Birj al arab hotel "หอคอยแห่งอารเบีย" วิสัยทัศน์ และชัยชนะแห่งวิศวะกรรม ของสุลต่านหนุ่ม



....เมื่อกษัตรย์หนุ่มแห่งดูไบ "ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม"  ผู้มีวิสัยทัศน์ ได้มองเห็นหายนะทางเศรษฐกิจของประเทศของพระองค์ เมื่อทรัพยากรณ์น้ำมันดิบได้หมดลง...

...."นครดูไบ" เดิมทีเป็นเมืองชายฝั่งที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย รายได้หลักของประเทศก็มาจากการประมง และส่งออกไข่มุก แต่เมื่อมีการสำรวจพบแหล่งน้ำมันดิบ นครดูใบ ก็เปลี่ยนตัวเองในเวลาอันรวดเร็ว เป็นประเทศที่ร่ำรวย และมีความมั่งคั่ง...
...แต่ถึงกระนั้น การคาดการแหล่งน้ำมันดิบในดูใบ ได้มีการยืนยันว่า แหล่งน้ำมันดิบในประเทศจะหมดในไป 2016 และนี่เอง เป็นสาเหตุที่ทำให้กษัตริย์หนุ่ม ทรงคิดหาทางออกให้กับอนาคตของประเทศของพระองค์

...."น้ำมัน" "แสงแดด" และ "ชายหาด" เป็นทรัพยากรณ์ที่ดูไบมี ซึ่ง ชีค โมฮัมเหม็ด ก็รู้แก่พระทัยดี เมื่อทรพยากรณ์น้ำมันไกล้จะหมดลง ก็เหลือเพียงแค่สองสิ่งเท่านั้น คือ ชายหาดอันงดงามของทะเลอาราเบียนนั่นเอง ...ชีค ได้ผุดแนวคิดจะเปลี่ยนประเทศของพระองค์ ให้เป็นเมืองสวรรค์ของวันหยุดพักผ่อนของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลก ..."ความท้าทายแรก" ของกษัตริย์หนุ่ม ด้วยความทะเยอทะยาน ในการทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน และต้องไม่เหมือนใคร ...นั่นคือ โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก "Birj al arab hotel" หรือหอคอยแห่งอารเบีย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สานรับกันระหว่าง เทคโนโลยี กับ ศิลปะ ได้อย่างลงตัว...

...โรงแรมนี้ตั้งอยู่ในเกาะเทียมที่วิศวะกรสร้างขึ้น และที่น่าสนใจก็คือ ณ จุดก่อสร้างนั้น ไม่มีชั้นหินดาน วิศวะกร จึงใช้เทคนิค ของการเสียดสีของพื้นผิววัสดุ ระหว่างเสาเข็มกับทราย โดยการยืดระยะเสาเข็มออกไปอีก 8 เมตร และมีการใช้คอนกรีต แบบรังผึ้ง เพื่อป้องกันคลื่นชายฝั่ง เพราะผู้ออกแบบต้องการให้เกาะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลน้อยที่สุด เพื่อความสวยงาม และอาคารมีความสูงถึง 1,053 ft ยาวพอๆกับสนามฟุตบอล 4สนามวางตั้งต่อกัน... และนี่เองมันจึงได้ชื่อว่าเป็น โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ^ ^''

ปัจจุบัน "นครดูไบ" ก็ได้ดำเนินไปในทิศทางที่กษัตริย์หนุ่มได้ตั้งใจไว้ เป็นแหล่งช็อปปิ้งและท่องเที่ยวให้กับบรรดามหาเศรษฐี และมีโครงการใหญ่ๆ อีกมากมายที่ท้าทาย และเป็นเอกลักษณ์ ด้วยความที่สุดในโลกของตัวมันเอง...

...มันทำให้ผมต้องหันกลับมามองประเทศไทย ที่กำลังเหมือนคนหลงทาง เดินทางท่ามกลางความมืดมิด ...เราคงลืมไปแล้ว ความครั้งหนึ่งเราเคยมีอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่สวยงาม และผู้คนทั่วโลกชื่นชม อยากมาเที่ยว โดยเฉพาะรายได้ของเรามาจากภาคการเกษตร การส่งออก และการท่องเที่ยว หากเราส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ ให้มีความก้าวหน้า ประเทศเรา ก็อาจอยู่รอดได้ และมีความมั่งคั่ง ดั่งเช่นดูไบ ที่ถูกขับเคลื่นด้วย "วิสัยทัศน์"ของผู้นำ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่