ขอระบายหน่อยค่ะ เหนื่อยจนจะท้อ อะไรๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง

-
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เล่าบ้างแค่พอขำขำ...สมัยเรียนผมไรท์ CD-DVD ขายเรื่อยเปื่อย ในสมัยที่ thaidvd.net ยังรุ่งเรือง เรียนไปขายไป

เรียนจบมาได้เงินจากการขาย CD-DVD มาแสนกว่าบ้าน สมันนั้น ผมรับไรท์ CD แค่ 5 บาทเองนะครับ คิดดูกี่แผ่น

เมื่อ 10 ปีที่แล้วอะนะ เมื่อเรียนจย บวกกับ CD-DVD คนเริ่มหันมาทำกันเยอะ แข่งตัดราคากันกระจุย มีปก มีกล่อง มีสกรีน

ผมเลยเบนเข็มหนีไปที่ธุรกิจอื่นๆ ที่น่าจะมั่นคงกว่า เพราะเรียนจบแล้ว จะมานั่งไรท์แผ่นก็อปขาย ทุเรศตาย ผมจบ ป.ตรีครับ

เลยไปจับธุรกิจ อาหารญี่ปุ่นตัวนึง ชื่อ omaishi อ่านว่า โอมาอิชิ บางคนอาจจะเคยเห็นตาม food court ในห้าง

หรือใครอยู่ มหาชัย จะเห็นอยู่ครับ เป็นสาขาใหญ่เลย ซึ่งไปซื้อแฟรนไชมา มีตั้งแต่ 35000-50000-150000

ผมก็เลือกกลางๆคือ 50000 เอาเงินที่มีไปลงทุน บวกกับที่บ้านออกให้ มาทำร้านอีกแสนกว่าบาท แรกๆกิจการดีมาก

วันนึงๆรายได้ 10000-12000 การันตีเลย ทำมาได้ 2 ปี ธุรกิจก็ซบเซา คนเริ่มหาอะไรที่แปลกใหม่กว่า ในตอนนั้นผมทำประกันชีวิต

ด้วยความที่เห็นว่าเงินหาง่าย ก็เลยทำตั้งแต่ปีแรกที่เปิดร้าน คือทำเดือนละ 10000 บาท ปีละแสนเศษ ทำได้ 2 ปี มาเจอเศรษฐกิจแย่ๆ

เลยต้องยอมเวรคืนกรมธรรม์ไป ได้เงินคืนมาแค่ 40000 นิดๆ เสียดายเงินมากตอนนั้น มีแต่คนบ่น เป็นปมในใจมาตลอด

พอกิจการไม่ดี เงินเดือนที่ต้องจ้างกุ๊กเดือนละ 12000 ก็เริ่มไม่ไหว ทำๆไปรู้สึกว่าตัวเอง ได้เงินน้องกว่าลุกน้องซะอีก รายได้หักค่าใช้จ่ายไม่ถึง

5000 บาทต่อเดือน เลยจำใจปลดลูกน้องออก หันมาทำเองกับแม่สองคน ร้านอาหารที่มีพนักงานสองคน กับเมนูประมาณ 60 อย่าง

คิดดูครับ ว่ายุ่งขนาดไหน ผมทำหน้าที่หลายอย่างมาก ทั้งจดเมนู คิดเงิน เก็บโต๊ะ ล้างจาน ทำอาหารด้วย คิดต้องวิ่งทั้งวันตลอด

อาหารญี่ปุ่นจะมีครัวเย็น และครัวร้อน ผมต้องวิ่งทำทั้งสองครัว และรวมถึงเสิร์ฟน้ำ กับบริการลูกค้าด้วย ทำๆไปก็มีปัยหาตามมามากมาย

ลูกค้าบ่นว่าช้า บริการไม่ดี คือไม่มีเวลาบริการเลยดีกว่า ผมเปิดร้านช่วงนั้นตั้งแต่ 10.00-22.00 เหนื่อยมากๆ ล้างจานวันละเป็นร้อยๆใบ

และเมื่อสิ้นเดือน ก็ต้องแบ่งเงินกับแม่คนละครึ่งด้วย บางเดือนได้เยอะ บางเดือนก็ได้น้อย ส่วนมากจะน้อย คนไม่ค่อยจะมา เพราะเราบริการไม่ดี

บางครั้งผมก็ท้อมาก เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร จริงๆผมมีน้องชาย แต่เค้าเรียนอยู่ ผมไม่อยากรบกวน ให้เค้าต้องมาช่วย เพราะเงินผมไม่ได้แบ่งให้ใช้

เค้าได้เงินจากพ่อผม  พ่อผมก็ไม่อยู่บ้าน ต้องดูแลอาม่าที่เดินไม่ได้ อีกบ้านนึงทั้งวัน กลับมาก็แค่นอนบ้านเท่านั้น

จนวันนึงผมก็เจอกับแฟนผม ปัจจุบันแต่งงานแล้ว แฟนผมเป็นคนลาว บ้านผมเป็นคนจีน แรกๆแม่ผมไม่ทราบ ทราบแค่ว่ามีแฟน

ก็เลยให้แฟนมาที่บ้าน หวังให้ช่วยทำงานแบ่งภาระ แฟนก็มาอยู่บ้าน คือย้ายมาอยู่กินเลย ก็มีปัญหาระหองระแหงตลอด

ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องที่เค้าเป็นคนลาว ที่บ้านไม่ยอมรับเลย เว้นแต่พ่อ กับน้องที่เฉยๆ เอาแฟนมาอยู่ก็ช่วยเบางานได้นิดหน่อย

แต่เรื่องเงินก็แย่ลงไปอีก เพราะตัวหารมีมากขึ้น ผมต้องแบ่งคนให้แม่ครึ่งนึง แล้วครึ่งนึงของผมก็ต้องแบ่งแฟนอีกครึ่งนึง

ผมท้อมาก เพราะผมทำงานหนักมากที่สุดในบ้าน แต่เงินได้นิดเดียว ไม่พอเลี้ยงตัว หรือเลี้ยงแฟนได้แน่นอน จะคิดไปตั้งตัว

หรือหาอะไรในอนาคตแทบมองไม่เห็น ผมทะเลาะกับแม่บ่อยมากๆ จนผมหนีออกจากบ้านไปกับแฟน ไปอยู่ที่ห้องพักที่เมืองกาญจน์

1 เดือนเต็มๆ กับเงินแค่ 15000 บาท อยู่ได้จนครบเดือนเงินเริ่มหมด พอดีน้องชายโทรมาตามให้กลับไปอยู่บ้าน เพราะแม่ยอมผมแล้ว

ผมก็กลับไปอยู่กับแม่ ตอนที่ผมไม่อยู่บ้าน แม่ต้องเปิดร้านทำแค่คนเดียว ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเปิดได้ยังไง ทำยังไงคนเดียว

ช่วงที่กลับไป ร้านเงียบมาก อาจจะมาจากการที่ให้แม่ทำร้านคนเดียวทั้งเดือน ลูกค้ามาวันละ โต๊ะ 2 โต๊ะ คิดมากอยู่หลายวัน

ทะเลาะกับแม่เรื่องเดิมๆ น่าจะเป็นปี มีแฟนก็มีภาระของที่บ้านแฟนพ่วงมาด้วย คนลาวมักจะชอบมาทำงานแล้วส่งเงินกลับบ้าน

ผมก็ต้องช่วยส่งด้วยเดือนละ 5000 บางเดือนไม่มีก็ไม่ให้ เป็นแบบนี้อยู่นานครับ ลำบากมาก แฟนผมต้องไปต่อ passport ที่ปอยเปต

ทุกเดือน ผมต้องขี่มอไซจากบ้าน บ้านผมอยู่นครปฐม ไปบางแคตอนตี 3 เพื่อไปขึ้นรถบ่อน ไปปอยเปต แล้วกลับกทม 3 ทุ่ม

และขี่รถกลับบ้านประมาณเที่ยงคืนทุกวัน วันไหนฝนตก โคตรสงสารตัวเองครับ แต่ไม่เท่าให้แฟนเกาะหลังตากฝนไปด้วย

แฟนผมก็ท้อมากเหมือนกัน เพราะเงินเค้าไม่มี แบ่งจากผมก็ได้นิดเดียว ไม่พอใช้ ไม่ได้ช็อปอะไรเลย เดินห้างก็ไม่ได้ไม่มีเงิน

กินอะไรแพงๆไม่ได้เลย เที่ยวไหนก็ไม่ได้ วันๆอยู่แต่บ้าน ช่วยที่บ้านไปวันๆ มีปัญหาทะเลาะกันตลอด จะเลิกกันก็หลายครั้ง

สุดท้ายก็เลยคิดว่า เอาแบบนี้ดีกว่า เราทำงานไม่ไหวหรอก ขายของ 10.00-22.00 เหนื่อยเกินไป

และลุกค้าก็มาแค่ตอนเย็นๆ เลยตัดสินใจปิดช่วงเช้าไปเลย  เปิดตอนเย็น แค่ 17.00-22.00 เอาเวลากลางวันไปหารายได้อื่นๆดีกว่า

ช่วงแรกๆก็เหนื่อยใจเหมือนเดิม คือกลับมาอยู่บ้านแต่เงินไม่มีใช้เลย ก็เลยหาของที่ผมมีทั้งหมด ทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า ทุกอย่าง

ที่พอจะเป็นเงินได้ ประกาศขายใน internet ทั้งหมด พอออกมาผิดคาดมาก เหมือนโชคจะเข้าข้าง ขายได้หมดเลยครับ

เป็นช่วงที่การซื้อขาย online กำลังเกิดพอดี และพอดีไปรู้จัก ebay เข้าก็เลย สั่งของอื่นๆที่พอจะขายได้มาขายไป

ขายๆไปก็เริ่มมีเงินครับ เอาของ brandname มาขายดีมาก จนมีคนขอรับไปขายต่อ ผมเป็นพ่อค้าส่งในทันที ช่วงนั้นอะไรๆก็กำลังดีครับ

ขายไปตั้งแต่วันนั้น ถึงทุกวันนี้เลยครับ รายได้ไม่แน่นอน แต่มันเป็นเงินส่วนที่ได้เต็มๆ ไม่รวมจากร้านอาหารที่ทำ ทุกวันนี้มีบ้านเอื้ออาทร 1 หลัง

ซื้อบ้านเดี่ยวไม่ไหวครับ รถ toyota collora ปี 97 เก่าๆ 1 คัน ซื้อมือสองมาแสนเศษๆ ก็ใช้ถึงทุกวันนี้ มีเงินเก็บไปแต่งเมียด้วยตัวเอง

เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เงินแสนสอง กับทอง 4 บาท ทุกวันนี้ผมยังใช้ มือถือ nokia รุ่นเสียงเรียกเข้าแบบ monopoly อยู่เลยครับ ไม่อยากซื้อใหม่

มันทำเงินมาให้เยอะมาก แต่แฟนผมใช้ iphone 3 และปัจจุบัน I5 แล้ว และปีที่แล้วก็เปิดร้านขายเสื้อผ้าให้แฟน 1 ร้าน ลงทุนไปแสนกว่าบาท

เอารถไปจำนำมาครับ บวกกับทองของเมียจากสินสอดมาลงอีกหน่อย ปัจจุบันแฟนผมมีงานเป็นของตนเอง ไม่ได้แย่งเงินจากผมแล้ว

และตอนนี้น้องชายก็เรียนจบ ออกมาช่วยที่บ้าน เลยมีคน 3 คนในร้านประจำอยู่ทุกวันนี้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนะครับ ผมมีเวลามากขึ้น ไม่เหนื่อย ไม่เครียด กลางวันผมไปช่วยแฟนขายเสื้อผ้า ช่วงบ่ายๆผมไปเข้าฟิตเนสด้วยครับ

ตอนเย็นก็มีขายของที่บ้านกับแม่ มีน้องมาอยู่ด้วย การบริการก็ดีขึ้นครับ เมนูผมเปลี่ยนใหม่หมด อะไรยากตัดทิ้งหมดเลย หาอะไรที่ง่ายๆและได้ไวแทน

แม่ผมอายุจะ 60 แล้ว ทำอะไรยุ่งยาก แกไม่ไหว ผมเองก็ไม่ไหว วิ่งครัว 2 ครัวไม่ทัน น้องมีหน้าที่รับลุกค้าไป คิดเงิน เก็บโต๊ะน้องผมทำแทนหมด

เงินมีเก็บมากขึ้น ไม่ขัดสนแล้ว ณ ตอนนี้ เข้าห้างบ่อยมาก เข้า 7-11 แทบทุกวัน อยากกินอะไรซื้อหมด อยากใช้อะไรซื้อเลย

แต่ก็ไม่เคยซื้อของฟุ่มเฟื่อยนะ ผมเน้นแต่ของกินดีๆ เพราะเราเหนื่อยมามาก ผมกับแฟนสู้ด้วยกันมา 5 ปีแล้ว ผมเก็บเงินไปเที่ยวเมืองนอก

กับแฟนตลอดครับ ผมไปมาแล้ว 7-8 ประเทศ มีความสุขมากครับ ปัจจุบัน.....

ปล.ที่เล่ามาก็อยากให้เห็นว่า ยังมีคนที่เหนื่อยมากๆอยู่อีกเยอะครับ กว่าเค้าจะยิ้มได้ บางทีเราไม่ได้มองลงไปแค่นั้นเองครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ คิดว่าไม่นานคุณก็ต้องสบายแน่นอน ขออย่ายอมแพ้ครับ ให้ผมแนะนำ ถ้าร้านไม่ไหวเลิกทำ หรือหาอะไรทำเพิ่มครับ

และสิ่งแรกที่ต้องทำ ล้างหนี้นอกระบบซะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่