3.
“พี่กวาง หายหน้าไปหลายวันเลยนะคะ”
รุ่นน้องพยาบาลทักชาคริยาเสียงใสจากด้านหลังเคาน์เตอร์ประจำการของชั้นผู้ป่วยใน หญิงสาวจึงพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเรียบเรื่อย นี่ล่วงสู่วันที่สามนับจากเมื่อกรินทร์ถูกยิงพอดี ตอนนั้นพอหล่อนส่งตัวคนเจ็บขึ้นรถพยาบาล ตัวเองก็ต้องแยกไปให้ปากคำกับตำรวจ ซึ่งชาคริยาพร้อมร่วมมืออย่างเต็มใจ ยกเว้นเพียงสาเหตุที่ทำให้หล่อนปรากฏตัวข้างกายกรินทร์เท่านั้นซึ่งไม่แม้แต่จะแผ้วพานถึง โชคดีว่าตำรวจไม่ได้ติดใจสงสัย
หลังหมดเรื่องจากสถานีตำรวจชาคริยาก็กลับห้อง เหนื่อยทั้งกายและใจจนแทบสลบทั้งยืน แต่เมื่อแผ่นหลังสัมผัสฟูกบนเตียงเข้าจริง ๆ หญิงสาวกลับนอนไม่หลับ
เพราะยามปิดเปลือกตาครั้งใด ภาพกระบอกปืนดำมะเมื่อมก็ราวจะผุดขึ้นจ่อตรงหน้า...
หล่อนกลัว ชาคริยายอมรับอย่างไม่ปิดบัง พอได้อยู่ลำพังประสบการณ์เฉียดตายครานั้นก็ตามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน แม้พยายามทำใจแต่ใช่จะสงบโดยง่าย จึงได้แต่พกพาความอ่อนล้ามาทำงานในวันรุ่งขึ้น และเมื่อมาถึงก็ถูกย้ายแผนกชั่วคราว เพื่อไปแทนพยาบาลแผนกฉุกเฉินซึ่งอาหารเป็นพิษกะทันกัน เพราะชาคริยาเคยประจำแผนกฉุกเฉินมาก่อน ประจวบว่ามีผู้ป่วยจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่จนหญิงสาวต้องทำงานควบกะแทบไม่ได้หยุดพัก แต่กลายเป็นงานหนักกลับทำให้พยาบาลสาวหลงลืมความตึงเครียดไปเสียสนิท กระนั้นเช้าวันนี้ความเพลียก็ยังไม่ทุเลาหมดสิ้น จึงตัดสินใจโบกแท็กซี่มาทำงานแทนการรอรถเมล์ตามปกติ จนถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
ขณะหล่อนกำลังนำกระเป๋าใส่ตู้เก็บของ เครื่องอินเตอร์คอมพลันแผดร้องขึ้น “ขอพยาบาลด้วย”
สิ้นเสียงนั่น พยาบาลรุ่นน้องก็ถอนหายใจดังลั่นจนชาคริยาต้องโผล่หน้าไปถาม
“มีอะไรหรือ”
“ห้อง 805 น่ะซิคะ” หล่อนบ่น “แม่มดจอมบงการออกคำสั่งมาอีกแล้ว เรียกตัวทุกชั่วโมงเลยค่ะ เดี๋ยวก็ให้ปรับเตียง เดี๋ยวก็ว่าน้ำรสชาติพิกลไปเปลี่ยนใหม่ แถมสองสามวันนี้ยังอารมณ์เสียผิดปกติด้วย เฮ้อ”
มือซึ่งกำลังเลื่อนกระเป๋าเข้าที่ชะงัก ชาคริยาขบริมฝีปาก...จะทิ้งช่วงไว้ทำไมกัน เมื่ออย่างไรก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไม่ได้อยู่ดี
“เราใกล้ลงเวรแล้วนี่ เดี๋ยวพี่ไปดูให้เอง”
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะพี่กวาง หนูจะได้ลงบันทึกต่อให้จบเลย” สิ้นประโยครุ่นน้องก็ก้มหน้าก้มตาเขียน จึงไม่ทันสังเกตว่าชาคริยาลอบหยิบนิตยสารพับครึ่งออกจากกระเป๋าสะพาย ก่อนปิดตู้เก็บของสาวเท้าออกจากเคาน์เตอร์ประจำการไป
**********
ผู้ครอบครองห้อง 805 ยามนี้คือสตรีวัยกลางคนชื่อปาหนัน หล่อนถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย คงอยู่ได้ไม่เกินหกเดือน หลังทราบเรื่องสามีหล่อนซึ่งชาคริยามีข้อมูลแค่ว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ส่งตัวภรรยามาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลทันที ทั้งยินดีจ่ายค่าห้องพักเดี่ยวหรูหราอย่างไม่มีเกี่ยงงอน ทว่าตลอดเดือนซึ่งปาหนันอาศัยห้องผู้ป่วยแทนบ้าน เจ้าหน้าที่ซุบซิบกันว่าสามีโผล่หน้ามาเยี่ยมสองสามครั้งเท่านั้น ส่วนลูกหลานเห็นตามประวัติว่าไม่มี หากน่าแปลกที่แม้กระทั่งเพื่อนฝูงก็ยังไร้วี่แวว
แต่นั่นเป็นแค่ความประหลาดใจก่อนหน้าจะได้คลุกคลีกับปาหนันอย่างใกล้ชิด...
หล่อนเป็นคนอารมณ์ร้าย ชาคริยาสรุปได้สั้น ๆ ปกติคนป่วยซึ่งทรมานเพราะโรคก็มักหงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว แต่ปาหนันนั้นต้องบอกว่าพื้นฐานนิสัยหล่อนเป็นอย่างนี้มาแต่แรกเสียมากกว่า หล่อนขว้างปาข้าวของจนเป็นกิจวัตร แผดเสียงใส่ทุกคนที่ย่างกรายเข้าใกล้ และพร้อมออกคำสั่งตั้งแต่เรื่องใหญ่จนถึงเรื่องเล็ก...แน่นอนว่าผู้ปฏิบัติไม่ถูกใจจะโดนด่าเสียมีชิ้นดี ทั้งหมดนี้ทำโดยที่หล่อนเองแทบไร้เรี่ยวแรงจะลุกจากเตียงด้วยซ้ำ
แล้วถ้าปาหนันยังแข็งแรงดีจะสามารถอาละวาดได้ถึงขนาดไหน ?
หลังสตรีผู้นี้มาอยู่แค่สองอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ทั้งวอร์ดก็พร้อมใจตั้งสมญาลับหลังว่ายายแม่มดจอมบงการ ชาคริยาเคยคิดว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำกับคนป่วย แต่หลังจากหล่อนต้องผวาหลบถาดรูปไตที่ปลิววือมาหลังเพิ่งใช้รองรับอาเจียนไปอย่างเฉียดฉิว หญิงสาวก็เลิกห้ามปรามความคะนองปากของเพื่อน แค่ไม่เข้าร่วมผสมโรงด้วยเท่านั้น
เคยมีการร้องเรียนไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่แผนกการเงินมาซุบซิบว่าหลังสามีปาหนันร่อนเช็คซึ่งมีตัวเลขเป็นสามเท่าของค่าใช้จ่ายและความเสียหาย เรื่องก็เงียบหายไป
ชาคริยาเคาะประตูห้อง 805 พลางร้องขออนุญาต หญิงบนเตียงตวัดมองหล่อนด้วยดวงตาซึ่งเริ่มมีสีเหลืองปะปนแทนที่ตาขาวปกติ แก้มตอบลึกจนเห็นสายออกซิเจนพาดผ่านโหนกแก้มสูงเด่นชัด เส้นผมสีเทาแซมประปรายเพราะไม่ผ่านการย้อมเกือบเดือน พยาบาลคนหนึ่งแอบเปรยว่ารูปลักษณ์หล่อนใกล้เคียงแม่มดสมฉายาเข้าไปทุกที น่าแปลกที่ไม่มีใครเถียงเรื่องนี้สักคน
“หายไปนานเชียวนะ” ปาหนันเอ่ยทักคล้ายประโยคของรุ่นน้องก่อนหน้า ทว่าความรู้สึกในน้ำเสียงผิดกันไกล ชาคริยาจึงไม่ตอบคำ เพียงคลี่นิตยสารในมือแล้วยื่นด้านหน้าปกส่งให้ ภาพกรินทร์ยังคงจ้องมองขึ้นมาจากบนนั้น ปาหนันหรี่ตา
“เธอไม่ได้ไปพบเขามาล่ะซิ”
ชาคริยาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ กลับพูดว่า “คุณเรียกพยาบาลทำไมหรือคะ”
หญิงบนเตียงเชิดหน้าสูง ยกมือที่ยังมีเข็มน้ำเกลือคาอยู่ชี้ไปทางระเบียง “เก็บมันขึ้นมา”
ชาคริยาค่อยสังเกตเห็น ใต้เก้าอี้นวมชิดทางออกสู่ระเบียงมีหนังสือพิมพ์นอนกองอยู่ แน่ชัดว่าคงเป็นฝีมือเจ้าของห้อง หล่อนชอบเขวี้ยงข้างของไปทั่วแล้วเรียกคนมาคอยสะสาง เป็นการละเล่นที่คงมีหล่อนสนุกอยู่คนเดียว หากพยาบาลสาวก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากก้มลงไปเก็บตามคำสั่ง ปาหนันปรายตามองแล้วเปรยเบา ๆ
“เหมือนกับภาพซ้ำซ้อนเลยนะ”
ใช่ ชาคริยารับคำในใจ อดหวนย้อนไปยังเหตุการณ์เมื่อหลายวันที่แล้วไม่ได้...เวลาก่อนหน้าที่หล่อนจะพบกรินทร์แค่วันเดียว
**********
นิตยสารหลายเล่มหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ชาคริยาและผู้ช่วยพยาบาลที่เพิ่งเปิดประตูห้องหันมองกันตาปริบ ๆ แล้วขณะจะแยกย้ายไปเก็บ ปาหนันก็ตวาดกร้าว
“อย่าจับนะ ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ !”
ชาคริยายืดตัวจากหนังสือบนพื้นขึ้นสบตาผู้ป่วยซึ่งยังดูสดใสกว่าตอนปัจจุบันมาก ก่อนหันไปแตะบ่าผู้ช่วยที่ยืนตัวลีบอยู่ด้านข้าง
“ออกไปก่อนเถอะ ไว้เก็บที่นี่เรียบร้อยแล้วพี่จะแจ้งแม่บ้านมาถูพื้นเอง”
ผู้ช่วยพยาบาลรีบหมุนตัวหลบจากห้องโดยไม่ต้องบอกซ้ำ ชาคริยาค่อยเอ่ยอีกว่า “ถ้าคุณปาหนันไม่ต้องการหนังสือพวกนี้แล้ว เอาไปทิ้งไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ใครว่าฉันจะทิ้ง !”
ชาคริยาก็นึกเดาเช่นนั้น ด้วยจำได้ว่านิตยสารพวกนี้ปาหนันเพิ่งสั่งคนไปซื้อมาให้เมื่อวันก่อน ระบุรายละเอียดเสร็จสรรพว่าต้องการแบบไหนเล่มที่เท่าไหร่ และเท่าที่ดูบางเล่มยังห่อพลาสติกไว้ด้วยซ้ำ ต่อให้หล่อนอยากขว้างปาข้าวของแค่ไหน ก็คงไม่ลงทุนซื้อของมาปาเล่นเป็นแน่
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรปล่อยหนังสือไว้กับพื้นนะคะ หากคุณหยิบมาใช้งานอีกครั้งแล้วสัมผัสเชื้อโรคเข้าคงไม่ดี”
ระหว่างรอการโต้ตอบชาคริยาก็ฉวยโอกาสก้มเก็บของบนพื้น พลางไล่สะสางไปทีละเล่มระหว่างรอคำบริภาษซึ่งจะติดตามมา น่าแปลกที่กลับมีแต่ความเงียบจนพยาบาลสาวเดินมาหยุดตรงเก้าอี้นวมชิดระเบียง วางกองหนังสือในมือบนนั้นเพื่อก้มลงเก็บนิตยสารเล่มสุดท้ายซึ่งถูกโยนมาไกลสุด สภาพยับย่นบ่งว่าผ่านการใช้งานมามากกว่าเล่มอื่น ตอนนั้นเองที่หญิงบนเตียงเอ่ยขึ้น
“ฉันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
ชาคริยาเงยหน้าขึ้นทันควัน แวบแรกที่หล่อนรับรู้มิใช่ภาพ...แต่เป็นกลิ่น กลิ่นยาฆ่าเชื้อจาง ๆ กลบกลืนกลิ่นเหม็นหืนของอาเจียนปนเลือดซึ่งผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้ายมักเลี่ยงไม่พ้น หากที่หล่อนสัมผัสคล้ายแอบซ่อนอยู่ลึกว่านั้น เป็นกลิ่นของความตาย...ซึ่งแม้หญิงตรงหน้าจะพร่ำปฏิเสธอย่างร้ายกาจเพียงใด ก็มิอาจยับยั้งการคืบคลานของมันได้เลย
“คุณน่าจะทำใจให้สบาย”
“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นห่วงฉันหรอก” คนป่วยสวนกลับ “ฉันรู้...ลับหลังคงพากันสะใจที่แม้แต่ยามใกล้ตาย คนอย่างฉันก็ไม่มีใครมาดูดำดูดี”
ชาคริยาเผลอนิ่วหน้า “ไม่ลอง...เอ้อ ติดต่อสามีอีกสักครั้งหรือคะ เขาน่าจะพอปลีกตัวมาเยี่ยมคุณได้บ้าง”
“ฉันไม่ต้องการตาแก่นั่น วัน ๆ เอาแต่หมกอยู่กับเมียน้อย !” ปาหนันขึ้นเสียง “ฉัน...”
จู่ ๆ คำพูดแผดก้องก็อ่อนแรงลง กระแสเสียงที่ตามติดมาสั่นเครือแทบเหมือนกำลังสะอื้น “...ฉันอยากพบหน้าลูกชายมากกว่า”
คิ้วนางพยาบาลเลิกสูง หล่อนย่อมจำได้ว่าตามประวัติ ไม่เคยมีการระบุถึงเชื้อไขของอีกฝ่ายมาก่อน ทางฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากแห้งผากยกยิ้มราวจะเย้ยใส่ท่าทางฉงนของหล่อน พลางชี้มือตรงมา
“นั่นไง...ลูกชายฉัน”
ชาคริยาก้มดูปกนิตยสารในมือ และวินาทีนั้นเอง...คือตอนที่หล่อนเห็นหน้ากรินทร์เป็นครั้งแรก ทว่าสมองกลับสับสนจนไม่ทันประมวลผลใด ๆ ทั้งสิ้น
“เอ้อ คน ๆ นี้น่ะหรือคะ แล้วคุณทราบได้อย่างไรว่าลูกชายจะขึ้นปกนิตยสาร”
คู่สนทนาเบือนหน้าหลบสายตาหล่อน หากก็ไม่ยากจะสังเกตรอยแดงระเรื่อเหนือแก้มซีดเซียว “ฉันเปิดอินเตอร์เนตเช็คข่าวเขาอยู่เรื่อย ๆ”
พรางใจซ่อนใยรัก ตอนที่ 3-4
“พี่กวาง หายหน้าไปหลายวันเลยนะคะ”
รุ่นน้องพยาบาลทักชาคริยาเสียงใสจากด้านหลังเคาน์เตอร์ประจำการของชั้นผู้ป่วยใน หญิงสาวจึงพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเรียบเรื่อย นี่ล่วงสู่วันที่สามนับจากเมื่อกรินทร์ถูกยิงพอดี ตอนนั้นพอหล่อนส่งตัวคนเจ็บขึ้นรถพยาบาล ตัวเองก็ต้องแยกไปให้ปากคำกับตำรวจ ซึ่งชาคริยาพร้อมร่วมมืออย่างเต็มใจ ยกเว้นเพียงสาเหตุที่ทำให้หล่อนปรากฏตัวข้างกายกรินทร์เท่านั้นซึ่งไม่แม้แต่จะแผ้วพานถึง โชคดีว่าตำรวจไม่ได้ติดใจสงสัย
หลังหมดเรื่องจากสถานีตำรวจชาคริยาก็กลับห้อง เหนื่อยทั้งกายและใจจนแทบสลบทั้งยืน แต่เมื่อแผ่นหลังสัมผัสฟูกบนเตียงเข้าจริง ๆ หญิงสาวกลับนอนไม่หลับ
เพราะยามปิดเปลือกตาครั้งใด ภาพกระบอกปืนดำมะเมื่อมก็ราวจะผุดขึ้นจ่อตรงหน้า...
หล่อนกลัว ชาคริยายอมรับอย่างไม่ปิดบัง พอได้อยู่ลำพังประสบการณ์เฉียดตายครานั้นก็ตามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน แม้พยายามทำใจแต่ใช่จะสงบโดยง่าย จึงได้แต่พกพาความอ่อนล้ามาทำงานในวันรุ่งขึ้น และเมื่อมาถึงก็ถูกย้ายแผนกชั่วคราว เพื่อไปแทนพยาบาลแผนกฉุกเฉินซึ่งอาหารเป็นพิษกะทันกัน เพราะชาคริยาเคยประจำแผนกฉุกเฉินมาก่อน ประจวบว่ามีผู้ป่วยจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่จนหญิงสาวต้องทำงานควบกะแทบไม่ได้หยุดพัก แต่กลายเป็นงานหนักกลับทำให้พยาบาลสาวหลงลืมความตึงเครียดไปเสียสนิท กระนั้นเช้าวันนี้ความเพลียก็ยังไม่ทุเลาหมดสิ้น จึงตัดสินใจโบกแท็กซี่มาทำงานแทนการรอรถเมล์ตามปกติ จนถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
ขณะหล่อนกำลังนำกระเป๋าใส่ตู้เก็บของ เครื่องอินเตอร์คอมพลันแผดร้องขึ้น “ขอพยาบาลด้วย”
สิ้นเสียงนั่น พยาบาลรุ่นน้องก็ถอนหายใจดังลั่นจนชาคริยาต้องโผล่หน้าไปถาม
“มีอะไรหรือ”
“ห้อง 805 น่ะซิคะ” หล่อนบ่น “แม่มดจอมบงการออกคำสั่งมาอีกแล้ว เรียกตัวทุกชั่วโมงเลยค่ะ เดี๋ยวก็ให้ปรับเตียง เดี๋ยวก็ว่าน้ำรสชาติพิกลไปเปลี่ยนใหม่ แถมสองสามวันนี้ยังอารมณ์เสียผิดปกติด้วย เฮ้อ”
มือซึ่งกำลังเลื่อนกระเป๋าเข้าที่ชะงัก ชาคริยาขบริมฝีปาก...จะทิ้งช่วงไว้ทำไมกัน เมื่ออย่างไรก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไม่ได้อยู่ดี
“เราใกล้ลงเวรแล้วนี่ เดี๋ยวพี่ไปดูให้เอง”
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะพี่กวาง หนูจะได้ลงบันทึกต่อให้จบเลย” สิ้นประโยครุ่นน้องก็ก้มหน้าก้มตาเขียน จึงไม่ทันสังเกตว่าชาคริยาลอบหยิบนิตยสารพับครึ่งออกจากกระเป๋าสะพาย ก่อนปิดตู้เก็บของสาวเท้าออกจากเคาน์เตอร์ประจำการไป
**********
ผู้ครอบครองห้อง 805 ยามนี้คือสตรีวัยกลางคนชื่อปาหนัน หล่อนถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย คงอยู่ได้ไม่เกินหกเดือน หลังทราบเรื่องสามีหล่อนซึ่งชาคริยามีข้อมูลแค่ว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ก็ส่งตัวภรรยามาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลทันที ทั้งยินดีจ่ายค่าห้องพักเดี่ยวหรูหราอย่างไม่มีเกี่ยงงอน ทว่าตลอดเดือนซึ่งปาหนันอาศัยห้องผู้ป่วยแทนบ้าน เจ้าหน้าที่ซุบซิบกันว่าสามีโผล่หน้ามาเยี่ยมสองสามครั้งเท่านั้น ส่วนลูกหลานเห็นตามประวัติว่าไม่มี หากน่าแปลกที่แม้กระทั่งเพื่อนฝูงก็ยังไร้วี่แวว
แต่นั่นเป็นแค่ความประหลาดใจก่อนหน้าจะได้คลุกคลีกับปาหนันอย่างใกล้ชิด...
หล่อนเป็นคนอารมณ์ร้าย ชาคริยาสรุปได้สั้น ๆ ปกติคนป่วยซึ่งทรมานเพราะโรคก็มักหงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว แต่ปาหนันนั้นต้องบอกว่าพื้นฐานนิสัยหล่อนเป็นอย่างนี้มาแต่แรกเสียมากกว่า หล่อนขว้างปาข้าวของจนเป็นกิจวัตร แผดเสียงใส่ทุกคนที่ย่างกรายเข้าใกล้ และพร้อมออกคำสั่งตั้งแต่เรื่องใหญ่จนถึงเรื่องเล็ก...แน่นอนว่าผู้ปฏิบัติไม่ถูกใจจะโดนด่าเสียมีชิ้นดี ทั้งหมดนี้ทำโดยที่หล่อนเองแทบไร้เรี่ยวแรงจะลุกจากเตียงด้วยซ้ำ
แล้วถ้าปาหนันยังแข็งแรงดีจะสามารถอาละวาดได้ถึงขนาดไหน ?
หลังสตรีผู้นี้มาอยู่แค่สองอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ทั้งวอร์ดก็พร้อมใจตั้งสมญาลับหลังว่ายายแม่มดจอมบงการ ชาคริยาเคยคิดว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำกับคนป่วย แต่หลังจากหล่อนต้องผวาหลบถาดรูปไตที่ปลิววือมาหลังเพิ่งใช้รองรับอาเจียนไปอย่างเฉียดฉิว หญิงสาวก็เลิกห้ามปรามความคะนองปากของเพื่อน แค่ไม่เข้าร่วมผสมโรงด้วยเท่านั้น
เคยมีการร้องเรียนไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่แผนกการเงินมาซุบซิบว่าหลังสามีปาหนันร่อนเช็คซึ่งมีตัวเลขเป็นสามเท่าของค่าใช้จ่ายและความเสียหาย เรื่องก็เงียบหายไป
ชาคริยาเคาะประตูห้อง 805 พลางร้องขออนุญาต หญิงบนเตียงตวัดมองหล่อนด้วยดวงตาซึ่งเริ่มมีสีเหลืองปะปนแทนที่ตาขาวปกติ แก้มตอบลึกจนเห็นสายออกซิเจนพาดผ่านโหนกแก้มสูงเด่นชัด เส้นผมสีเทาแซมประปรายเพราะไม่ผ่านการย้อมเกือบเดือน พยาบาลคนหนึ่งแอบเปรยว่ารูปลักษณ์หล่อนใกล้เคียงแม่มดสมฉายาเข้าไปทุกที น่าแปลกที่ไม่มีใครเถียงเรื่องนี้สักคน
“หายไปนานเชียวนะ” ปาหนันเอ่ยทักคล้ายประโยคของรุ่นน้องก่อนหน้า ทว่าความรู้สึกในน้ำเสียงผิดกันไกล ชาคริยาจึงไม่ตอบคำ เพียงคลี่นิตยสารในมือแล้วยื่นด้านหน้าปกส่งให้ ภาพกรินทร์ยังคงจ้องมองขึ้นมาจากบนนั้น ปาหนันหรี่ตา
“เธอไม่ได้ไปพบเขามาล่ะซิ”
ชาคริยาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ กลับพูดว่า “คุณเรียกพยาบาลทำไมหรือคะ”
หญิงบนเตียงเชิดหน้าสูง ยกมือที่ยังมีเข็มน้ำเกลือคาอยู่ชี้ไปทางระเบียง “เก็บมันขึ้นมา”
ชาคริยาค่อยสังเกตเห็น ใต้เก้าอี้นวมชิดทางออกสู่ระเบียงมีหนังสือพิมพ์นอนกองอยู่ แน่ชัดว่าคงเป็นฝีมือเจ้าของห้อง หล่อนชอบเขวี้ยงข้างของไปทั่วแล้วเรียกคนมาคอยสะสาง เป็นการละเล่นที่คงมีหล่อนสนุกอยู่คนเดียว หากพยาบาลสาวก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากก้มลงไปเก็บตามคำสั่ง ปาหนันปรายตามองแล้วเปรยเบา ๆ
“เหมือนกับภาพซ้ำซ้อนเลยนะ”
ใช่ ชาคริยารับคำในใจ อดหวนย้อนไปยังเหตุการณ์เมื่อหลายวันที่แล้วไม่ได้...เวลาก่อนหน้าที่หล่อนจะพบกรินทร์แค่วันเดียว
**********
นิตยสารหลายเล่มหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ชาคริยาและผู้ช่วยพยาบาลที่เพิ่งเปิดประตูห้องหันมองกันตาปริบ ๆ แล้วขณะจะแยกย้ายไปเก็บ ปาหนันก็ตวาดกร้าว
“อย่าจับนะ ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ !”
ชาคริยายืดตัวจากหนังสือบนพื้นขึ้นสบตาผู้ป่วยซึ่งยังดูสดใสกว่าตอนปัจจุบันมาก ก่อนหันไปแตะบ่าผู้ช่วยที่ยืนตัวลีบอยู่ด้านข้าง
“ออกไปก่อนเถอะ ไว้เก็บที่นี่เรียบร้อยแล้วพี่จะแจ้งแม่บ้านมาถูพื้นเอง”
ผู้ช่วยพยาบาลรีบหมุนตัวหลบจากห้องโดยไม่ต้องบอกซ้ำ ชาคริยาค่อยเอ่ยอีกว่า “ถ้าคุณปาหนันไม่ต้องการหนังสือพวกนี้แล้ว เอาไปทิ้งไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ใครว่าฉันจะทิ้ง !”
ชาคริยาก็นึกเดาเช่นนั้น ด้วยจำได้ว่านิตยสารพวกนี้ปาหนันเพิ่งสั่งคนไปซื้อมาให้เมื่อวันก่อน ระบุรายละเอียดเสร็จสรรพว่าต้องการแบบไหนเล่มที่เท่าไหร่ และเท่าที่ดูบางเล่มยังห่อพลาสติกไว้ด้วยซ้ำ ต่อให้หล่อนอยากขว้างปาข้าวของแค่ไหน ก็คงไม่ลงทุนซื้อของมาปาเล่นเป็นแน่
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรปล่อยหนังสือไว้กับพื้นนะคะ หากคุณหยิบมาใช้งานอีกครั้งแล้วสัมผัสเชื้อโรคเข้าคงไม่ดี”
ระหว่างรอการโต้ตอบชาคริยาก็ฉวยโอกาสก้มเก็บของบนพื้น พลางไล่สะสางไปทีละเล่มระหว่างรอคำบริภาษซึ่งจะติดตามมา น่าแปลกที่กลับมีแต่ความเงียบจนพยาบาลสาวเดินมาหยุดตรงเก้าอี้นวมชิดระเบียง วางกองหนังสือในมือบนนั้นเพื่อก้มลงเก็บนิตยสารเล่มสุดท้ายซึ่งถูกโยนมาไกลสุด สภาพยับย่นบ่งว่าผ่านการใช้งานมามากกว่าเล่มอื่น ตอนนั้นเองที่หญิงบนเตียงเอ่ยขึ้น
“ฉันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
ชาคริยาเงยหน้าขึ้นทันควัน แวบแรกที่หล่อนรับรู้มิใช่ภาพ...แต่เป็นกลิ่น กลิ่นยาฆ่าเชื้อจาง ๆ กลบกลืนกลิ่นเหม็นหืนของอาเจียนปนเลือดซึ่งผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้ายมักเลี่ยงไม่พ้น หากที่หล่อนสัมผัสคล้ายแอบซ่อนอยู่ลึกว่านั้น เป็นกลิ่นของความตาย...ซึ่งแม้หญิงตรงหน้าจะพร่ำปฏิเสธอย่างร้ายกาจเพียงใด ก็มิอาจยับยั้งการคืบคลานของมันได้เลย
“คุณน่าจะทำใจให้สบาย”
“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นห่วงฉันหรอก” คนป่วยสวนกลับ “ฉันรู้...ลับหลังคงพากันสะใจที่แม้แต่ยามใกล้ตาย คนอย่างฉันก็ไม่มีใครมาดูดำดูดี”
ชาคริยาเผลอนิ่วหน้า “ไม่ลอง...เอ้อ ติดต่อสามีอีกสักครั้งหรือคะ เขาน่าจะพอปลีกตัวมาเยี่ยมคุณได้บ้าง”
“ฉันไม่ต้องการตาแก่นั่น วัน ๆ เอาแต่หมกอยู่กับเมียน้อย !” ปาหนันขึ้นเสียง “ฉัน...”
จู่ ๆ คำพูดแผดก้องก็อ่อนแรงลง กระแสเสียงที่ตามติดมาสั่นเครือแทบเหมือนกำลังสะอื้น “...ฉันอยากพบหน้าลูกชายมากกว่า”
คิ้วนางพยาบาลเลิกสูง หล่อนย่อมจำได้ว่าตามประวัติ ไม่เคยมีการระบุถึงเชื้อไขของอีกฝ่ายมาก่อน ทางฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากแห้งผากยกยิ้มราวจะเย้ยใส่ท่าทางฉงนของหล่อน พลางชี้มือตรงมา
“นั่นไง...ลูกชายฉัน”
ชาคริยาก้มดูปกนิตยสารในมือ และวินาทีนั้นเอง...คือตอนที่หล่อนเห็นหน้ากรินทร์เป็นครั้งแรก ทว่าสมองกลับสับสนจนไม่ทันประมวลผลใด ๆ ทั้งสิ้น
“เอ้อ คน ๆ นี้น่ะหรือคะ แล้วคุณทราบได้อย่างไรว่าลูกชายจะขึ้นปกนิตยสาร”
คู่สนทนาเบือนหน้าหลบสายตาหล่อน หากก็ไม่ยากจะสังเกตรอยแดงระเรื่อเหนือแก้มซีดเซียว “ฉันเปิดอินเตอร์เนตเช็คข่าวเขาอยู่เรื่อย ๆ”