ขอตั้งกระทู้กรณีเหตุการณ์การตัดสินใจไม่รับคืนเงินสินค้าของลูกค้านะคะ

คืออยากจะอธิบายเหตุการณ์พร้อมกับรูปภาพที่แคปเจอร์การสนทนาระหว่างการซื้อขายของกรณีที่ทางไม่รับคืนเงินให้กับลูกค้าท่านนี้ ซึ่งตอนนี้เป็นกรณีที่หลายท่านให้ความสนใจว่าจะเป็นยังไงต่อไป ทางด้านนี้ขอให้เป็นด้านของแม่ค้าบ้างนะคะว่าเหตุผลที่ได้ตัดสินใจไม่คืนเงินให้กับลูกค้าท่านนี้เพราะอะไร

ร้องไห้ เรื่องมันมีอยู่ว่าลูกค้าท่านนี้ที่ชื่อในเฟสใช้ชื่อ Maria IK ได้สั่งเครื่องสำอางค์ของร้านเราไปแล้ว พอส่งสินค้าถึงมือก็มากล่าวหาบอกเราว่าของที่ได้ไปไม่ตรงกับภาพที่โชว์

เศร้า ซึ่งทางเราก่อนที่จะส่งสินค้าจะต้องมีการตรวจสอบเช็คสินค้าก่อนส่งอยู่แล้ว เลยเกิดอาการงงไปเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ร้องไห้ พอซักไปซักมาทางลูกค้าที่มาโวยวายชักมีการเบี่ยงประเด็นไปอีกทางนึง ทางเราก็เลยคิดว่าน่าถูกหลอกแน่นอนจึงขอไม่รับผิดชอบใดๆไป แล้วอยู่ดีๆลูกค้าท่านนี้เองก็มาโพสกระทู้ลงพันทิพย์ดราม่าเรื่องนี้เป็นตุเป็นตะแล้วก็เอาชื่อร้านเรามาออกสื่อว่าแบบนี้ค่ะ

http://ppantip.com/topic/30866005

คือแบบว่าตอนนี้ไม่โกรธท่านที่อ่านแล้วดราม่าตามกระทู้นะคะ แต่ลองคิดกลับกันว่าถ้าเราเป็นพวกขายของโกงลูกค้าจริงๆ ทางเราไม่ได้อยู่มาถึงตอนนี้หรอกค่ะ คงถูกประจานและคงไม่มีใครกล้าซื้อของกับเราไปนานแล้ว เพราะกระทู้ที่ได้กล่าวหาทางร้านเรา เราเองก็ได้เอาไปแปะที่หน้าวอลล์ของเพจเราและคุณลูกค้าเก่าๆที่ได้เลยอุดหนุนกันมาก็ได้มาให้กำลังใจกัน ถ้าเราขายของไม่ดีหรือของปลอมจริงๆทางร้านไม่น่าจะมีลูกค้าประจำที่สั่งสินค้ากันอยู่เสมอ ใครที่ไม่เชื่อให้เข้าไปดูที่เฟสเราได้ค่ะ หลิ่วตา

เรื่องมันเริ่มว่าลูกค้าท่านนี้ที่ชื่ในเฟสชื่อ Maria Ik



( อันนี้เพิ่งมาสังเกตว่าโปรไฟล์ของเค้าไม่มีรูปซักรูป รายละเอียดก็ไม่มีอะไรเลย )


Maria Ik เค้าได้มาสั่งสินค้า eyeliner รุ่น make up for ever aqua eye set จากร้านเราเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2556 รายละเอียดแบบนี้นะคะ



ภาพการสนทนานะคะ




ทางร้านเราก็ตอบไปตามปกติส่วนลูกค้าท่านนี้ก็เซ้าซี้เรื่องของแท้ของปลอม เราก็บอกว่าของแท้แน่นอนรับประกันคืนเงิน
( ทางร้านยังไม่รู้เลยค่ะว่าราคาของปลอมราคา 200-400 บาท เพิ่งทราบจากลูกค้าท่านนี้แหละค่ะ อีกอย่างคือรับมาก็แพงกว่า 400 บาทแล้วจ้า)



จนกระทั่งได้ทำการโอนเงินและส่งของไปเป็นที่เรียบร้อย เท่านั้นแหละพอลูกค้าท่านนี้ได้รับสินค้าไปก็กลับมาบอกเราว่า สินค้าที่ได้รับไปมีสีไม่ตรงกับภาพที่เอามาแสดงขายค่ะ

ภาพการสนทนา



ภาพที่ทางร้านเอามาลงเพื่อโปรโมทขายสินค้าค่ะ




แต่ทางลูกค้าบอกว่าเค้าได้รับสีแบบนี้ไป



ทางเราก็ตกใจนะคะ คือตั้งแต่ขายมาไม่เคยเจอเคสแบบนี้เลยค่ะ ถ้าจะส่งผิดก็เป็นสินค้าที่ผิดกับที่สั่งไปเลย แต่เคสนี้เป็นสินค้าตัวเดียวกันแต่สีไม่ตรงกันจึงงงมากๆ เพราะก่อนส่งทางร้านได้เปิดดูแล้วว่าสินค้าตัวที่ส่งไปนั้นเป็นสินค้าที่ไม่มีตำหนิและดูคุณภาพก่อนส่ง ตอนแรกคิดว่าน่าจะมาท้วงว่าสีนั้นเข้มหรืออ่อนต่างจากภาพที่เอามาโปรโมทแต่อันนี้สีที่ได้รับไปกลับผิดเพี้ยนไปคนละเรื่องเลย ทางร้านเลยไปเอาสินค้าที่มีในสต็อคมาถ่ายให้เค้าดู ( สินค้าตัวนี้ทางร้านได้สต็อคไว้ 2 ชิ้นซึ่งแจ้งไว้แต่แรกตอนที่ขายแล้ว ท่านที่บอกว่าสต็อคของแท้ไว้ 1 ชิ้นส่วนที่เหลือขายของปลอมนี่น่าจะลองคิดดูใหม่นะคะ )



ส่วนนี้เป็นภาพถ่ายสต็อคของที่ทางร้านที่ส่งให้กับลูกค้าท่านนี้ค่ะ



คือต้องบอกก่อนนะคะว่าทางเราก่อนจะเลือกตัวรีวิวหรือภาพที่จะเอามาโปรโมทสินค้า ทางร้านก็จะเอาสินค้ามาดูก่อนว่าตรงกันมากน้อยแค่ไหนเพราะรีวิวสินค้าแต่ละตัวนั้นมีเยอะมากซึ่งถ้าให้ทางเราแกะมาลองเองก็อาจจะไม่ได้ขายกันพอดีเช่นในกรณีนี้ที่ทางร้านได้มาแค่ 2 ชิ้นถ้าแกะมารีวิวเอามาทาสีให้ดู ชิ้นที่เอามาทำรีวิวก็ไม่สามารถเอามาขายต่อได้ ทางเราจึงต้องใช้ภาพของต่างประเทศ ส่วนที่ถ่ายสต็อคของที่เหลืออยู่แล้วส่งให้คุณลูกค้าดูแสงมันค่อนข้างมืดและในกล่องสีจะวางสลับกันเลยเอามาถ่ายใหม่แล้วส่งให้ในกระทู้ที่กล่าวหาได้ดูเป็นแบบนี้ค่ะ








ซึ่งพอเอามาเทียบกันสินค้าที่ลูกค้าบอกว่าได้รับแล้วมันกลับเป็นคงละแบบ คิดไปคิดมาจากตอนแรกที่เราคิดว่าถ้าเค้าไม่พอใจในสินค้าจริงๆ น่าจะมาขอเปลี่ยนเป็นตัวที่ถูกต้อง
ประหลาดใจ แต่เรามาสะดุดคำว่า "ขอเป็นเงินคืน" นี้แหละค่ะและก็จะมาคืนของให้กับเรา



ลองคิดตามนะคะ ว่าถ้า "ของที่ลูกค้าส่งมาไม่ใช่สินค้าที่เราส่งไปให้" ก็เท่ากับว่าทางเราเสียทั้งสินค้าของจริงทั้งเงินแถมได้ของปลอมมาอีกจริงมั้ยคะ ทางเราจึงไม่ยอมค่ะ เพราะหลักฐานนั้นมีแค่ภาพสินค้าที่ได้รับไป ซึ่งก็ไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าได้มาจากทางร้านเราจริงๆ บอกเลยว่าถ้ามีหลักฐานอะไรมากกว่านี้จริงๆหรืออย่างน้อยมาขอเปลี่ยนเป็นตัวที่ทางร้านถ่ายไปให้ดูก็ยังพอว่าแต่อันนี้จะเอาเงินคืนท่าเดียวเลยมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ ถ้าคนที่อยากได้สินค้าจริงๆน่าจะขอเปลี่ยนค่ะ

ภาพการสนทนา



ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นนะคะว่าประเด็นคือสีไม่ตรงกับในรูปเท่านั้นที่เถียงกันไปมาอยู่ แต่ซักพักนึงประเด็นมันเริ่มเปลี่ยนค่ะ มันกลายเป็นว่ากล่องที่เค้าถ่ายมาข้างในเป็นกล่องพลาสติกค่ะ เหมือนเค้าเพิ่งนึกออกเลยท้วงมาทีหลัง ตอนแรกบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะว่าทางร้านร้านขายของปลอม ซึ่งถ้าเห็นแต่ทีแรกแล้วควรจะท้วงมาก่อนแล้วนะคะ เพราะสต็อคที่เราถ่ายให้ดูก็เป็นกล่องโฟมค่ะ



ตอนที่รับสินค้ามาทางร้านมั่นใจว่าเปิดดูสินค้าเมื่อซื้อมาแล้วทุกชิ้นนะคะ เพราะถ้าไม่พอใจทางร้านสามารถเอาไปคืนได้เพราะสินค้ามาจาก BA เครื่องสำอางค์แบรนด์ๆหนึ่งค่ะ แต่ตัวสินค้าที่ส่งภาพมาให้ดูฐานมันไม่ใช่แบบที่ส่งไปเลยอันนี้เลยยิ่งมั่นใจเลยว่าไม่ใช่ของทางร้านแน่นอน จึงพิมพ์บอกคุณลูกค้าไปเลยค่ะว่าไม่ใช่ของเราแล้วเค้าก็มายัดเยียดให้ค่ะ



เศร้า สรุปสุดท้ายเลยทางร้านอยากให้ลองคิดตามดูซักนิดนะคะว่าที่ลูกค้าคนนี้เอาเรื่องนี้มาโพสเป็นกระทู้เตือนผู้อื่นว่าตนเองได้โดนกระทำอย่างโน้นอย่างนี้โดยที่เอาเนื้อหาเพียงส่วนเดียวของการสนทนามาตัดต่อจนกลายเป็นเรื่องที่ทางร้านเป็นผู้ผิดแบบเต็มๆโดยที่ไม่ได้เอาเรื่องราวทั้งหมดมากล่าวให้ทราบอย่างกระจ่าง อีกทั้งยังเอาชื่อร้านมาประจานแบบนี้ทางร้านเลยตกเป็นเป้านิ่งให้ผู้อ่านมาด่าแบบไม่ยั้ง คงรู้เจตนาของผู้ที่ทำลงไปนะคะ แต่ก็ต้องบอกเลยว่าเคสแบบนี้ทางร้านก็หาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ได้ยากจริงๆ ส่วนสุดท้านที่ลูกค้าท่านนี้ได้บอกว่าได้เงินจากทำแบบนี้ได้ 350 บาทนั้นไม่ใช่นะคะ ลองคิดดูดีๆว่า เค้าเอาสินค้าเราไปมูลค่า 750 บาท แล้วมาบอกให้เราคืนเงินไปให้เป็นจำนวนค่าสินค้าคือ 750 รวมกันแล้ว 1500 บาทที่เราจะเสียไป แต่ถ้าเค้าเอาของปลอมส่งคืนมาต้นทุนตามที่เค้าบอกมา 400 บาท ส่วนต่าง 1100 บาทนะคะที่เค้าจะได้ไปคือได้ทั้งเงินได้ทั้งของที่ต้องการไป

แล้วขอบอกสำหรับท่านที่มาด่าเราว่าโกงอย่างงั้นอย่างนี้ อยากทราบว่าท่านรู้ได้อย่างไรว่าคนที่กล่าวหาได้พูดเรื่องจริง เพราะคนที่กล่าวหามาก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดแบบ 100% เลยว่าของชิ้นที่ถ่ายรูปมาเป็นของจากร้านเรา ท่านก็ว่าเราไปต่างๆนาๆ ถ้าลูกค้าคนนี้ทำกับร้านค้าอื่นแล้วเค้ายอมคืนเงินให้ไปเรื่อยๆก็คงจะไม่มีร้านไหนมาโดนตั้งกระทู้อย่างนี้หรอกค่ะ หรือเพราะเห็นว่าเป็นแม่ค้ายังไงก็จะเอาผิดให้ได้ ไม่ได้มีการมองในมุมกลับกันเลยว่าแม่ค้าก็เป็นผู้ถูกกระทำได้เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่