“น้ำตาลครับ” พันธมิตรส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าน้ำตาลวิ่งเลยรถเขาไป
“ขอโทษนะน้ำตาลอยากอยู่คนเดียว”
น้ำตาลหันมาพูดกับพันธมิตรก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวน้ำตาลรอพี่ก่อน”
พันธมิตรกล่าววิ่งตามน้ำตาลไปเพราะความเป็นห่วง
“น้ำตาลครับ”
พันธมิตรคว้าข้อมือน้ำตาลที่วิ่งไม่ยอมหยุดไปบนถนนที่มีรถควักไขว่
“อย่ามายุ่งได้ไหม....ขอน้ำตาลอยู่คนเดียวเถอะ”
“แต่พี่เป็นห่วงเพราะน้ำตาลดูไม่มีสติเลยนะ”
พันธมิตรอธิบาย
“ก็บอกว่าไม่ต้องยุ่งไงคะ”
น้ำตาลตะวาดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“พี่ขอแค่คอยดูแลน้ำตาลมันคงไม่มากไปใช่ไหม”
พันธมิตรกล่าวเสียงเศร้า
“ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องมายุ่งกับน้ำตาลอีก นี่เป็นสิ่งน้ำตาลตั้งใจจะบอกพี่วันนี้”
“พี่ขอเป็นแค่พี่ชายก็ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้คะ........เพราะว่าน้ำตาลมีพี่ชายแล้วแล้วเขาก็เป็นเพื่อนและเป็นคนรักของน้ำตาลด้วยเหมือนกัน”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้พันธมิตรยืนนิ่งงันเพราะรู้ตัวดีว่าไม่อาจรั้งน้ำตาลไว้ได้
“พี่คงจำสัญญาของเราได้ใช่ไหมคะ”
“ครับพี่จำได้ว่าถ้าน้ำตาลต้องการเลิกกับพี่พี่ต้องยอมรับและไม่วุ่นวายกับน้ำตาลอีก”
พันธมิตรตอบรับเสียงเรียบสีหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ
“ดีคะงั้นเราจบกันวันนี้”
น้ำตาลพูดหน้าตาเฉยเช่นกัน
“แปลกดีนะครับทั้งที่พี่รู้ว่าสักวันหนึ่งคงต้องถูกน้ำตาลทิ้งเหมือนผู้ชายคนอื่นๆพี่ก็ยังรักและให้ไปแต่ความจริงใจ ถึงมันจะทำให้พี่กลายเป็นไอ้โง่แต่มันก็ทำให้พี่มีความสุขที่ได้รักใครสักคนด้วยหัวใจ”
พันธมิตรกล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“และพี่ขออวยพรให้น้ำตาลมีความสุขมากๆนะครับถ้าหากวันไหนโชคร้ายถูกความรักเล่นงานจนเจ็บปวดก็กลับมาหาพี่ได้พี่ยินดีต้อนรับเสมอ และพี่หวังว่าน้ำตาลคงจะรักใครสักคนด้วยความรู้สึกที่มาจากข้างในนะครับ”
พันธมิตรกล่าวประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินไปจากน้ำตาล
“พี่ไม่ควรจะเล่นเกมส์นี้กับน้ำตาลตั้งแต่แรก ถ้าหากพี่รู้ว่าความรู้สึกของพี่เป็นของจริงพี่ก็ไม่ควรจะทำความรู้จักกับน้ำตาลทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นแค่การหลอกลวง”
น้ำตาลคิดในใจก่อนจะกลับมาที่ห้องเพื่อเคลียปัญหากับแบงค์แต่เธอกลับพบห้องว่างปล่าว มีเพียงโน้ตแผ่นเดียวที่เขียนแปะไว้
“ผมจะไปตามหารักครั้งแรกสำหรับงานคืนนี้”
ในงานปาร์ตี้สุดหรูที่จัดขึ้นโดนรุ่นพี่จอมแสบของชมรมอาสาสมัครรักบ้านเกิดภายใต้ชื่องาน “First love”ทำให้สมาชิกภายในชมรมพากันวุ่นวายตามตัวรักครั้งแรกเพื่อควงมาในงานกันให้จ้าระหวั่น รวมถึงแบงค์และปูนด้วยเพราะทั้งคู่เดินเข้ามาหน้างานโดยไม่มีคู่
“ยังไม่เข้างานอีกเหรอ”
แบงค์เอ่ยถามปูนที่อยู่ในชุดราตรีสีหวาน
“ปูนไม่มีคู่พี่เขาไม่ยอมให้เข้างาน”
ปูนบ่นหน้างอ
“แล้วรักครั้งแรกของเธอล่ะ”
“ก็คุณไง”
ปูนตอบคำถามแบงค์โดยไม่ลังเลสักนิด
“งั้นคุณก็เป็นรักครั้งแรกของผมเหมือนกัน”
แบงค์พูดไม่รอช้าโอบเอวปูนเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆและรุ่นน้องที่พากันมองด้วยความสนใจรวมถึงน้ำตาลด้วยเธอมองดูการกระทำของแบงค์ด้วยความไม่เข้าใจ
“รู้สึกว่าแฟนคุณจะมาคนเดียวนะแล้วดูเหมือนว่าเธอกำลังมองมาทางนี้ด้วยความไม่พอใจ”
ปูนบอกแบงค์เมื่อเห็นน้ำตาลยืนทำหน้ายุ่งอยู่
“ถูกต้องแล้วล่ะที่เขามาคนเดียวก็เขาไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง”
แบงค์ตอบมองดูน้ำตาลด้วยสายตาที่แสนเย็นชา
“คุณทะเลาะกันเหรอ”
“หยุดพูดเรื่องคนอื่นได้ไหมคืนนี้ผมมากับคุณคุณคือคนรักของผมในคืนนี้ หรือว่าคุณอยากให้ผมไปกับคนอื่น”
“ปล่าวซะหน่อย”
ปูนเลิกถามให้มากเรื่องอีกก่อนจะยกมือขึ้นเกาะแขนแบงค์อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
น้ำตาลเดินตรงรี่มาหาแบงค์และปูนอย่างหมดความอดทน
“เธอคือรักครั้งแรกของเรา”
แบงค์ตอบน้ำตาลเสียงเรียบ
“นี่ตกลงเธอโกหกเราอย่างนั้นเหรอ......ไหนบอกว่าเขาเป็นเพื่อนเธอไง”
น้ำตาลเริ่มโวยวายเพราะแบงค์โกหกเธอ
“เมื่อก่อนนี้เป็นแฟนแต่ว่าตอนนี้เป็นแค่เพื่อนคะ”
ปูนพยายามแก้ต่างให้แบงค์
“ฉันไม่ได้คุยกับคุณ”
น้ำตาลตะหวาดก่อนจะหันไปเล่นงานแบงค์ต่อ
“สนุกมากเลยใช่ไหมที่เห็นเรากลายเป็นผู้หญิงโง่ๆคนนึง เธอคงสะใจมากซินะที่ปั่นหัวเราได้”
“เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าเวลาถูกหลอกมันรู้สึกยังไง รู้แล้วใช่ไหมก็การเป็นคนโง่มันน่าเจ็บใจแค่ไหน”
แบงค์พูดเสียงเรียบจ้องมองน้ำตาลด้วยสายตาที่แสนเย็นชา
“อย่ามามองเราด้วยสายตาแบบนี้นะ”
น้ำตาลหวี๊ดเสียงลั่นจนแทบทุกสายตาหันมามองที่เธอ แบงค์และปูน
“อย่ามาทะเลาะกันที่นี่เลยคนมองใหญ่แล้ว”
ปูนเตือนด้วยความหวังดีน้ำตาลกลับตะหวาดใส่เธออีกครั้ง
“เธอเกี่ยวอะไรด้วยฮะเธอเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยในเมื่อเธอเป็นแค่เพื่อนเขา”
น้ำตาลตรงเข้ากระชากแขนปูนออกจากแขนแบงค์อย่างพาลพาโล
“มากไปแล้วนะคุณ”ปูนชักโมโหเริ่มขึ้นเสียงบ้างเมื่อเห็นน้ำตาลไม่ยอมสงบลงบ้างเลย
“แล้วทำไมล่ะเธอจะแย่งเขาไปจากฉันหรือไง เธอคิดว่าทำได้อย่างนั้นเหรอ”
น้ำตาลยิ้มเยาะด้วยความมั่นใจในขณะที่แบงค์ยืนนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าน้ำตาลจะพูดแบบนี้
“เสียพลังงานปล่าวๆจริงๆที่มาเสียเวลาพูดกับคนไม่มีความคิดแบบคุณ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าแบงค์จะมองผู้หญิงที่มีดีแค่สวยแบบคุณ”
สิ้นเสียงปูนฝ่ามือเรียวของน้ำตาลก็ฟาดลงเต็มแรงบนใบหน้านวลเนียนของปูนท่ามกลางความตกใจของทุกคนในงาน
“ทำบ้าอะไรของเธอ”
แบงค์ตะวาดน้ำตาลเสียงลั่นเมื่อเห็นการกระทำหยาบคายของเธอกลับสองตาของตัวเอง
“นี่เธอเข้าข้างผู้หญิงที่เธอเขี่ยทิ้งไปนานแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“พูดอีกทีซิเธอพูดว่าอะไรนะ”
ปูนถามซ้ำอีกครั้งเพื่อย้ำให้แน่ใจทั้งที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู
“พอได้แล้วน้ำตาล”
แบงค์พูดห้ามเมื่อเห็นปูนยืนกำหมัดแน่นลำตัวเริ่มสั่นเทาเพราะความโมโห
“ฉันบอกว่าเธอมันน่ารำคาญถึงได้ถูกแบงค์เขี่ยทิ้งไงล่ะ”
“นังบ้า.......”
ปูนหวี๊ดขึ้นสุดเสียงตบน้ำตาลจนล้มคว่ำไปกับพื้นก่อนจะขึ้นค่อมเธอ แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงไปกว่านี้แบงค์รีบเข้าล็อคตัวปูนไว้ให้แยกจากน้ำตาลในขณะที่พันธมิตรเองก็ล็อคตัวน้ำตาลไว้
“กลับบ้านถอะปูน”
แบงค์พยายามลากปูนออกไปจากงานแต่เธอไม่ยอมท่าเดียวเพราะเสียงต่อว่าของน้ำตาลที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
“ยายผู้หญิงหน้าไม่อายคิดจะแย่งแฟนคนอื่น”
“แล้วเธอล่ะดีมากอย่างนั้นเหรอที่เที่ยวหลอกลวงผู้ชายไปวันๆ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้เอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้ ถ้าตัวเธอเองไม่เคยรู้จักความรักล่ะก็อย่าทำร้ายหัวใจคนอื่นเพียงเพราะเธอนึกสนุกอยากเห็นน้ำตาของคนโง่ๆที่เชื่อในความรักอย่างพวกฉัน แล้วผู้หญิงอย่างเธอแถวบ้านฉันเขาเรียกว่าร่านผู้ชายรู้ไว้ด้วย”
เพราะคำพูดของปูนทำให้น้ำตาลโกรธจนน้ำตาไหล
“เธอไม่เจออย่างฉันเธอไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง เธอจำไว้เลยนะว่าจนวันที่ฉันตายฉันก็ไม่มีวันอภัยให้พวกผู้ชายเลวๆพวกนั้นหรอก”
น้ำตาลพูดทั้งน้ำตาก่อนจะเดินออกไปจากงานท่ามกลางสายตาของทุกคน
“น้ำตาลรักคุณมากนะ”
พันธมิตรบอกแบงค์แต่เขายังคงยืนนิ่ง
“คุณได้หัวใจเธอไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้ต้องการมันจริงๆ”
พันธมิตรพูดก่อนจะวิ่งตามน้ำตาลออกไป
“คุณไปดูเธอเถอะ”
ปูนบอกแบงค์ที่ยืนก้มหน้านิ่งเมื่อเห็นน้ำตาของน้ำตาล
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้านนะ”
แบงค์บอกเดินนำปูนออกไปจากงาน
“น้ำตาลให้พี่ไปส่งบ้านนะ” พันธมิตรอาสาขณะเดินตามน้ำตาลที่กำลังมองหาแท็กซี่
“พอซะทีได้ไหมเลิกเดินตามฉันซะที นายมันก็แค่ผู้ชายอีกคนที่ฉันหลอกเล่นๆนายยังไม่เข้าใจอีกเหรอจะโง่ไปถึงไหนกัน”
น้ำตาลหันกลับมาตะหวาดพันธมิตรเสียงลั่น
“ถ้าความรักมันทำให้พี่ทำอะไรโง่ๆอย่างที่น้ำตาลบอก พี่ก็ต้องขอโทษด้วยที่มันอาจทำให้น้ำตาลรำคาญใจ แต่พี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยพี่ถึงได้มานั่งเป็นห่วงน้ำตาลอยู่ตรงนี้ไง”
“นายมันบ้าไปแล้ว ต่อให้นายรักฉันจนหมดใจฉันก็จะไม่มีวันรักนายตอบหรอก นายได้ยินไหมว่าฉันไม่รักนายไม่เคยรักนายเลยแม้แต่น้อย............ช่วยกรุณาไปให้พ้นๆหน้าฉันซะทีได้ไหม ไปให้ไกลๆเลย........ไปให้พ้น.....ไป”
เพราะคำพูดและการกระทำที่ไม่เหลือเยื่อใยใดๆทำให้พันธมิตรทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและกลั้นหยดน้ำตาเอาไว้
“นายอยากจะกระอักเลือดตายเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ.......ไปให้พ้นได้แล้วเพราะว่าสิ่งที่นายจะได้รับจากฉันมันมีแค่ความเกลียดชังเท่านั้นแหละ ฉันเกลียดนายเหมือนที่ฉันเกลียดไอ้ผู้ชายเลวๆพวกนั้น........ฉันสะใจแค่ไหนรู้ไหมที่เห็นนายต้องทรมานอย่างตอนนี้ นายมันน่าสมเพชที่สุด”
น้ำตาลแค่นหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาทำให้พันธมิตรไม่อาจกลั้นหยดน้ำตาไว้ได้อีก
“น้ำตาลมีความสุขจริงๆนะเหรอที่ทำแบบนี้ สะใจจริงๆนะเหรอที่เห็นคนอื่นต้องร้องไห้และทุกข์ทรมาน”
“ใช่ฉันมีความสุขมาก มีความสุขที่สุดในโลก”
น้ำตาลตอบพันธมิตรส่งรอยยิ้มที่ปนมากลับคราบน้ำตาให้เขา
“แต่เท่าที่พี่เห็นน้ำตาลไม่มีความสุข ความทุกข์ใจของบุคคลเหล่านั้นมันย้อนกลับมาหาน้ำตาลทั้งหมด.........คนที่ถูกทิ้งอย่างน้อยๆพวกเขาก็มีรักอยู่เต็มหัวใจ คนที่อยู่โดยไม่รู้จักความรักและไม่มอบมันให้ใครเลยต่างหากที่น่าสงสารที่สุด”
เพราะคำพูดของพันธมิตรทำให้น้ำตาลร้องไห้โฮออกมาเพราะถูกจี้ใจดำ
“ฉันเกลียดนาย”
น้ำตาลพลักอกพันธมิตรก่อนจะวิ่งขึ้นรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดพอดี
พิษรัก ตอนที่ 5
“น้ำตาลครับ” พันธมิตรส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าน้ำตาลวิ่งเลยรถเขาไป
“ขอโทษนะน้ำตาลอยากอยู่คนเดียว”
น้ำตาลหันมาพูดกับพันธมิตรก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวน้ำตาลรอพี่ก่อน”
พันธมิตรกล่าววิ่งตามน้ำตาลไปเพราะความเป็นห่วง
“น้ำตาลครับ”
พันธมิตรคว้าข้อมือน้ำตาลที่วิ่งไม่ยอมหยุดไปบนถนนที่มีรถควักไขว่
“อย่ามายุ่งได้ไหม....ขอน้ำตาลอยู่คนเดียวเถอะ”
“แต่พี่เป็นห่วงเพราะน้ำตาลดูไม่มีสติเลยนะ”
พันธมิตรอธิบาย
“ก็บอกว่าไม่ต้องยุ่งไงคะ”
น้ำตาลตะวาดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“พี่ขอแค่คอยดูแลน้ำตาลมันคงไม่มากไปใช่ไหม”
พันธมิตรกล่าวเสียงเศร้า
“ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องมายุ่งกับน้ำตาลอีก นี่เป็นสิ่งน้ำตาลตั้งใจจะบอกพี่วันนี้”
“พี่ขอเป็นแค่พี่ชายก็ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้คะ........เพราะว่าน้ำตาลมีพี่ชายแล้วแล้วเขาก็เป็นเพื่อนและเป็นคนรักของน้ำตาลด้วยเหมือนกัน”
เพราะคำพูดของน้ำตาลทำให้พันธมิตรยืนนิ่งงันเพราะรู้ตัวดีว่าไม่อาจรั้งน้ำตาลไว้ได้
“พี่คงจำสัญญาของเราได้ใช่ไหมคะ”
“ครับพี่จำได้ว่าถ้าน้ำตาลต้องการเลิกกับพี่พี่ต้องยอมรับและไม่วุ่นวายกับน้ำตาลอีก”
พันธมิตรตอบรับเสียงเรียบสีหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ
“ดีคะงั้นเราจบกันวันนี้”
น้ำตาลพูดหน้าตาเฉยเช่นกัน
“แปลกดีนะครับทั้งที่พี่รู้ว่าสักวันหนึ่งคงต้องถูกน้ำตาลทิ้งเหมือนผู้ชายคนอื่นๆพี่ก็ยังรักและให้ไปแต่ความจริงใจ ถึงมันจะทำให้พี่กลายเป็นไอ้โง่แต่มันก็ทำให้พี่มีความสุขที่ได้รักใครสักคนด้วยหัวใจ”
พันธมิตรกล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“และพี่ขออวยพรให้น้ำตาลมีความสุขมากๆนะครับถ้าหากวันไหนโชคร้ายถูกความรักเล่นงานจนเจ็บปวดก็กลับมาหาพี่ได้พี่ยินดีต้อนรับเสมอ และพี่หวังว่าน้ำตาลคงจะรักใครสักคนด้วยความรู้สึกที่มาจากข้างในนะครับ”
พันธมิตรกล่าวประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินไปจากน้ำตาล
“พี่ไม่ควรจะเล่นเกมส์นี้กับน้ำตาลตั้งแต่แรก ถ้าหากพี่รู้ว่าความรู้สึกของพี่เป็นของจริงพี่ก็ไม่ควรจะทำความรู้จักกับน้ำตาลทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นแค่การหลอกลวง”
น้ำตาลคิดในใจก่อนจะกลับมาที่ห้องเพื่อเคลียปัญหากับแบงค์แต่เธอกลับพบห้องว่างปล่าว มีเพียงโน้ตแผ่นเดียวที่เขียนแปะไว้
“ผมจะไปตามหารักครั้งแรกสำหรับงานคืนนี้”
ในงานปาร์ตี้สุดหรูที่จัดขึ้นโดนรุ่นพี่จอมแสบของชมรมอาสาสมัครรักบ้านเกิดภายใต้ชื่องาน “First love”ทำให้สมาชิกภายในชมรมพากันวุ่นวายตามตัวรักครั้งแรกเพื่อควงมาในงานกันให้จ้าระหวั่น รวมถึงแบงค์และปูนด้วยเพราะทั้งคู่เดินเข้ามาหน้างานโดยไม่มีคู่
“ยังไม่เข้างานอีกเหรอ”
แบงค์เอ่ยถามปูนที่อยู่ในชุดราตรีสีหวาน
“ปูนไม่มีคู่พี่เขาไม่ยอมให้เข้างาน”
ปูนบ่นหน้างอ
“แล้วรักครั้งแรกของเธอล่ะ”
“ก็คุณไง”
ปูนตอบคำถามแบงค์โดยไม่ลังเลสักนิด
“งั้นคุณก็เป็นรักครั้งแรกของผมเหมือนกัน”
แบงค์พูดไม่รอช้าโอบเอวปูนเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆและรุ่นน้องที่พากันมองด้วยความสนใจรวมถึงน้ำตาลด้วยเธอมองดูการกระทำของแบงค์ด้วยความไม่เข้าใจ
“รู้สึกว่าแฟนคุณจะมาคนเดียวนะแล้วดูเหมือนว่าเธอกำลังมองมาทางนี้ด้วยความไม่พอใจ”
ปูนบอกแบงค์เมื่อเห็นน้ำตาลยืนทำหน้ายุ่งอยู่
“ถูกต้องแล้วล่ะที่เขามาคนเดียวก็เขาไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง”
แบงค์ตอบมองดูน้ำตาลด้วยสายตาที่แสนเย็นชา
“คุณทะเลาะกันเหรอ”
“หยุดพูดเรื่องคนอื่นได้ไหมคืนนี้ผมมากับคุณคุณคือคนรักของผมในคืนนี้ หรือว่าคุณอยากให้ผมไปกับคนอื่น”
“ปล่าวซะหน่อย”
ปูนเลิกถามให้มากเรื่องอีกก่อนจะยกมือขึ้นเกาะแขนแบงค์อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
น้ำตาลเดินตรงรี่มาหาแบงค์และปูนอย่างหมดความอดทน
“เธอคือรักครั้งแรกของเรา”
แบงค์ตอบน้ำตาลเสียงเรียบ
“นี่ตกลงเธอโกหกเราอย่างนั้นเหรอ......ไหนบอกว่าเขาเป็นเพื่อนเธอไง”
น้ำตาลเริ่มโวยวายเพราะแบงค์โกหกเธอ
“เมื่อก่อนนี้เป็นแฟนแต่ว่าตอนนี้เป็นแค่เพื่อนคะ”
ปูนพยายามแก้ต่างให้แบงค์
“ฉันไม่ได้คุยกับคุณ”
น้ำตาลตะหวาดก่อนจะหันไปเล่นงานแบงค์ต่อ
“สนุกมากเลยใช่ไหมที่เห็นเรากลายเป็นผู้หญิงโง่ๆคนนึง เธอคงสะใจมากซินะที่ปั่นหัวเราได้”
“เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าเวลาถูกหลอกมันรู้สึกยังไง รู้แล้วใช่ไหมก็การเป็นคนโง่มันน่าเจ็บใจแค่ไหน”
แบงค์พูดเสียงเรียบจ้องมองน้ำตาลด้วยสายตาที่แสนเย็นชา
“อย่ามามองเราด้วยสายตาแบบนี้นะ”
น้ำตาลหวี๊ดเสียงลั่นจนแทบทุกสายตาหันมามองที่เธอ แบงค์และปูน
“อย่ามาทะเลาะกันที่นี่เลยคนมองใหญ่แล้ว”
ปูนเตือนด้วยความหวังดีน้ำตาลกลับตะหวาดใส่เธออีกครั้ง
“เธอเกี่ยวอะไรด้วยฮะเธอเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยในเมื่อเธอเป็นแค่เพื่อนเขา”
น้ำตาลตรงเข้ากระชากแขนปูนออกจากแขนแบงค์อย่างพาลพาโล
“มากไปแล้วนะคุณ”ปูนชักโมโหเริ่มขึ้นเสียงบ้างเมื่อเห็นน้ำตาลไม่ยอมสงบลงบ้างเลย
“แล้วทำไมล่ะเธอจะแย่งเขาไปจากฉันหรือไง เธอคิดว่าทำได้อย่างนั้นเหรอ”
น้ำตาลยิ้มเยาะด้วยความมั่นใจในขณะที่แบงค์ยืนนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าน้ำตาลจะพูดแบบนี้
“เสียพลังงานปล่าวๆจริงๆที่มาเสียเวลาพูดกับคนไม่มีความคิดแบบคุณ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าแบงค์จะมองผู้หญิงที่มีดีแค่สวยแบบคุณ”
สิ้นเสียงปูนฝ่ามือเรียวของน้ำตาลก็ฟาดลงเต็มแรงบนใบหน้านวลเนียนของปูนท่ามกลางความตกใจของทุกคนในงาน
“ทำบ้าอะไรของเธอ”
แบงค์ตะวาดน้ำตาลเสียงลั่นเมื่อเห็นการกระทำหยาบคายของเธอกลับสองตาของตัวเอง
“นี่เธอเข้าข้างผู้หญิงที่เธอเขี่ยทิ้งไปนานแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“พูดอีกทีซิเธอพูดว่าอะไรนะ”
ปูนถามซ้ำอีกครั้งเพื่อย้ำให้แน่ใจทั้งที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู
“พอได้แล้วน้ำตาล”
แบงค์พูดห้ามเมื่อเห็นปูนยืนกำหมัดแน่นลำตัวเริ่มสั่นเทาเพราะความโมโห
“ฉันบอกว่าเธอมันน่ารำคาญถึงได้ถูกแบงค์เขี่ยทิ้งไงล่ะ”
“นังบ้า.......”
ปูนหวี๊ดขึ้นสุดเสียงตบน้ำตาลจนล้มคว่ำไปกับพื้นก่อนจะขึ้นค่อมเธอ แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงไปกว่านี้แบงค์รีบเข้าล็อคตัวปูนไว้ให้แยกจากน้ำตาลในขณะที่พันธมิตรเองก็ล็อคตัวน้ำตาลไว้
“กลับบ้านถอะปูน”
แบงค์พยายามลากปูนออกไปจากงานแต่เธอไม่ยอมท่าเดียวเพราะเสียงต่อว่าของน้ำตาลที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
“ยายผู้หญิงหน้าไม่อายคิดจะแย่งแฟนคนอื่น”
“แล้วเธอล่ะดีมากอย่างนั้นเหรอที่เที่ยวหลอกลวงผู้ชายไปวันๆ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้เอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้ ถ้าตัวเธอเองไม่เคยรู้จักความรักล่ะก็อย่าทำร้ายหัวใจคนอื่นเพียงเพราะเธอนึกสนุกอยากเห็นน้ำตาของคนโง่ๆที่เชื่อในความรักอย่างพวกฉัน แล้วผู้หญิงอย่างเธอแถวบ้านฉันเขาเรียกว่าร่านผู้ชายรู้ไว้ด้วย”
เพราะคำพูดของปูนทำให้น้ำตาลโกรธจนน้ำตาไหล
“เธอไม่เจออย่างฉันเธอไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง เธอจำไว้เลยนะว่าจนวันที่ฉันตายฉันก็ไม่มีวันอภัยให้พวกผู้ชายเลวๆพวกนั้นหรอก”
น้ำตาลพูดทั้งน้ำตาก่อนจะเดินออกไปจากงานท่ามกลางสายตาของทุกคน
“น้ำตาลรักคุณมากนะ”
พันธมิตรบอกแบงค์แต่เขายังคงยืนนิ่ง
“คุณได้หัวใจเธอไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้ต้องการมันจริงๆ”
พันธมิตรพูดก่อนจะวิ่งตามน้ำตาลออกไป
“คุณไปดูเธอเถอะ”
ปูนบอกแบงค์ที่ยืนก้มหน้านิ่งเมื่อเห็นน้ำตาของน้ำตาล
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้านนะ”
แบงค์บอกเดินนำปูนออกไปจากงาน
“น้ำตาลให้พี่ไปส่งบ้านนะ” พันธมิตรอาสาขณะเดินตามน้ำตาลที่กำลังมองหาแท็กซี่
“พอซะทีได้ไหมเลิกเดินตามฉันซะที นายมันก็แค่ผู้ชายอีกคนที่ฉันหลอกเล่นๆนายยังไม่เข้าใจอีกเหรอจะโง่ไปถึงไหนกัน”
น้ำตาลหันกลับมาตะหวาดพันธมิตรเสียงลั่น
“ถ้าความรักมันทำให้พี่ทำอะไรโง่ๆอย่างที่น้ำตาลบอก พี่ก็ต้องขอโทษด้วยที่มันอาจทำให้น้ำตาลรำคาญใจ แต่พี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยพี่ถึงได้มานั่งเป็นห่วงน้ำตาลอยู่ตรงนี้ไง”
“นายมันบ้าไปแล้ว ต่อให้นายรักฉันจนหมดใจฉันก็จะไม่มีวันรักนายตอบหรอก นายได้ยินไหมว่าฉันไม่รักนายไม่เคยรักนายเลยแม้แต่น้อย............ช่วยกรุณาไปให้พ้นๆหน้าฉันซะทีได้ไหม ไปให้ไกลๆเลย........ไปให้พ้น.....ไป”
เพราะคำพูดและการกระทำที่ไม่เหลือเยื่อใยใดๆทำให้พันธมิตรทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและกลั้นหยดน้ำตาเอาไว้
“นายอยากจะกระอักเลือดตายเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ.......ไปให้พ้นได้แล้วเพราะว่าสิ่งที่นายจะได้รับจากฉันมันมีแค่ความเกลียดชังเท่านั้นแหละ ฉันเกลียดนายเหมือนที่ฉันเกลียดไอ้ผู้ชายเลวๆพวกนั้น........ฉันสะใจแค่ไหนรู้ไหมที่เห็นนายต้องทรมานอย่างตอนนี้ นายมันน่าสมเพชที่สุด”
น้ำตาลแค่นหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาทำให้พันธมิตรไม่อาจกลั้นหยดน้ำตาไว้ได้อีก
“น้ำตาลมีความสุขจริงๆนะเหรอที่ทำแบบนี้ สะใจจริงๆนะเหรอที่เห็นคนอื่นต้องร้องไห้และทุกข์ทรมาน”
“ใช่ฉันมีความสุขมาก มีความสุขที่สุดในโลก”
น้ำตาลตอบพันธมิตรส่งรอยยิ้มที่ปนมากลับคราบน้ำตาให้เขา
“แต่เท่าที่พี่เห็นน้ำตาลไม่มีความสุข ความทุกข์ใจของบุคคลเหล่านั้นมันย้อนกลับมาหาน้ำตาลทั้งหมด.........คนที่ถูกทิ้งอย่างน้อยๆพวกเขาก็มีรักอยู่เต็มหัวใจ คนที่อยู่โดยไม่รู้จักความรักและไม่มอบมันให้ใครเลยต่างหากที่น่าสงสารที่สุด”
เพราะคำพูดของพันธมิตรทำให้น้ำตาลร้องไห้โฮออกมาเพราะถูกจี้ใจดำ
“ฉันเกลียดนาย”
น้ำตาลพลักอกพันธมิตรก่อนจะวิ่งขึ้นรถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดพอดี