พิษรัก ตอนที่ 10

กระทู้สนทนา
เพราะโปรเจคสำคัญที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ทำให้น้ำตาลและแบงค์ไม่อาจปฏิเสธได้ต้องเดินทางไปเกาะสมุยด้วยกันด้วยเที่ยวเรือสุดหรู
“ถ้าไม่จำเป็นนายไม่ต้องมาพูดกับฉัน”
น้ำตาลพูดขึ้นเสียงแข็งก่อนจะเดินแยกไปนั่งอีกมุมนึงของเรือ
“คุณไม่มีรู้หรอกว่าผมไม่เคยคิดจะเริ่มต้นมันสักครั้งทั้งที่เป็นผมเองที่จะเป็นจะตายเพราะคุณ”
แบงค์พรึมพรำอยู่ในลำคอก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านในเรือ
“ฉันล่ะเกลียดท่าทีเฉยเมยของนายที่สุดเลย”
น้ำตาลบ่นมองค้อนแบงค์จนลับสายตาไป
“แต่ผมละเกลียดคุณที่สุดเลย”
น้ำเสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นทำให้น้ำตาลมองหาต้นเสียงด้วยความแปลกใจ
“นายเป็นใคร.......แน่จริงก็ออกมาดิ”
“ผมก็อยู่ข้างๆคุณมาตลอดแต่คุณไม่เคยมองเห็นผมเท่านั้นเอง”
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมปรากฏร่างสูงใหญ่ที่น้ำตาลไม่มีทางลืมว่าเขาเป็นใคร “พันธมิตร”ผู้ชายที่เธอแสนเกลียดชังเพราะเขาเธอถึงต้องทุกข์ใจจนถึงวันนี้

“ไอ้เลว.....แกมันเลว......สารเลว”
น้ำตาลโมโหจนเลือดขึ้นหน้าตรงเข้าใช้กำลังกับพันธมิตรแต่เขาก็รวบมือทั้งสองข้างของเธอไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น
“อย่าได้คิดว่าคุณจะทำร้ายหัวใจผมได้เหมือนในอดีตตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะคืนความเจ็บปวดทั้งหมดให้คุณ คุณจะต้องรู้สึกมากกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่าผมจะทำทุกอย่างที่มันจะทำให้คุณต้องทรมานและสิ่งเดียวที่ผมปารถนาจากคุณ ผมอยากให้คุณต้องตายทั้งเป็น”
พันธมิตรกล่าวด้วยแววตาและท่าทีที่แสนเครียดแค้นพลักน้ำตาลตกลงไปในน้ำทะเลลึก ไม่มีสักวินาทีที่เขาคิดลังเล
“กรี๊ด........ช่วยด้วย....ช่วย”
น้ำตาลวี๊ดร้องขอความช่วยเหลือดำพุดดำว่ายอยู่ในน้ำหลายนาที
“ผมไม่ปล่อยให้คุณตายง่ายๆหรอกแค่อยากให้รู้สึกถึงความรู้สึกของคนกำลังจะตาย”
พันธมิตรกล่าวด้วยความพอใจยืนมองดูน้ำตาลทุรนทุรายเพื่อเอาชีวิตรอด
“ช่วยด้วยคะคนตกน้ำ”
น้ำเสียงตื่นที่ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้แบงค์รีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ
“น้ำตาล”
แบงค์อุทานด้วยความตกใจกระโจนลงน้ำอย่างลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น
“นายมันรนหาที่เอง”
พันธมิตรยืนยิ้มกริ่มมองดูแบงค์ที่ดำพุดดำว่ายอยู่ในน้ำลึกเช่นเดียวกับน้ำตาล
“เธอยังตายตอนนี้ไม่ได้หรอกมันง่ายเกินไป”
พันธมิตรกล่าวเสียงเหี้ยมก่อนจะกระโดดลงน้ำไปช่วยน้ำตาลขึ้นมาบนบกก่อนที่เธอขาดใจตาย เช่นเดียวกับแบงค์ที่เจ้าหน้าที่ของเรือก็มาช่วยเขาให้รอดชีวิตเช่นกัน
                      ในห้องพยาบาลแบงค์และน้ำตาลนอนหลับอยู่บนเตียงคนป่วยเพราะอาการอ่อนเพลีย กว่าสามชั่วโมงที่เขาและเธอนอนหลับสนิทโดยมีสายตาของพันธมิตรจดจ้องมองด้วยความเกลียดชัง
“ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรจะได้รับความรักจากใครหรอก”
พันธมิตรพูดใส่น้ำตาลทันทีที่เธอลืมตาขึ้น

“ไอ้บ้า.............”
น้ำตาลตะโกนด่าเขาเสียงลั่นคว้าแจกันบนโต๊ะกว้างใส่พันธมิตรจนเลือดอาบใบหน้า โทษฐานที่เขาทำเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“ฉันเกลียดแก....ไอ้สารเลวออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย....ไป
”น้ำตาล
อาละวาดกว้างปาข้าวของใส่พันธมิตรที่นั่งนิ่งด้วยท่าทีเฉยชา
“เกลียดอย่างนั้นเหรอ......คุณเกลียดผมอย่างนั้นหรอก”
พันธมิตรกัดฟันกรอดๆตรงเข้ากระชากแขนทั้งสองข้างของน้ำตาล ดวงตาคมเข้มเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“คุณรู้ไหมว่าผมนะแสนจะเกลียดชังคุณความรู้สึกนั้นมันมากซะจนผมหาคำมาใช้ไม่ได้ ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณได้เข้าใจและได้รู้สึกว่าผมเกลียดคุณจนเข้ากระดูกดำ ผมอยากให้คุณเจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลยแล้วคุณจะได้รู้ ผมจะทำให้คุณรู้เองว่ามันเป็นยังไง”
พันธมิตรตะคอกใส่หน้าน้ำตาลก่อนจะเหวี่ยงเธอลงบนเตียงและเดินออกไปจากห้องพยาบาลก่อนที่เขาจะหักแขนน้ำตาลด้วยมือของเขาเอง
“ไอ้บ้า......นายมันบ้าที่สุด....ฉันต่างหากที่เกลียดนายจนเข้ากระดูกดำ”
น้ำตาลตะโกนไล่หลังพันธมิตรไปอย่างไม่ยอมเขาง่ายๆ ทั้งที่เขาเองก็ทำกับเธอไว้เจ็บแสบยังมีหน้ามาต่อว่าเธออีก
“สมควรแล้วกับผู้หญิงอย่างคุณเพราะคุณไม่มีหัวใจให้คนอื่นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ถึงมีแต่ความเกลียดชัง”
แบงค์พูดขึ้นเสียงเรียบหลังจากนอนฟังนิ่งมาหลายนาที
“อยากจะด่าอะไรฉันก็ด่ามาเลยเพราะว่าในสายตาพวกนายฉันมันก็เป็นได้แค่ผู้หญิงชั่วๆคนนึง แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเริ่มต้นมันก่อน พวกนายเองต่างหากที่เดินเข้ามาหาฉันด้วยความเต็มใจ”
น้ำตาลพูดเสียงเขียวพยายามอย่างที่สุดที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าคนไม่มีหัวใจอย่างคุณอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง”
แบงค์พูดเดินออกไปจากห้องพยาบาลอีกคน
“เสียใจด้วยนะที่ฉันไม่ได้ตายอย่างที่นายหวังทั้งที่นายอุตส่าห์เจียดเวลามาดูใจฉันถึงที่นี่ ฉันไม่ยอมตายง่ายๆหรอกต้องอยู่สืบสายเลือดร่านผู้ชายในตัวฉันให้ทายาทรุ่นต่อไปก่อน”
คำประชดประชันของน้ำตาลทำให้แบงค์โกรธจนควันออกหูแต่เขาก็ต้องแข็งใจเดินต่อไปเพราะน้ำตาลยังไม่หายดี
                      ทันทีที่ถึงเกาะสมุยน้ำตาลและแบงค์ก็มีเรื่องให้ต้องปวดหัวอีกเพราะห้องของเขาและเธออยู่ติดกันและไม่สามารถย้ายห้องได้เพราะห้องเต็มหมดแล้ว
“ซวยอะไรอย่างงี้วะ”
แบงค์บ่นพรึมพรำขณะกำลังไขกุญแจเข้าห้อง
“ฉันซิซวยที่ต้องมาอยู่บริเวณพื้นที่เดียวกับนาย”
น้ำตาลร้อนตัวเถียงแบงค์อย่างหัวเสีย
“หุบปากซะบ้างเถอะผมพูดของผมคนเดียวนะ บ้าบอมาทั้งวันไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างหรือไง”
“นี่นายว่าฉันบ้าเหรอ.....ไอ้”
น้ำตาลโวยวายยกมือจะตีแบงค์แต่ก็ต้องชะงักเพราะคำขู่ของเขา
“คุณตบผมจูบนะเอาดิ”
“ไอ้บ้านี่....นาย...นาย.....”
น้ำตาลเถียงไม่ออกยืนชี้หน้าเขาด้วยความเจ็บใจ
“ถ้าไม่กล้าก็ถอยไปห่างๆเลยรำคาญ”
แบงค์พูดตัดบทก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักปล่อยให้น้ำตาลยืนร้องด่าเขาอยู่หน้าห้อง
“เชิญแหกปากไปเถอะยายเด็กไม่รู้จักโต”
แบงค์อมยิ้มอย่างลืมตัวก่อนจะทิ้งตัวลงบนที่นอนและเผลอหลับไป แต่เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นแบงค์ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเพลงแดนซ์จังหวะเร้าใจที่ดังมาจากห้องของน้ำตาล
“นี่คุณผีเข้าหรือไงคนจะหลับจะนอนมาเปิดเพลงเสียงดังกวนประสาทอยู่ได้”
แบงค์โวยเสียงลั่นเคาะประตูห้องน้ำตาลรัวอย่างไร้มารยาท
“เคาะให้มือหักฉันก็ไม่เปิดหรอกอยากกวนประสาทฉันดีนัก”
น้ำตาลยิ้มด้วยความสะใจกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะของเสียงเพลง
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้เปิด....บอกให้เปิด”
แบงค์ชักโมโหหนักทั้งเคาะทั้งแหกปากตะโกนทำให้คนข้างๆห้องพากันออกมาต่อว่าเขาเป็นเสียงเดียวกัน
“ขอโทษนะครับ...ขอโทษครับ”
แบงค์ก้มศีรษะให้เพื่อขอโทษก่อนจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แต่เพราะเสียงเพลงที่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดทำให้แบงค์สุดที่จะทนต้องโกหกพนักงานโรงแรมเพื่อเข้าไปในห้องของน้ำตาล
“พี่ครับขอกุญแจให้ผมเถอะครับเราสองคนทะเลาะกันเธอก็เลยไม่ยอมให้ผมเข้าห้อง”
แบงค์แสร้งตีหน้าเศร้ากับพนักงานโรงแรม
“ไม่ได้หรอกคะถึงคุณเป็นแฟนกันจริงทางเราก็คงให้ไม่ได้อยู่ดีเพราะเป็นกฎของที่นี่คะ”  
“ถ้าเธอฆ่าตัวตายขึ้นมาพวกคุณจะทำยังไงกันครับถ้าแฟนผมเขาเกิดน้อยใจผมจนทำอะไรโง่ๆผมจะทำยังไงล่ะ......โธ่ที่รักจ๋ายิ่งติ้งต๊องบ้องตื้นอยู่ด้วย”
แบงค์ยังคงเล่นละครต่อไปเมื่อว่าพนักงานเริ่มจะกลัวในสิ่งที่เขาพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้คะแต่ทางเราคงต้องขอหลักฐานยืนยันว่าคุณกับเธอเป็นแฟนกันนะคะ”
เพราะคำพูดของพนักงานทำให้แบงค์ยืนนิ่งด้วยความรู้สึกเจ็บที่ยังคงมีอยู่ในส่วนลึกในใจเขามาตลอด
“ว่าไงคะคุณ”
เพราะคำถามย้ำของพนักงานทำให้แบงค์ได้สติตัดสินใจหยิบรูปเขาที่ถ่ายคู่กับน้ำตาลซึ่งซ่อนอยู่ใต้รูปเขากับปูนมาให้พนักงานดู ทำให้แบงค์ได้ลูกกุญแจห้องน้ำตาลมาอย่างง่ายดาย
                      “ทำบ้าอะไรของเธอ”    แบงค์โวยเสียงลั่นเมื่อเห็นน้ำตาลเต้นรำไปทั่วห้องอย่างสนุกสนาน
“นายตาบอดหรือไงล่ะฉันกำลังออกกำลังกายอยู่ไม่เห็นเหรอ”
น้ำตาลหันมาต่อปากกับแบงค์แต่ก็ไม่ยอมหยุดเต้น
“นี่มันทุ่มนึงแล้วนะชาวบ้านเขาจะนอนมาส่งเสียงรบกวนอยู่ได้มีมารยาทซะบ้างซิ”
“นายไม่รู้หรอว่าพวกร่านผู้ชายอย่างฉันเนี๊ยะเขาไม่มีมารยาทกันหรอกไม่อย่างนั้นจะสอยผู้ชายได้ไงทีละหลายๆคน”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้แบงค์โมโหหนักขึ้นไปอีกตรงเข้าจับเธอทุ่มไปกับเตียงก่อนจะโถมตัวกดน้ำตาลไว้
“ปล่อยฉันนะปล่อยนะ.......ปล่อย”
น้ำตาลหลับหูหลับตากรี๊ดทั้งที่แบงค์ยังไม่ทันทำอะไรเธอสักนิด
“อย่า......อย่าทำอะไรฉันเลยนะ.....ฉันปิดเพลงก็ได้ไม่เต้นแล้วจะหยุดเดี๋ยวนี้แหละ.....อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
น้ำตาลหลับตาปี๋ดิ้นไม่คิดชีวิตทั้งที่แบงค์ได้แค่กดเธอไว้เท่านั้น
“อย่า.....อย่า.....ยะ”
น้ำตาลเริ่มกรี๊ดไม่ออกเมื่อลืมตาขึ้นแล้วพบว่าแบงค์ไม่ได้ทำอะไรเธอเลยมีแต่เธอที่โวยวายไปเองจนเขาต้องกลั้นหัวเราะ
“ขำอะไรของนาย”
น้ำตาลตะวาดเสียงแหวเพื่อแก้เขิน
“ก็ขำคนบ้ากามที่คิดแต่เรื่องพรรณอย่างว่านะสิ”
แบงค์พูดยังคงกลั้นขำ
“ใคร....อะไรที่ไหนใครคิด.....ฉันปล่าว”
น้ำตาลแก้ตัวทั้งที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“ไม่คิดก็ไม่คิด....ขนาดร้องเป็นหมูถูกเชือดคุณยังไม่ยอมรับเลย”
“ไม่ต้องมาพูดมากดีกว่านายเข้ามาในห้องฉันทำไมไม่ทราบ”
น้ำตาลไปได้น้ำขุ่นๆ
“ผมมาสอนเรื่องมารยาทผู้ดีกับคุณแล้วก็จะมาบอกคุณว่า.........”
แบงค์ทิ้งค้างไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้น้ำตาลชักใจไม่ดี
“ว่าอะไรอย่ามาพูดบ้าๆนะ”
“ก็ว่าแขกที่มาพักก่อนหน้าคุณนะซิเขาหัวใจวายตายเพราะข้างห้องเปิดเพลงเสียงดัง คุณเล่นเปิดเพลงซะลั่นห้องขนาดนั้นไม่แน่นะคืนนี้เขาอาจมาหาคุณ”
แบงค์พูดพละออกจากตัวน้ำตาลและเดินตรงไปที่ประตูทางออกแต่ทว่าน้ำตาลกับวิ่งไปขวางหน้าแบงค์ไว้
“อย่ามาอำกันสิคุณ......”
น้ำตาลพูดหน้าแหย
“คนจิตอ่อนกลัวผีขึ้นสมองอย่างคุณต้องได้เจอเขาแน่คืนนี้”

แบงค์พูดจับไหล่น้ำตาลที่ยืนตาค้างให้พ้นทางเขาและเดินออกไปจากห้องด้วยความซะใจที่ทำให้น้ำตาลกลัวจนหน้าถอดสีได้
“เสร็จฉันแน่.....อยากกวนประสาทดีนัก”
                      เพราะอากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆและเพราะเรื่องโกหกของแบงค์ทำให้น้ำตาลไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงเพราะความหวาดกลัว
“พ่อจ๋า...แม่จ๋า”
น้ำตาลนึกในใจด้วยความหวาดกลัวที่ใกล้จะทำให้เธอหมดความอดทน
“ครึก.....”
เสียงบางอย่างในห้องล้มลงจนเกิดเสียงดังทำให้น้ำตาลกรี๊ดเสียงหลงก่อนจะเร็วจี๋ไปหน้าห้องแบงค์
“นาย....เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ....นาย”
น้ำตาลตะโกนเรียกแบงค์พร้อมเคาะประตูรัวอย่างไร้มารยาท
“ไอ้บ้านี่เปิดประตู”
เสียงน้ำตาลที่ดังลั่นขึ้นไม่มีตกทำให้แบงค์สะดุ้งตื่นและเดินตรงไปเปิดประตูรับเธออย่างหัวเสีย
“เป็นบ้าอะไรของเธอ”
“ฉันกลัวผี”
น้ำตาลตอบตรงๆถือวิสาสะเข้ามาในห้องของแบงค์อย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยนี่คุณจะทำอะไรนะ....เข้ามาในห้องผมทำไม”
“ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้นี่....เป็นเพราะนายคนเดียวที่เอาเรื่องบ้าๆมาหลอกฉันเพราะฉะนั้นนายต้องรับผิดชอบ”
น้ำตาลพูดหย่อนก้นลงบนเตียงของแบงค์อย่างถือวิสาสะ
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”
แบงค์ตะคอกน้ำตาลเสียงลั่นตรงเข้ากระชากแขนเธอทั้งสองข้างให้เธอลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเขา
“ฉันกลัวจริงๆ”
น้ำตาลตอบเสียงเศร้าเพราะเรื่องผีทำให้เธอยอมลงให้แบงค์อย่างง่ายดาย
“มันเรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับผมเราไม่ได้เป็นอะไรกันคุณไม่มีสิทธิอยู่ที่นี่”
แบงค์โมโหตะคอกใส่น้ำตาลลากเธอตรงไปที่ประตู เพราะการกระทำของเธอทำให้เขากลัวใจตัวเอง
“ฉันกลัวจริงนะ....ฉันกลัว”
“ออกไปให้พ้น”
แบงค์ทำใจแข็งลากน้ำตาลออกมานอกห้อง
“ไม่ต้องมาเรียกผมอีกเราไม่สนิทกันขนาดนั้นหรอก”
แบงค์กัดฟันพูดปิดประตูใส่หน้าน้ำตาลแต่เธอก็ยังไม่ยอมง่ายๆดึงบานประตูที่กำลังจะปิดสนิทลงให้เปิดออกอีกครั้ง
“ขอร้องละแบงค์.....ฉันกลัว....กลัวจนทนอยู่คนเดียวไม่ได้”
น้ำตาลร้องไห้โฮใช้สายตาอ้อนวอนแบงค์
“ผมไม่อยากจะเริ่มอะไรอีกแล้ว ผมไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วยซ้ำ”
แบงค์ตัดขาดอย่างไม่ยอมใจอ่อน ปล่อยให้น้ำตาลร้องไห้อยู่หน้าห้องของเขา
“ฉันไม่อยากจะเจ็บเพราะเธออีกแล้ว”
แบงค์พูดกับตัวเองก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงนุ่ม แต่เพราะภาพน้ำตาลที่ร้องไห้จนตัวโยนในอดีตเวลาที่เธอกลัวผีทำให้แบงค์ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่