเย็นที่รับสั่งออกมาแต่ละคำนั้น ราวกับสาดอาวุธนับพันตรงมายังเทพนักรบในร่างกึ่งพญาเหยี่ยวเลยเชียวล่ะ
“เอ่อ...ท่านอาจารย์ ข้าหมายความว่าท่านอาจารย์หมายถึงผู้ใดกัน” เกือบไปแล้วไหมล่ะ อายุเกือบจะหมื่นปีแล้วกระมัง ท่านลุงของพระองค์ท่านนี้
“ข้าแค่อยากพบนาง สตรีที่เป็นชายาหนึ่งเดียวของเทพบางองค์” คร้านจะต่อความกับหลานนอกไส้ จะเคยสำนึกบ้างไหมว่าบิดาและมารดาของพวกเจ้าได้ถือกำเนิดมาเพราะผู้ใดกัน
ถ้าไม่ใช่ข้าออกอุบายในกาลครั้งนั้น มีหรือที่เทพโอซิริส เทพเซท เทพีไอซีส และเทพีเนฟทีส จะถือกำเนิดขึ้นมาได้
“ออ...ที่แท้ก็ชายาของเทพแถวๆนี้นี่เอง” พยักพักตร์รูปพญาเหยี่ยวหงึกๆอย่างเข้าพระทัย
“นางมาถึงเมื่อไหร่ ท่านอาจารย์อยากลืมชวนข้ามาร่วมสนุกด้วยล่ะ” แค่คิดก็เกษมสำราญแล้ว นานกี่ปีแล้วนะที่พระองค์มิได้เฝ้าดูนาง ดำริพลางโผทะยานตรงไปยังวิหารโอซิริสซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของขอบฟ้าเป็นพระองค์แรก
“ผู้ใดตามทัน ข้าจะยอมเป็นข้ารับใช้ห้าพันปี !!”
แน่ละจะมีผู้ใดกันที่จะติดตามเทพแห่งนภากาศได้ทัน !
เทพอนุบิสส่ายพระเศียรไปมาอย่างระอาในพระทัย พลางเหลือบมองไปยังท่านลุงซึ่งเป็นเทพแห่งการเวลาในร่างกึ่งเทพกึ่งนกกระสาที่อยู่เคียงข้างกัน
“ท่านอาจารย์มิอยากได้ข้ารับใช้ไว้คอยดูแลซักห้าพันปีหรือ” รับสั่งของเทพแห่งความตายทำให้เทพธอธทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง
“เจ้าเองก็อย่าหาภาระเยี่ยงนั้นมาให้ข้านักเลย” รับสั่งของพระองค์มิได้บอกแน่ชัดว่าถ้าเกิดแข่งขันกันขึ้นมาจริงๆใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าให้เทพอนุบิสคาดเดาล่ะก็ พระองค์ถือข้างท่านลุงแน่แท้
“ส่วนเจ้าเองก็อย่ามัวแต่เสียเวลาเดินทางผิดอีกต่อไปเลย” แม้แต่ความลับของพระองค์ที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ก็มิอาจรอดพ้นจากสายพระเนตรพระกรรณของเทพแห่งกาลเวลาได้
“จงอย่าให้มันสายเกินไป แล้วเจ้าจะสูญสิ้นทุกอย่างเลยนะอนุบิส” สิ้นรับสั่งพระองค์ก็เสด็จเข้าไปยังวิหารโอซิริสที่อยู่เบื้องหน้าด้วยท่วงท่าที่สง่างามในร่างเทพเต็มองค์ทันที ทิ้งให้เทพอนุบิสคิดทบทวนในสิ่งที่ได้รับฟังมา
“หรือข้าจะเดินทางผิดไปแล้วจริงๆ !!!”
วิหารโอซิริส
เทพบิดาผู้ดูแลภาพภูมิเบื้องล่างประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองกลางท้องพระโรง ด้านข้างมีพระชายาประทับนั่งเคียงข้างกันทั้งซ้ายขวา เทพีไอซีสผู้เป็นมารดาของเทพโฮรัส และเทพีเนฟทีสผู้เป็นมารดาของเทพอนุบิส
“มากันแล้วหรือ” ราชันแห่งมาตุภูมิรับสั่ง พลางชะเง้อหาบุตรชายอีกคนที่ไม่ได้เสด็จตามมาด้วย
“อนุบิสล่ะ” ตรัสถามอย่างกระวนกระวายพระทัย
“เสด็จพ่อก็เอาแต่ห่วงอนุบิสเช่นเคย” เทพโอรัสรับสั่งออกมา แต่หาใช่ด้วยความอิจฉาริษยาแต่อย่างใด พระพระองค์ทรงให้เกียรติและเคารพพระเชษฐาองค์นี้เสมอ ยิ่งเมื่อครั้งเทพอนุบิสได้ช่วยเทพีไอซิสตามเก็บและร่วมรวมร่างของเสด็จพ่อเมื่อกาลก่อน พระองค์ก็ยิ่งซาบซึ้งในพระทัย
“ท่านอาจารย์ก็เสด็จมาด้วย” เทพโอสิริสก้าวลงจากบัลลังก์เสด็จลงมารับเทพธอธด้วยตัวของพระองค์เองพร้อมด้วยเทพีไอซีสและเทพีเนฟทิส
“ข้าแค่มาเป็นเพื่อนอนุบิสเท่านั้น” รับสั่งด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉย
“แล้วอนุบิสเล่าเพคะ” เทพีเนฟทีสตรัสถามบ้าง นานแค่ไหนแล้วนะที่พระนางมิได้พบหน้าบุตรชายองค์นี้เลย
“กลับไปแล้วล่ะ” ว่าพลางแล้วเสด็จไปประทับนั่งบนบัลลังก์ทองพลางขมวดปลายเกศาสีขาวยวงที่ยาวเลยพระชานุเล่น
เห็นเทพธอธในลักษณะเช่นนี้แต่พระองค์ก็มีพระพักตร์ราวเด็กหนุ่มที่อายุประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดก็มิปาน ผิดกับเทพโอซิริสที่บัดนี้มีพระพักตร์อายุประมาณสี่สิบชันษาปลายๆ
“กลับไปแล้วหรือเพคะ” เทพีเนฟทิสมีสีพระพักตร์หมองเศร้า
“เจ้ามิต้องกังวลไปหรอกน้องข้า เดี๋ยวข้าจะให้โฮรัสตามไปดู” เทพีไอซีสมีรับสั่งให้เทพโอรัสติดตามพี่ชายไป
“ข้าทราบมาว่าท่านอาจารย์อยากจะเจอนางเยี่ยงนั้นหรือ” หลังจากทำพระทัยกับความผิดหวังที่มิได้เจอบุตรชายองค์โตได้แล้ว เทพโอซิริสจึงหันมาตรัสถามเทพธอธบ้าง
“ดวงชะตาของนางต้องแบกภาระอันยิ่งใหญ่ ถ้าข้ามิใช่ผู้สั่งสอนนางด้วยตนเอง เจ้าคิดว่าจะให้ผู้ใดสั่งสอนนางหรือ” เทพแห่งการเวลารับสั่งกลับมาอีกครั้ง
ชายาของเทพแห่งความตายใช่ว่าผู้ใดนึกอยากจะเป็นก็เป็นได้ ไหนจะต้องเสียสละพลังวิญญาณทุกครั้งเพื่อรักษาเทพอนุบิสผู้มีร่อนรอยบาดแผลขนาดใหญ่ที่มิอาจให้ผู้ใดรับรู้ได้พระองค์นั้นอีก !!
“แล้วอเมนเททล่ะ จะทำอย่างไร” เทพีเนฟทีสตรัสถาม พระถึงอย่างเทพธิดานางนั้นก็เคยถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นชายาของอนุบีสมาก่อน และยังเป็นถึงเทพธิดาแห่งความตายผู้คอยประทานขนมปังและน้ำให้แก่ดวงวิญญาณที่หิวโหยก่อนที่จะส่งต่อไปยังดินแดนแห่งความตายอีกด้วย
“ก็ส่งให้มาเรียนพร้อมๆกัน” เทพธอธรับสั่งอย่างเบื่อหน่าย เพราะรู้ดีกว่าเทพีเนฟทิสอยากได้นางเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งความคิดนี้ออกจะขัดแย้งกับพระองค์เล็กน้อย เพราะยังไงพระองค์ก็เอ็นดูเด็กสาวผู้เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนั้นมากกว่า
อาจกล่าวได้ว่าพระองค์ติดใจท่าทางร่ายรำแบบตัวหนอนตอนนางแสดงให้เทพอนุบิสดูแล้วพระองค์บังเอิญเดินทางไปเห็นก็เป็นได้ !
ชายาอนุบิส (4)
โลกแห่งความตาย...ดินแดนของเทพโอซิริส
เทพอนุบิสกำลังชั่งหัวใจของเหล่าวิญญาณกับขนนกของพระองค์ว่าสิ่งไหนเบากว่ากันด้วยตาชั่งน้ำหนักแห่งความยุติธรรม และถ้าหัวใจดวงนั้นหนักกว่าขนนกของพระองค์แล้วล่ะก็ ดวงวิญญาณดวงนั้นก็จะถูกโยนให้แอมมัท สัตว์ประหลาดที่มีร่างกายเป็นครึ่งสิงโตครึ่งฮิปโป ส่วนหัวเป็นจระเข้ กัดกินดวงวิญญาณเหล่านั้นให้ได้รับความทุกทรมาน ให้สาสมกับความชั่วที่ได้กระทำมา ก่อนที่จะส่งไปยังแดนนรกเพื่อให้เทพโอซิริสพิพากษาต่อไป ส่วนหัวใจที่เบากว่าขนนกนั้น จะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ แล้วจะถูกส่งไปยังโลกแห่งวิญญาณใหม่ เพื่อรอไปเกิดอีกครั้งตามผลบุญและผลกรรมที่ได้ทำมา
เทพโฮรัสที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งหน้าที่ของพระองค์ในยมโลกนั้นก็การขานนามของผู้ที่ได้รับการชั่งหัวใจแล้วว่าสมควรไปอยู่ ณ ดินแดนใด ในขณะที่เทพธอธซึ่งเป็นเทพอาวุโสจะทำหน้าที่บันทึกคำตัดสินเพื่อรายงานต่อเทพโอสิรีส
หลังจากเสร็จภารกิจเทพทั้งสามก็ตกลงกันว่าจะไปเข้าเฝ้าเทพโอซิริสพร้อมๆกัน
“ท่านบอกกับนางแล้วใช่หรือไม่ว่าข้ากำลังต้องการตัว” เทพธอธในร่างกึ่งเทพที่มีเศียรเป็นรูปนกกระสารับสั่งขึ้นระหว่างการเดินทางไปเข้าเฝ้าเทพโอซิริส
เทพอนุบิสครั้นเมื่อได้ฟังพระองค์เพียงแค่พยักพักตร์รูปสุนัขป่ากลับไปเท่านั้น ข้างฝั่งเทพโอรัสอดไม่ได้ และไม่ยอมถูกกันเป็นคนนอกที่ไม่รู้อะไรจึงตรัสถามขึ้นมาทันที
“พวกท่านมีความลับอะไรกันไม่ยอมบอกกล่าวกับข้างเช่นนั้นหรือ” ถือได้ว่าในเทพสามพระองค์นี้เทพโฮรัสเป็นเทพที่มีอายุน้อยที่สุด และมีอุปนิสัยคล้ายเด็กเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ทั้งเทพธอธและเทพอนุบิสก็ไม่เคยถือสาหาความแต่อย่างใด
“ถือเสียว่ายอมให้เทพน้อยที่มีอายุน้อยกว่าเป็นพันๆปี คนหนึ่งก็แล้วกัน” เทพธอธเคยกล่าวเช่นนั้น
“ข้าก็ถือว่ามีน้องชายกับเขาแค่คนเดียว เดี๋ยวผู้อื่นจะหาได้ว่าข้ารังแกเขา” เทพอนุบิสก็เคยรับสั่ง
“ว่าอย่างไรเล่า” เทพเอาแต่ใจถามย้ำอีกครั้ง มีความลับอะไรกันแน่ ทำงานร่วมกันมาเป็นพันๆปีแท้ๆ ยังกล้ามีความลับกับเทพนภากาศอย่างเขาอีกเหรอ
ครั้นเมื่อเห็นว่าเทพอนุบิสไม่มีทีท่าว่าจะกล่าวสิ่งใด เดือนร้อนเทพอาวุโสอีกครั้งที่จะต้องเป็นผู้ไขข้อข้องใจให้แก่เทพน้อยพระองค์นี้
“ข้าแค่อยากพบนางสักครั้งก็เท่านั้น” สมกับเป็นเทพแห่งปรมาจารย์ รับสั่งแต่ละครั้งต้องตีความด้วยตัวเองเสมอ
“ผู้ใดหรือท่านลุง”
คำกล่าวนั้นทำให้เทพธอธถึงกับสำลัก ในขณะที่ริมฝีปากของเทพอนุบิสปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย โฮรัส เอ๋ย โฮรัส เจ้าช่างรนหาที่ตายแท้ๆ พระแม้แต่พระองค์ก็ยังมิกล้าที่จะเอ่ยเรียกขานด้วยสรรพนามนั้น
ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า เทพธอธที่ดูสูงส่ง สง่างาม หาใช่จะพระทัยดีอย่างรูปลักษณ์ไม่ มีครั้งนี้พระองค์เคยสาปให้วิญญาณบาปที่คิดจะหลบหนี กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่เป็นร้อยๆปี ต้องหิวโซอย่างทรมาน ไม่มีที่ไป หนำซ้ำยังถูกไฟจากนรกโลกันต์เผาใหม่อยู่ใต้ฝ่าเท้าทุกๆวันอีกด้วย !
“เจ้าเรียกว่าว่าเยี่ยงไรหรือหลานรัก” ว่าแล้วไหมล่ะ ผิดจากที่คิดเสียที่ไหน น้ำเสียงเยือกเย็นที่รับสั่งออกมาแต่ละคำนั้น ราวกับสาดอาวุธนับพันตรงมายังเทพนักรบในร่างกึ่งพญาเหยี่ยวเลยเชียวล่ะ
“เอ่อ...ท่านอาจารย์ ข้าหมายความว่าท่านอาจารย์หมายถึงผู้ใดกัน” เกือบไปแล้วไหมล่ะ อายุเกือบจะหมื่นปีแล้วกระมัง ท่านลุงของพระองค์ท่านนี้
“ข้าแค่อยากพบนาง สตรีที่เป็นชายาหนึ่งเดียวของเทพบางองค์” คร้านจะต่อความกับหลานนอกไส้ จะเคยสำนึกบ้างไหมว่าบิดาและมารดาของพวกเจ้าได้ถือกำเนิดมาเพราะผู้ใดกัน
ถ้าไม่ใช่ข้าออกอุบายในกาลครั้งนั้น มีหรือที่เทพโอซิริส เทพเซท เทพีไอซีส และเทพีเนฟทีส จะถือกำเนิดขึ้นมาได้
“ออ...ที่แท้ก็ชายาของเทพแถวๆนี้นี่เอง” พยักพักตร์รูปพญาเหยี่ยวหงึกๆอย่างเข้าพระทัย
“นางมาถึงเมื่อไหร่ ท่านอาจารย์อยากลืมชวนข้ามาร่วมสนุกด้วยล่ะ” แค่คิดก็เกษมสำราญแล้ว นานกี่ปีแล้วนะที่พระองค์มิได้เฝ้าดูนาง ดำริพลางโผทะยานตรงไปยังวิหารโอซิริสซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของขอบฟ้าเป็นพระองค์แรก
“ผู้ใดตามทัน ข้าจะยอมเป็นข้ารับใช้ห้าพันปี !!”
แน่ละจะมีผู้ใดกันที่จะติดตามเทพแห่งนภากาศได้ทัน !
เทพอนุบิสส่ายพระเศียรไปมาอย่างระอาในพระทัย พลางเหลือบมองไปยังท่านลุงซึ่งเป็นเทพแห่งการเวลาในร่างกึ่งเทพกึ่งนกกระสาที่อยู่เคียงข้างกัน
“ท่านอาจารย์มิอยากได้ข้ารับใช้ไว้คอยดูแลซักห้าพันปีหรือ” รับสั่งของเทพแห่งความตายทำให้เทพธอธทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง
“เจ้าเองก็อย่าหาภาระเยี่ยงนั้นมาให้ข้านักเลย” รับสั่งของพระองค์มิได้บอกแน่ชัดว่าถ้าเกิดแข่งขันกันขึ้นมาจริงๆใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าให้เทพอนุบิสคาดเดาล่ะก็ พระองค์ถือข้างท่านลุงแน่แท้
“ส่วนเจ้าเองก็อย่ามัวแต่เสียเวลาเดินทางผิดอีกต่อไปเลย” แม้แต่ความลับของพระองค์ที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ก็มิอาจรอดพ้นจากสายพระเนตรพระกรรณของเทพแห่งกาลเวลาได้
“จงอย่าให้มันสายเกินไป แล้วเจ้าจะสูญสิ้นทุกอย่างเลยนะอนุบิส” สิ้นรับสั่งพระองค์ก็เสด็จเข้าไปยังวิหารโอซิริสที่อยู่เบื้องหน้าด้วยท่วงท่าที่สง่างามในร่างเทพเต็มองค์ทันที ทิ้งให้เทพอนุบิสคิดทบทวนในสิ่งที่ได้รับฟังมา
“หรือข้าจะเดินทางผิดไปแล้วจริงๆ !!!”
วิหารโอซิริส
เทพบิดาผู้ดูแลภาพภูมิเบื้องล่างประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองกลางท้องพระโรง ด้านข้างมีพระชายาประทับนั่งเคียงข้างกันทั้งซ้ายขวา เทพีไอซีสผู้เป็นมารดาของเทพโฮรัส และเทพีเนฟทีสผู้เป็นมารดาของเทพอนุบิส
“มากันแล้วหรือ” ราชันแห่งมาตุภูมิรับสั่ง พลางชะเง้อหาบุตรชายอีกคนที่ไม่ได้เสด็จตามมาด้วย
“อนุบิสล่ะ” ตรัสถามอย่างกระวนกระวายพระทัย
“เสด็จพ่อก็เอาแต่ห่วงอนุบิสเช่นเคย” เทพโอรัสรับสั่งออกมา แต่หาใช่ด้วยความอิจฉาริษยาแต่อย่างใด พระพระองค์ทรงให้เกียรติและเคารพพระเชษฐาองค์นี้เสมอ ยิ่งเมื่อครั้งเทพอนุบิสได้ช่วยเทพีไอซิสตามเก็บและร่วมรวมร่างของเสด็จพ่อเมื่อกาลก่อน พระองค์ก็ยิ่งซาบซึ้งในพระทัย
“ท่านอาจารย์ก็เสด็จมาด้วย” เทพโอสิริสก้าวลงจากบัลลังก์เสด็จลงมารับเทพธอธด้วยตัวของพระองค์เองพร้อมด้วยเทพีไอซีสและเทพีเนฟทิส
“ข้าแค่มาเป็นเพื่อนอนุบิสเท่านั้น” รับสั่งด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉย
“แล้วอนุบิสเล่าเพคะ” เทพีเนฟทีสตรัสถามบ้าง นานแค่ไหนแล้วนะที่พระนางมิได้พบหน้าบุตรชายองค์นี้เลย
“กลับไปแล้วล่ะ” ว่าพลางแล้วเสด็จไปประทับนั่งบนบัลลังก์ทองพลางขมวดปลายเกศาสีขาวยวงที่ยาวเลยพระชานุเล่น
เห็นเทพธอธในลักษณะเช่นนี้แต่พระองค์ก็มีพระพักตร์ราวเด็กหนุ่มที่อายุประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดก็มิปาน ผิดกับเทพโอซิริสที่บัดนี้มีพระพักตร์อายุประมาณสี่สิบชันษาปลายๆ
“กลับไปแล้วหรือเพคะ” เทพีเนฟทิสมีสีพระพักตร์หมองเศร้า
“เจ้ามิต้องกังวลไปหรอกน้องข้า เดี๋ยวข้าจะให้โฮรัสตามไปดู” เทพีไอซีสมีรับสั่งให้เทพโอรัสติดตามพี่ชายไป
“ข้าทราบมาว่าท่านอาจารย์อยากจะเจอนางเยี่ยงนั้นหรือ” หลังจากทำพระทัยกับความผิดหวังที่มิได้เจอบุตรชายองค์โตได้แล้ว เทพโอซิริสจึงหันมาตรัสถามเทพธอธบ้าง
“ดวงชะตาของนางต้องแบกภาระอันยิ่งใหญ่ ถ้าข้ามิใช่ผู้สั่งสอนนางด้วยตนเอง เจ้าคิดว่าจะให้ผู้ใดสั่งสอนนางหรือ” เทพแห่งการเวลารับสั่งกลับมาอีกครั้ง
ชายาของเทพแห่งความตายใช่ว่าผู้ใดนึกอยากจะเป็นก็เป็นได้ ไหนจะต้องเสียสละพลังวิญญาณทุกครั้งเพื่อรักษาเทพอนุบิสผู้มีร่อนรอยบาดแผลขนาดใหญ่ที่มิอาจให้ผู้ใดรับรู้ได้พระองค์นั้นอีก !!
“แล้วอเมนเททล่ะ จะทำอย่างไร” เทพีเนฟทีสตรัสถาม พระถึงอย่างเทพธิดานางนั้นก็เคยถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นชายาของอนุบีสมาก่อน และยังเป็นถึงเทพธิดาแห่งความตายผู้คอยประทานขนมปังและน้ำให้แก่ดวงวิญญาณที่หิวโหยก่อนที่จะส่งต่อไปยังดินแดนแห่งความตายอีกด้วย
“ก็ส่งให้มาเรียนพร้อมๆกัน” เทพธอธรับสั่งอย่างเบื่อหน่าย เพราะรู้ดีกว่าเทพีเนฟทิสอยากได้นางเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งความคิดนี้ออกจะขัดแย้งกับพระองค์เล็กน้อย เพราะยังไงพระองค์ก็เอ็นดูเด็กสาวผู้เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนั้นมากกว่า
อาจกล่าวได้ว่าพระองค์ติดใจท่าทางร่ายรำแบบตัวหนอนตอนนางแสดงให้เทพอนุบิสดูแล้วพระองค์บังเอิญเดินทางไปเห็นก็เป็นได้ !