สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าคำพูดของอธิบดีดีเอสไอ ที่อ้างทำนองว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นประมุขของประเทศนั้น คือ พฤติกรรมรับใช้ สอพลอ และการใช้อำนาจรัฐของบรรดาขี้ข้าทั้งหลายนั่นเอง
พฤติกรรมแห่งอำนาจรัฐเวลานี้ ทำเสมือนว่าพี่น้องตระกูลชินเป็นประมุขของรัฐไทยใหม่ไปเสียแล้ว
1) คนด่ายิ่งลักษณ์ถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจรัฐดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษ
อ้างว่า กระทบความมั่นคงของประเทศ
กรณีแบบนี้ สะท้อนความรับใช้เกินขอบเขตของกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี คือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าถูกละเมิด ถูกด่า ก็มีสิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองทั่วไป หรืออย่างมากสุดก็แค่ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มิใช่อ้างว่ากระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
นายกฯ มิใช่ประมุขของประเทศ
ประมุขของประเทศไทย คือ พระมหากษัตริย์ จึงมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในหมวดความมั่นคง เพื่อปกป้ององค์พระประมุขของประเทศ ผู้ใดจะบังอาจละเมิดต่อพระมหากษัตริย์มิได้
2) มีการจัดสรรงบกลางที่อยู่ภายใต้การตัดสินใจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเฉพาะตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์จำนวนมหาศาล
จะเรียกว่า งบสนองความต้องการของยิ่งลักษณ์(ทักษิณ)
ตั้งงบกลางทั้งหมด 345,459 ล้านบาท จัดเป็นงบสำรองจ่ายฉุกเฉินของนายกฯ 72,500 ล้านบาท
นายกฯ ยิ่งลักษณ์มีอำนาจตัดสินใจทันทีว่าจะเอาไปใช้จ่ายอะไร
ไม่มีกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรองที่รัดกุม
พฤติกรรมเยี่ยงนี้เป็นการรวบอำนาจการตัดสินใจใช้จ่ายเงินแผ่นดินแบบเบ็ดเสร็จ
3) ยิ่งลักษณ์เดินทางไปต่างประเทศ โดยที่ไม่ต้องชี้แจงอธิบายเหตุผลที่มาที่ไป หรือแม้แต่แจกแจงสิ่งที่ประเทศชาติจะได้ประโยชน์จากการไปต่างประเทศ
ใช้เงินแผ่นดินไปต่างประเทศกว่า 300 ล้านบาท
แต่พฤติกรรมลอยตัว อยู่เหนือการตรวจสอบ
แถมบ่อยครั้ง ไปประเทศที่พี่ชายเพิ่งจะไปเยือน หรือไปเจรจาธุรกิจส่วนตัว
4) เตรียมงบจัดซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งนายกฯ คล้ายประมุขของต่างประเทศ
พยายามอ้างสถาบันเบื้องสูงบังหน้า
แต่เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ที่จัดซื้อนั้นจะนำมาให้นายกฯ ใช้เดินทางด้วย
5) นำเงินแผ่นดินไปสร้างภาพลักษณ์ส่วนตัวของนายกฯยิ่งลักษณ์มหาศาล
ซื้อสื่อทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ขึ้นป้ายรูปนายกฯ ทั่วทุกหัวระแหง ทุกถนน เกือบจะทุกตรอกซอกซอย
อ้างว่า ภาพลักษณ์ของนายกฯ คือ ภาพลักษณ์ของประเทศ
เป็นการสมอ้างของนักการเมืองที่ชั่วร้ายมาก
เพราะประมุขของประเทศเท่านั้นที่อยู่จะในฐานะดังกล่าว
พระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ต่างหาก คือภาพลักษณ์ของประเทศ คือศูนย์รวมใจของไทยทั้งชาติ
การจัดงานเทิดพระเกียรติในหลวงก็ดี การเสริมสร้างภาพลักษณ์พระมหากษัตริย์ก็ดี อาจอ้างภาพลักษณ์ของประเทศชาติได้ เพราะเป็นงานขององค์พระประมุขของประเทศ แต่การสร้างภาพของนักการเมืองที่บังเอิญได้มาเป็นนายกฯ ไม่บังควรจะมาแอบอ้างเยี่ยงนี้
6) ปัจจุบัน ใครวิจารณ์ยิ่งลักษณ์ในสื่อออนไลน์จะถูกจับจ้องจับผิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้แต่ตัดต่อป้ายข้อความ “เสือ สิงห์ กระทิง” แล้วต่อไปภาพ นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ยังถูกดำเนินคดีฐานกระทำผิดต่อความมั่นคง
ยิ่งตัวพี่ชาย หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ถ้าใครวิจารณ์ก็จะถูกขี้ข้าดำเนินคดี เจ้าหน้าที่รัฐอำนวยความสะดวกเสร็จสรรพ แต่ประชาชนคนไทยกลับไม่สามารถดำเนินคดีกับทักษิณได้บ้าง
เสมือนหนึ่งทักษิณอยู่เหนือกฎหมายไทยทั้งปวง
เขาใช้กฎหมายเล่นงานคนอื่นได้ แต่คนอื่นจะใช้กฎหมายกับเขาไม่ได้
7) ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยตั้งข้อสังเกตว่า
“เป็นที่รู้กันเปิดเผยกว้างขวางทั้งประเทศไทย ในรัฐบาลชุดนี้ ว่าการแต่งตั้งโยกย้าย การกำหนดผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี การดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐทั้งหลาย คุณทักษิณเป็นผู้สั่งการ กำหนดตัวบุคคล เป็นคนแต่งตั้ง ปลด เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี อาจรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อธิบดี ผู้ว่าราชการ ตำรวจ ผู้กำกับ...ไม่มีใครในประเทศไทยที่ไม่เชื่อเช่นนั้น นอกจากคนหูบอดตาบอดไปพร้อมๆ กัน อาจจะมีนพดล (ปัทมะ) ที่เชื่อว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น หรือกรณีคุณเฉลิมออกมาพูดต้องไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็เพราะว่ามีคนไปใส่ความกับคุณทักษิณ
เรื่องเหล่านี้ รู้กันทั้งประเทศ มีแต่คนหูหนวกตาบอดเท่านั้นที่ไม่รู้ เพราะไม่เห็นและไม่ได้ยินว่าในประเทศนี้ไม่มีใครเป็นอะไรได้ ถ้าคุณทักษิณไม่เห็นชอบก่อน
คุณทักษิณแต่งตั้งผู้คนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ให้ความเห็นชอบในการเข้าสู่อำนาจรัฐ โดยที่คุณทักษิณไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองใดๆ ไม่ต้องรับสมัครเลือกตั้ง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่ต้องชี้แจงญัตติไม่ไว้วางใจต่อรัฐสภา ไม่ต้องรับผิดชอบต่อศาลปกครอง ไม่ต้องรับผิดชอบในทางอาญาใดๆ ไม่อยู่ในวิสัยที่ต้องถูกถอดถอนใดๆ ทั้งสิ้น ทำอะไรได้ทุกอย่าง จนกระทั่งถึงขนาดให้สส.ลาออกเพื่อลงรับสมัครเป็น สส.ใหม่ ก็ทำได้มาแล้ว
อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องรับผิดชอบอย่างนี้ เรากำลังอธิบายว่า ประเทศไทยเป็นนิติรัฐ มีการปกครองโดยกฎหมาย เรากำลังบอกประเทศมีการปกครองโดยกฎหมาย คนมีอำนาจต้องรับผิดชอบ
ผมเรียนว่า ทฤษฎีการเมืองการปกครองที่ ศ.ไพโรจน์ ชัยนาม สอนผม คนที่จะมีอำนาจแบบนี้ มีได้แต่เฉพาะพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น”
เท่ากับว่า รัฐบาลชุดนี้ได้สถาปนา “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์โดยทักษิณ” ขึ้นมาแล้วนั่นเอง
ตำแหน่งนายกฯ ก็สืบทอดกันในวงศ์ตระกูล
และประมุขของระบอบที่ว่านี้ ในสายตาขี้ข้าทั้งหลายก็คือ นายใหญ่ของตระกูลชิน นั่นเอง!
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/8188
ปล.แบบนี้จะ แถ กันออกไหมเนี้ย...เอิ๊ก ๆ ๆ
ในสันดานส่วนลึกของ‘ขี้ข้าทักษิณ’
พฤติกรรมแห่งอำนาจรัฐเวลานี้ ทำเสมือนว่าพี่น้องตระกูลชินเป็นประมุขของรัฐไทยใหม่ไปเสียแล้ว
1) คนด่ายิ่งลักษณ์ถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจรัฐดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษ
อ้างว่า กระทบความมั่นคงของประเทศ
กรณีแบบนี้ สะท้อนความรับใช้เกินขอบเขตของกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี คือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าถูกละเมิด ถูกด่า ก็มีสิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองทั่วไป หรืออย่างมากสุดก็แค่ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มิใช่อ้างว่ากระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
นายกฯ มิใช่ประมุขของประเทศ
ประมุขของประเทศไทย คือ พระมหากษัตริย์ จึงมีกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในหมวดความมั่นคง เพื่อปกป้ององค์พระประมุขของประเทศ ผู้ใดจะบังอาจละเมิดต่อพระมหากษัตริย์มิได้
2) มีการจัดสรรงบกลางที่อยู่ภายใต้การตัดสินใจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเฉพาะตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์จำนวนมหาศาล
จะเรียกว่า งบสนองความต้องการของยิ่งลักษณ์(ทักษิณ)
ตั้งงบกลางทั้งหมด 345,459 ล้านบาท จัดเป็นงบสำรองจ่ายฉุกเฉินของนายกฯ 72,500 ล้านบาท
นายกฯ ยิ่งลักษณ์มีอำนาจตัดสินใจทันทีว่าจะเอาไปใช้จ่ายอะไร
ไม่มีกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรองที่รัดกุม
พฤติกรรมเยี่ยงนี้เป็นการรวบอำนาจการตัดสินใจใช้จ่ายเงินแผ่นดินแบบเบ็ดเสร็จ
3) ยิ่งลักษณ์เดินทางไปต่างประเทศ โดยที่ไม่ต้องชี้แจงอธิบายเหตุผลที่มาที่ไป หรือแม้แต่แจกแจงสิ่งที่ประเทศชาติจะได้ประโยชน์จากการไปต่างประเทศ
ใช้เงินแผ่นดินไปต่างประเทศกว่า 300 ล้านบาท
แต่พฤติกรรมลอยตัว อยู่เหนือการตรวจสอบ
แถมบ่อยครั้ง ไปประเทศที่พี่ชายเพิ่งจะไปเยือน หรือไปเจรจาธุรกิจส่วนตัว
4) เตรียมงบจัดซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งนายกฯ คล้ายประมุขของต่างประเทศ
พยายามอ้างสถาบันเบื้องสูงบังหน้า
แต่เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ที่จัดซื้อนั้นจะนำมาให้นายกฯ ใช้เดินทางด้วย
5) นำเงินแผ่นดินไปสร้างภาพลักษณ์ส่วนตัวของนายกฯยิ่งลักษณ์มหาศาล
ซื้อสื่อทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ขึ้นป้ายรูปนายกฯ ทั่วทุกหัวระแหง ทุกถนน เกือบจะทุกตรอกซอกซอย
อ้างว่า ภาพลักษณ์ของนายกฯ คือ ภาพลักษณ์ของประเทศ
เป็นการสมอ้างของนักการเมืองที่ชั่วร้ายมาก
เพราะประมุขของประเทศเท่านั้นที่อยู่จะในฐานะดังกล่าว
พระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ต่างหาก คือภาพลักษณ์ของประเทศ คือศูนย์รวมใจของไทยทั้งชาติ
การจัดงานเทิดพระเกียรติในหลวงก็ดี การเสริมสร้างภาพลักษณ์พระมหากษัตริย์ก็ดี อาจอ้างภาพลักษณ์ของประเทศชาติได้ เพราะเป็นงานขององค์พระประมุขของประเทศ แต่การสร้างภาพของนักการเมืองที่บังเอิญได้มาเป็นนายกฯ ไม่บังควรจะมาแอบอ้างเยี่ยงนี้
6) ปัจจุบัน ใครวิจารณ์ยิ่งลักษณ์ในสื่อออนไลน์จะถูกจับจ้องจับผิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้แต่ตัดต่อป้ายข้อความ “เสือ สิงห์ กระทิง” แล้วต่อไปภาพ นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ยังถูกดำเนินคดีฐานกระทำผิดต่อความมั่นคง
ยิ่งตัวพี่ชาย หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ถ้าใครวิจารณ์ก็จะถูกขี้ข้าดำเนินคดี เจ้าหน้าที่รัฐอำนวยความสะดวกเสร็จสรรพ แต่ประชาชนคนไทยกลับไม่สามารถดำเนินคดีกับทักษิณได้บ้าง
เสมือนหนึ่งทักษิณอยู่เหนือกฎหมายไทยทั้งปวง
เขาใช้กฎหมายเล่นงานคนอื่นได้ แต่คนอื่นจะใช้กฎหมายกับเขาไม่ได้
7) ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยตั้งข้อสังเกตว่า
“เป็นที่รู้กันเปิดเผยกว้างขวางทั้งประเทศไทย ในรัฐบาลชุดนี้ ว่าการแต่งตั้งโยกย้าย การกำหนดผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี การดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐทั้งหลาย คุณทักษิณเป็นผู้สั่งการ กำหนดตัวบุคคล เป็นคนแต่งตั้ง ปลด เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี อาจรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อธิบดี ผู้ว่าราชการ ตำรวจ ผู้กำกับ...ไม่มีใครในประเทศไทยที่ไม่เชื่อเช่นนั้น นอกจากคนหูบอดตาบอดไปพร้อมๆ กัน อาจจะมีนพดล (ปัทมะ) ที่เชื่อว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น หรือกรณีคุณเฉลิมออกมาพูดต้องไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็เพราะว่ามีคนไปใส่ความกับคุณทักษิณ
เรื่องเหล่านี้ รู้กันทั้งประเทศ มีแต่คนหูหนวกตาบอดเท่านั้นที่ไม่รู้ เพราะไม่เห็นและไม่ได้ยินว่าในประเทศนี้ไม่มีใครเป็นอะไรได้ ถ้าคุณทักษิณไม่เห็นชอบก่อน
คุณทักษิณแต่งตั้งผู้คนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ให้ความเห็นชอบในการเข้าสู่อำนาจรัฐ โดยที่คุณทักษิณไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองใดๆ ไม่ต้องรับสมัครเลือกตั้ง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่ต้องชี้แจงญัตติไม่ไว้วางใจต่อรัฐสภา ไม่ต้องรับผิดชอบต่อศาลปกครอง ไม่ต้องรับผิดชอบในทางอาญาใดๆ ไม่อยู่ในวิสัยที่ต้องถูกถอดถอนใดๆ ทั้งสิ้น ทำอะไรได้ทุกอย่าง จนกระทั่งถึงขนาดให้สส.ลาออกเพื่อลงรับสมัครเป็น สส.ใหม่ ก็ทำได้มาแล้ว
อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องรับผิดชอบอย่างนี้ เรากำลังอธิบายว่า ประเทศไทยเป็นนิติรัฐ มีการปกครองโดยกฎหมาย เรากำลังบอกประเทศมีการปกครองโดยกฎหมาย คนมีอำนาจต้องรับผิดชอบ
ผมเรียนว่า ทฤษฎีการเมืองการปกครองที่ ศ.ไพโรจน์ ชัยนาม สอนผม คนที่จะมีอำนาจแบบนี้ มีได้แต่เฉพาะพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น”
เท่ากับว่า รัฐบาลชุดนี้ได้สถาปนา “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์โดยทักษิณ” ขึ้นมาแล้วนั่นเอง
ตำแหน่งนายกฯ ก็สืบทอดกันในวงศ์ตระกูล
และประมุขของระบอบที่ว่านี้ ในสายตาขี้ข้าทั้งหลายก็คือ นายใหญ่ของตระกูลชิน นั่นเอง!
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/8188
ปล.แบบนี้จะ แถ กันออกไหมเนี้ย...เอิ๊ก ๆ ๆ