เช้าวันที่ 8 สิงหาคม รถไฟเที่ยวพิเศษ กรุงเทพฯ-หัวหิน เคลื่อนออกจากหัวลำโพง

บนโบกี้อายุเกือบ 40 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนารถไฟไทย

โดยมีบุคคลสำคัญที่นั่งฝั่งขวามือของนายกฯ คือ "พันศักดิ์ วิญญรัตน์" ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี

สิ้นสุดการเดินทางด้วยรถไฟ ในรอบ 30 ปี ของ "พันศักดิ์" ได้เล่ามุมมองต่ออนาคตรถไฟไทย



: นั่งรถไฟขบวนเดียวกับท่านนายกฯ เป็นอย่างไรบ้าง

โบกี้ที่ท่านนายกฯ นั่งไปซึ่งผมได้รับความกรุณาให้นั่งไปด้วย เป็นโบกี้ที่ญี่ปุ่นปลดระวางมาให้ฟรี ด้วยความเวทนา หลังใช้มาเกือบ 40 ปี คนแก่อายุจะ 70 ปีอย่างผม เวลาลุกขึ้นยืนก็เวียนหัวเพราะนั่งโยกไปโยกมา แม้การรถไฟฯ พยายามตกแต่งให้พอจะนั่งได้ มีส้วมนั่งแทนที่จะนั่งยอง แต่มีเสียงที่ดังยิ่งกว่าจั๊กจั่น อยู่ข้างหูสักหนึ่งแสนตัว ทำให้การประชุมฟังไม่รู้เรื่อง แต่รถไฟแบบนี้ก็ต้องมีอยู่เพราะมีผลต่อรายได้ประชาชน

: ได้แนวคิดอะไรใหม่ จากการนั่งรถไฟไปกับนายกฯ ขบวนนี้

ผมไม่ได้นั่งรถไฟไทยมาประมาณเกือบ 30 ปีแล้ว พอรถออกได้แป๊บเดียวเห็นตรงสลัมข้างๆ ชาวบ้านปลูกกล้วยดูแล้วไม่เลว แสงอาทิตย์ส่องผ่านความเขียวพิเศษของใบกล้วย สวยมาก วิวแบบนี้ ความเป็นธรรมชาติ ที่ไม่ใช่สวนกระแดะ แล้วทำไมฝรั่งจะไม่คิดว่าสวย

ฝรั่งรวยๆ จากทวีปยุโรปที่ไม่เจ๊ง ชีวิตในเมืองนอกมีแต่ระเบียบ พวกเขาถึงมาประเทศไทยกัน แล้วยอมขึ้นรถไฟซังกะบ๊วย 108 ปี ของเรา เพราะวิวสวย และความน่ารักของพนักงาน

ผมถึงบอกสงสารรถไฟกันบ้าง อย่าไปกระทืบรถไฟกันนัก บ่นกันอยู่นั่น ขนาดเป็นแบบนี้ ยังมีลูกค้า แล้วคิดดู ลองทำระบบให้ดีขึ้น แล้วคุณคิดว่ารถไฟไทยจะงี่เง่าเหมือนเดิมได้ยังไง

ผมจะบอกอะไรให้ รถไฟไทย มีสินทรัพย์เก่า ซึ่งถูกสังคมกลั่นแกล้งให้กลายเป็นหนี้ เบียดเบียน รถไฟไทยผู้ซึ่งมีสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศไทยองค์กรหนึ่งให้กลายเป็นหนี้ อันนี้เป็นความตั้งใจหรือไม่ ก็ต้องให้นักเรียนประวัติศาสตร์ ค้นประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยดู

ผมยังอยากได้สัมปทานทำโรงแรมตรงหัวลำโพง ข้างๆ ชานชาลา 1 มีโรงแรมเก่าที่หรูที่สุดในประเทศไทยเมื่อตอนสร้างสถานีนี้ แล้วประเทศเราไม่ทำให้สินทรัพย์มีชีวิต คุณทิ้งมัน เหมือนคุณเป็นเศรษฐี กระแดะ มีบ้านหรูๆ คุณปิดเอาไว้เฉยๆ คุณว่าพังไหม

: ที่ผ่านมา มีแต่การคิดเรื่องขายตั๋ว แต่ไม่ได้ขายวิว หรือการบริการ

ถูกต้อง...คืออย่างนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานรถไฟ มันเป็นหน้าที่ของผู้บริหารประเทศที่จะทราบว่า อะไรคือสินทรัพย์ของประเทศ ที่จะเพิ่มพูน "ภาษี" ได้ เพราะสำหรับประชาชน จะมองว่าอะไรคือสินทรัพย์ ที่จะเพิ่มพูน "รายได้" ได้ การตีราคาสินทรัพย์ เพราะไม่เข้าใจมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ในประเทศไทย มีเต็มไปหมด

: รถไฟหวานเย็นวิ่งไปกับอนาคตไม่ได้ แล้วรถไฟความเร็วสูงสามารถวิ่งไปกับอนาคตอย่างไร

รางสำคัญกว่าสปีด รถไฟความเร็วสปีดปานกลาง 250 ก.ม./ช.ม. ที่บ้านเราไปเรียกว่ารถไฟความเร็วสูง ทั้งที่ความเร็วสูงสุดที่มีในโลกคือ 500 ก.ม./ช.ม. แต่ที่สำคัญคือ รางขนาด 1.4 เมตร ของรถไฟความเร็วปานกลาง สามารถต่อรางกับประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ และจีน ซึ่งใช้สแตนดาร์ดราง 1.4 เมตร จากยุโรปตะวันตก มาใส่ทั้งทวีปจีน และกำลังจะเป็นหัวรถจักร ที่จะฉุดกระชากเศรษฐกิจโลกไปอย่างน้อยอีก 10-30 ปี

: การลงทุนขนาดใหญ่ ไปกับรถไฟทั้งหวานเย็น และความเร็วปานกลาง จะคุ้มทุนหรือไม่

ต่อให้ทำสำเร็จ ก็ไม่ใช่กิจการเหมือนขายยาม้ายาบ้าที่ต้องมามีกำไร เพราะมันเป็นกิจการช่วยประชาชน เพื่อให้ประชาชนเสียภาษีเพิ่มให้กับรัฐ ภาษาเศรษฐศาสตร์ ถึงมีคำว่า "โครงสร้างพื้นฐาน" คำนวณกำไรด้วยตัวของมันเองไม่ได้ แต่จะคำนวณกำไร-ขาดทุน จากเศรษฐกิจส่วนใหญ่

ผมเข้าใจว่า ที่นักเศรษฐศาสตร์แก่ๆ บางคน บอกว่า ไม่คุ้มทุน คงเป็นเพราะเขานึกว่า โปรเจ็กต์ ต้องขายตั๋วให้คุ้มทุน ถึงเรียกว่าคุ้มทุน

ปัดโธ่เอ๊ย!!!

นักเศรษฐศาสตร์ที่พูดว่าไม่คุ้มทุน บางคนเรียนจบมาจากญี่ปุ่นแล้วท่านก็ลืมนึกไปว่า รถไฟความเร็วสูงจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนเลย เขาขาดทุนการขายตั๋ว แต่ได้กำไรจากการใช้ประโยชน์จากสถานีมีการค้าขาย และรายได้ที่มาจากธุรกิจรอบข้างมีถึง 38 ธุรกิจ ผมถึงบอกว่า เราไม่ได้ขายตั๋วรถไฟ เราขายประสบการณ์ที่ดี ให้กับท่าน

: ไม่ต้องกลัวเรื่องเป็นหนี้ อย่างที่ฝ่ายค้านบอกว่า อาจจะเป็นหนี้ไปหลายช่วงคน

พวกเศรษฐศาสตร์ ก็รู้กัน เป็นหนี้ที่มีการสร้างสินทรัพย์ ที่ก่อให้เกิดธุรกิจเพิ่มเติม คุณมากู้เงินผม ผมมีเงินให้ คุณเอาใบหนี้ของคุณมาให้ผมถือ ผมมีสินทรัพย์ เรียกว่าพันธบัตรรัฐบาล คุณก็เอาเงินไปซื้อเหล็ก รางรถไฟความเร็วสูง เอามาวาง แล้วก็เรียก อาเฮีย อาแปะ ใครอยากเช่าราง จ่ายมาค่าเช่าราง คุณก็ได้สินทรัพย์ แล้วเก็บเงิน เอามาจ่ายดอกผม คุณมีปัญหาอะไร

พี่ไทยกระจอกมีหนี้สาธารณะ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี ส่วนญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะมากกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี แต่ญี่ปุ่นมีเครดิตเรตติ้ง เป็น ทริปเปิ้ลเอ ฝรั่งบอกญี่ปุ่นชั้น 1 ให้เครดิตเรตติ้ง ทริปเปิ้ลเอ

เพราะเขาไม่ได้ดูแค่หนี้อย่างเดียว เขาดูจากประสิทธิภาพการเพิ่มพูนรายได้ จากพื้นฐานของการมีสินทรัพย์ ที่มีประสิทธิภาพ เช่น รถไฟซินกาเซง

: มีการตั้งข้อสังเกตว่า รถไฟความเร็วปานกลาง จะจอดบ่อยไม่ได้ เพราะต้องวิ่งด้วยความเร็ว ฉะนั้น จะเข้าถึงประชาชนได้อย่างไร

ผมถึงบอกต้องมีรถไฟหวานเย็น และต้องมีถนนจากจังหวัดข้างเคียงวิ่งไปสถานีรถไฟความเร็วปานกลาง ผมได้เรียนท่านนายกฯ ไปแล้วว่า สถานีรถไฟความเร็วปานกลางต้องมีองค์ประกอบซึ่งจะมีผลทางเศรษฐกิจ 1.โรงงานยุคใหม่ ประเภท กรีนอินดัสทรี ที่หนีน้ำท่วมไปตั้ง 2.สถานที่ท่องเที่ยวที่ดี

บางสถานี ถ้าไปหยุดตามจังหวัดที่มีสินค้าที่เน่าเสียได้ แต่ราคาแพง ก็จะต้องเป็นสถานีผู้โดยสาร และสถานีขนส่งของขนาดเบา (Light Cargo) กล่องละ 30 กิโล ซึ่งกระทรวงรถไฟญี่ปุ่น ทำวิจัยออกมาพบว่าสินค้าที่เป็น Light Cargo กล่องเบา 30 กิโล ที่กิโลละ 200 บาท ทั้งอาหาร หรือชิ้นส่วนอี-คอมเมิร์ซ มากกว่า 200 บาท มีนับพันอย่าง เพราะฉะนั้น มันเปิดโอกาสให้มีผลผลิตที่เรียกว่า 3 เอ ขายได้แน่ในจีน

: มติ ครม. ที่อนุมัติให้ทำ "รางคู่" ตั้งแต่สมัยอาจารย์ยังหนุ่ม แต่ทำไมเพิ่งจะเริ่มทำจริงๆ ในสมัยรัฐบาลนี้

ตอน ครม.อนุมัติ ให้ทำรางคู่นั้น น้ำมันยังราคา 25-30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ตอนนี้ น้ำมันเกือบ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตอนนั้นสังคมไทยกำลังเฮฮา ซื้อรถยนต์ใหม่ ซื้อ 6 ล้อ 10 ล้อ เศรษฐกิจกำลังบูม จนกระทั่งต้มยำกุ้ง (วิกฤตเศรษฐกิจ 2540) แต่คนไทยไปคิดว่า เล่นเงินกันมากไป

ที่อเมริกาก็เหมือนกัน บริการรถไฟ พอๆ กับไทย วิ่งสปีดสูงสุด 80 ก.ม./ช.ม. สหรัฐอเมริกาก็ลืมโคตรเหง้าของตัวเอง ว่าตัวเองเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ เพราะรางรถไฟที่บุกเบิกจากฝั่งตะวันออกของทวีป ไปฝั่งตะวันตก แล้วไปไล่ฆ่าอินเดียนแดง

: อยากให้มีการดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย อย่างไร เพราะอะไร

วัฒนธรรมการบริการของรถไฟไทย เป็นสิ่งสุดประทับใจ แต่เครื่องไม้เครื่องมือมันเก่า 108 ปี ถ้าเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือให้เขา ผมเชื่อว่ารถไฟจะทำ generate cash income ให้กับประเทศไทยมากกว่าบางบริษัทที่มีหนี้มากกว่ารถไฟ ผมไม่เอ่ยชื่อบริษัทนั้นนะ และครอบครัวสหภาพรถไฟจะมีอนาคตจากรถไฟสปีดปานกลางจากการผลิตสินค้าขนาดเบา Light Cargo ด้วย นี่คืออนาคตรายได้ของกลุ่มแม่บ้านสหภาพ

: กรณี คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เคยบอกว่า ถ้า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โหวตไม่ผ่าน รัฐบาลอาจจะยุบสภาก็ได้

อันนั้นไม่ทราบ ผมไม่ได้ติดตามการเมือง...แต่ถ้า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ไม่ผ่าน ก็ต้องฟ้องประชาชน เราก็จดชื่อในบัญชีหนังหมาเอาไว้ ใครบ้างไม่ให้ผ่าน ทำอะไรเพื่อประชาชนมันไม่ง่าย

แล้วถ้าใครจะไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่แน่ ประชาชนอาจจะฟ้องบ้างแล้วห้ามศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มาดูวิวรถไฟก็ได้นะ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377068670&grpid=01&catid=&subcatid=

***************************************************

ปชป.สว.ลากตั้ง อย่าฉุดรั้งประเทศชาติไปมากกว่านี้เลย เห็นแก่อนาคตลูกหลานชาวบ้านตาดำๆด้วยเถอะ มือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำเลย