แรงขายต่างชาติเหลือ20%ดิ่งลึก1,267จุด
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โบรกฯคาดแรงขายต่างชาติยังเหลือ 15-20% ของเงินที่เข้ามาลงทุนตั้งแต่คลอดคิวอี 1.4 แสนล้าน ล่าสุดขายแล้ว 65% เชื่อหุ้นดิ่งแรงไม่เกิน 1,267 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โนมูระ ...พัฒนสิน กล่าวว่าตั้งแต่ช่วงที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการคิวอี ปรากฏว่า มีเงินไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยมูลค่ารวม 1.41 แสนล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีระดับ 1165 จุด แต่ล่าสุดเมื่อประกาศจะหยุดการใช้มาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นของต่างชาติออกมาแล้วประมาณ 7.74 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 65% จึงเหลือยอดสะสมอยู่ที่ 4.96 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หากนับจากดัชนีสูงสุดที่ 1650-1340 จุด พบว่า ดัชนีลดลงมาแล้วมากกว่า 18.8% ดังนั้นหากตั้งสมมติฐาน ต่างชาติขายหุ้นทั้งหมด คาดดัชนีจะมีโอกาสปรับลดลงเหลือ 1310-1225 จุด ค่าพีอีเรโช 11.6 เท่า แต่ถ้าขาย 90% ดัชนีจะอยู่ที่ 1267 จุด ค่าพีอีเรโชที่ 12.6 เท่า และถ้าขาย 80%ดัชนีจะปรับฐานลงมาอยู่ที่ 1310 จุด ค่าพีอีเรโช 12 เท่า
"จากข้อมูลเชื่อว่าต่างชาติไม่น่าจะขายออกทั้งหมด เมื่อดัชนีลงมาลึกน่าจะหาจังหวะทยอยซื้อเพื่อเก็งกำไร และกรอบในการสะสมหุ้นในกรณีเลี่ยงความเสียงสุดๆ น่าจะรอลงทุนในกรอบ 1310-1267 จุด หรือแรงขายต่างชาติออกมาอีกราว 15-20% ของยอดสะสม แต่นักลงทุนอย่าลืมว่าการคาดการณ์จุดต่ำสุดของตลาดไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับการเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานเด่น เพื่อการลงทุนในระยะยาว"นักวิเคราะห์กล่าว
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาตินั้น ตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสะสมนับตั้งแต่ที่เข้าซื้อหุ้นไทยในปี 2552 และนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแนวโน้มขายต่อเนื่องไปอีก โดยเฉพาะหากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยที่ซื้อสะสมตั้งแต่ปี 2552 อีก 1.3 แสนล้านบาท
"แต่สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือ หากมีสถานการณ์ที่รุนแรง หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อาจจะทำให้เงินทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์ ขายหุ้นออกมาด้วย ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์แล้ว 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์ในปัจจุบันเหลือ 1.8 แสนล้านบาท จากช่วงที่ถือครองสูงสุด 2 แสนล้านบาท ซึ่งหามีสถานการณ์ที่รุนแรงเงินก้อนนี้ก็อาจจะไหลออกอย่างรวดเร็วด้วย
ส่วนตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงแรงก่อนจะดีดตัวปรับขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 1,351.81 จุด ลดลง 3.33 จุด มูลค่ารวม 5.7 หมื่นล้านบาท
ด้านนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) เปิดเผยว่า ขณะที่มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มาแล้ว 111 แห่งรวมมูลค่า 9.14 หมื่นล้านบาท คาดหาก บจ.ประกาศจ่ายปันผลครบ มีแนวโน้มที่เงินปันผลจะสูงกว่า 1 แสนล้านบาท เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากการเติบโตของกำไรสุทธิของบจ.
การจ่ายปันผลดังกล่าว เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 93 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 9.07 หมื่นล้านบาท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ 18 แห่ง จ่ายเงินปันผล 632 ล้านบาท โดยรวมคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลของงวดครึ่งปีที่ 62.47% เพิ่มขึ้นจากระดับ 45.06% ในปีที่แล้ว
นอกจากการจ่ายเงินปันผลแล้ว ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศจ่ายหุ้นปันผล ระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรก อีก 4 บริษัท คือ บริษัทบรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) คิดเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 570 ล้านบาท
บริษัทใน SET ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ซึ่งเงินปันผลของ 5 บริษัทมีมูลค่ารวมกัน 58,469 ล้านบาท หรือ 64.40% ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์
ส่วนบริษัทในตลาดเอ็ม เอ ไอ ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท โมโน เทคโนโลยี (MONO) บริษัท มาสเตอร์ แอด (MACO) บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง (KIAT) และบริษัท ถิรไทย (TRT) มีมูลค่าเงินปันผลรวม 367 ล้านบาท หรือ 58.09% ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมดในตลาดเอ็ม เอ ไอ
Tags : หุ้น • ตลาดหลักทรัพย์ฯ •
https://www.facebook.com/feed/following#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376
แรงขายต่างชาติเหลือ20%ดิ่งลึก1,267จุด
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โบรกฯคาดแรงขายต่างชาติยังเหลือ 15-20% ของเงินที่เข้ามาลงทุนตั้งแต่คลอดคิวอี 1.4 แสนล้าน ล่าสุดขายแล้ว 65% เชื่อหุ้นดิ่งแรงไม่เกิน 1,267 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โนมูระ ...พัฒนสิน กล่าวว่าตั้งแต่ช่วงที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการคิวอี ปรากฏว่า มีเงินไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยมูลค่ารวม 1.41 แสนล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีระดับ 1165 จุด แต่ล่าสุดเมื่อประกาศจะหยุดการใช้มาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นของต่างชาติออกมาแล้วประมาณ 7.74 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 65% จึงเหลือยอดสะสมอยู่ที่ 4.96 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หากนับจากดัชนีสูงสุดที่ 1650-1340 จุด พบว่า ดัชนีลดลงมาแล้วมากกว่า 18.8% ดังนั้นหากตั้งสมมติฐาน ต่างชาติขายหุ้นทั้งหมด คาดดัชนีจะมีโอกาสปรับลดลงเหลือ 1310-1225 จุด ค่าพีอีเรโช 11.6 เท่า แต่ถ้าขาย 90% ดัชนีจะอยู่ที่ 1267 จุด ค่าพีอีเรโชที่ 12.6 เท่า และถ้าขาย 80%ดัชนีจะปรับฐานลงมาอยู่ที่ 1310 จุด ค่าพีอีเรโช 12 เท่า
"จากข้อมูลเชื่อว่าต่างชาติไม่น่าจะขายออกทั้งหมด เมื่อดัชนีลงมาลึกน่าจะหาจังหวะทยอยซื้อเพื่อเก็งกำไร และกรอบในการสะสมหุ้นในกรณีเลี่ยงความเสียงสุดๆ น่าจะรอลงทุนในกรอบ 1310-1267 จุด หรือแรงขายต่างชาติออกมาอีกราว 15-20% ของยอดสะสม แต่นักลงทุนอย่าลืมว่าการคาดการณ์จุดต่ำสุดของตลาดไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับการเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานเด่น เพื่อการลงทุนในระยะยาว"นักวิเคราะห์กล่าว
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาตินั้น ตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสะสมนับตั้งแต่ที่เข้าซื้อหุ้นไทยในปี 2552 และนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแนวโน้มขายต่อเนื่องไปอีก โดยเฉพาะหากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยที่ซื้อสะสมตั้งแต่ปี 2552 อีก 1.3 แสนล้านบาท
"แต่สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือ หากมีสถานการณ์ที่รุนแรง หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อาจจะทำให้เงินทุนต่างชาติที่ซื้อหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์ ขายหุ้นออกมาด้วย ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์แล้ว 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยผ่านเอ็นวีดีอาร์ในปัจจุบันเหลือ 1.8 แสนล้านบาท จากช่วงที่ถือครองสูงสุด 2 แสนล้านบาท ซึ่งหามีสถานการณ์ที่รุนแรงเงินก้อนนี้ก็อาจจะไหลออกอย่างรวดเร็วด้วย
ส่วนตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงแรงก่อนจะดีดตัวปรับขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 1,351.81 จุด ลดลง 3.33 จุด มูลค่ารวม 5.7 หมื่นล้านบาท
ด้านนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) เปิดเผยว่า ขณะที่มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มาแล้ว 111 แห่งรวมมูลค่า 9.14 หมื่นล้านบาท คาดหาก บจ.ประกาศจ่ายปันผลครบ มีแนวโน้มที่เงินปันผลจะสูงกว่า 1 แสนล้านบาท เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากการเติบโตของกำไรสุทธิของบจ.
การจ่ายปันผลดังกล่าว เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 93 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 9.07 หมื่นล้านบาท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ 18 แห่ง จ่ายเงินปันผล 632 ล้านบาท โดยรวมคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลของงวดครึ่งปีที่ 62.47% เพิ่มขึ้นจากระดับ 45.06% ในปีที่แล้ว
นอกจากการจ่ายเงินปันผลแล้ว ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศจ่ายหุ้นปันผล ระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรก อีก 4 บริษัท คือ บริษัทบรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) คิดเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 570 ล้านบาท
บริษัทใน SET ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ซึ่งเงินปันผลของ 5 บริษัทมีมูลค่ารวมกัน 58,469 ล้านบาท หรือ 64.40% ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์
ส่วนบริษัทในตลาดเอ็ม เอ ไอ ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท โมโน เทคโนโลยี (MONO) บริษัท มาสเตอร์ แอด (MACO) บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) บริษัท เกียรติธนา ขนส่ง (KIAT) และบริษัท ถิรไทย (TRT) มีมูลค่าเงินปันผลรวม 367 ล้านบาท หรือ 58.09% ของมูลค่าเงินปันผลระหว่างกาลทั้งหมดในตลาดเอ็ม เอ ไอ
Tags : หุ้น • ตลาดหลักทรัพย์ฯ •
https://www.facebook.com/feed/following#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376