กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ทรงปลดพระราชภาติยะจากตำแหน่งมกุฎราชกุมาร และทรงแต่งตั้งพระราชโอรสในพระองค์ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารแทน โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น
กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ทรงปลดพระราชภาติยะจากตำแหน่งมกุฎราชกุมาร และทรงแต่งตั้งพระราชโอรสในพระองค์ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารแทน โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น
สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงถอดพระยศรัชทายาทจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ผู้ทรงเป็นพระราชภาติยะ (หลานอา) และทรงแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส พระราชโอรสของพระองค์เอง ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารแทนอย่างเป็นทางการวันนี้ โดยสำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ อดีตองค์รัชทายาท ทรงสละตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยเช่นกัน แต่ได้ทรงประกาศสวามิภักดิ์ต่อมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษา และจะทรงรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นตำแหน่งดั้งเดิมของพระองค์ โดยที่ผ่านมา เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบียในการต่อสู้กับกอง กำลังกลุ่มกบฎฮูธิในประเทศเยเมน ซึ่งรัฐบาลซาอุดีฯ เป็นแกนนำในการปราบปรามร่วมกับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ด้วย
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนตัวมกุฎราชกุมารได้รับความเห็น ชอบจากสภาสวามิภักดิ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสมาชิกราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียทั้งหมด โดยที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 31 เสียง จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 34 เสียง ซึ่งแม้เรื่องนี้จะมีผู้คาดการณ์ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว แต่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งยังรู้สึกแปลกใจที่มีการเปลี่ยนมกุฎราชกุมารใน ช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่ซาอุดีอาระเบียกำลังเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดต่อเนื่อง ทั้งจากการประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ และการทำสงครามต่อต้านกลุ่มกบฏในเยเมน
แต่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง มองว่า การปรับเปลี่ยนมกุฎราชกุมารส่งผลดีต่อซาอุดีอาระเบียมากกว่า เพราะทำให้เกิดความชัดเจนเรื่องการสืบทอดพระราชอำนาจ เนื่องจากเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ยังทรงพระเยาว์ และทรงได้รับการยอมรับในหมู่คนรุ่นใหม่ว่าทรงมีวิสัยทัศน์ค่อนข้างก้าวหน้า ซึ่งจะช่วยให้อนาคตของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียมีความมั่นคงขึ้น เพราะเจ้าฟ้าชายจะทรงมีอำนาจในการตัดสินพระทัยเรื่องต่างๆ เพิ่มเติม และจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม 2015 หลังจากที่กษัตริย์พระองค์ก่อนซึ่งทรงเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาสวรรคต และกษัตริย์ซัลมานได้ทรงปรับคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในเวลาต่อจากนั้นไม่กี่เดือน โดยทรงแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ พระราชภาติยะ เป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรส เป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 แต่การเปลี่ยนมกุฎราชกุมารครั้งนี้ จะช่วยลดความตึงเครียดระหว่างเจ้าชายทั้งสองพระองค์ และจะส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียมีเสถียรภาพมากขึ้น
ที่มา
https://www.voicetv.co.th/read/500806 
กษัตริย์ซาอุดีฯ ปลดมงกุฎราชกุมาร
กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ทรงปลดพระราชภาติยะจากตำแหน่งมกุฎราชกุมาร และทรงแต่งตั้งพระราชโอรสในพระองค์ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารแทน โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น
สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงถอดพระยศรัชทายาทจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ผู้ทรงเป็นพระราชภาติยะ (หลานอา) และทรงแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส พระราชโอรสของพระองค์เอง ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารแทนอย่างเป็นทางการวันนี้ โดยสำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ อดีตองค์รัชทายาท ทรงสละตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยเช่นกัน แต่ได้ทรงประกาศสวามิภักดิ์ต่อมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษา และจะทรงรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นตำแหน่งดั้งเดิมของพระองค์ โดยที่ผ่านมา เจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบียในการต่อสู้กับกอง กำลังกลุ่มกบฎฮูธิในประเทศเยเมน ซึ่งรัฐบาลซาอุดีฯ เป็นแกนนำในการปราบปรามร่วมกับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ด้วย
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนตัวมกุฎราชกุมารได้รับความเห็น ชอบจากสภาสวามิภักดิ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสมาชิกราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียทั้งหมด โดยที่ประชุมสภามีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 31 เสียง จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 34 เสียง ซึ่งแม้เรื่องนี้จะมีผู้คาดการณ์ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว แต่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งยังรู้สึกแปลกใจที่มีการเปลี่ยนมกุฎราชกุมารใน ช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่ซาอุดีอาระเบียกำลังเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดต่อเนื่อง ทั้งจากการประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ และการทำสงครามต่อต้านกลุ่มกบฏในเยเมน
แต่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง มองว่า การปรับเปลี่ยนมกุฎราชกุมารส่งผลดีต่อซาอุดีอาระเบียมากกว่า เพราะทำให้เกิดความชัดเจนเรื่องการสืบทอดพระราชอำนาจ เนื่องจากเจ้าฟ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ยังทรงพระเยาว์ และทรงได้รับการยอมรับในหมู่คนรุ่นใหม่ว่าทรงมีวิสัยทัศน์ค่อนข้างก้าวหน้า ซึ่งจะช่วยให้อนาคตของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียมีความมั่นคงขึ้น เพราะเจ้าฟ้าชายจะทรงมีอำนาจในการตัดสินพระทัยเรื่องต่างๆ เพิ่มเติม และจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม 2015 หลังจากที่กษัตริย์พระองค์ก่อนซึ่งทรงเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดาสวรรคต และกษัตริย์ซัลมานได้ทรงปรับคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในเวลาต่อจากนั้นไม่กี่เดือน โดยทรงแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ พระราชภาติยะ เป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรส เป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 แต่การเปลี่ยนมกุฎราชกุมารครั้งนี้ จะช่วยลดความตึงเครียดระหว่างเจ้าชายทั้งสองพระองค์ และจะส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียมีเสถียรภาพมากขึ้น
ที่มา
https://www.voicetv.co.th/read/500806