ใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปี เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายค่ะ เป็นกันมั้ยคะ
ยิ่งได้เข้าวัด ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ได้อยู่กับความสงบ แม้ครั้งหนึ่งจะไม่กี่วัน
แต่ก็สุขกายสุขใจ เคยคิดอยากปลีกวิเวก ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ในโลกของความจริง
มันทำไม่ได้ ด้วยภาระหน้าที่ และอะไรอีกหลายๆอย่าง ที่เป็นต้นเหตุของทุกข์ทั้งนั้น
แม้วันพระ จะแบ่งเวลาให้ตัวเองได้สวดมนต์ นั่งสมาธิบ้าง แต่เหมือนยังไม่เพียงพอ
อยากทำให้ได้ทุกวัน แต่งานมากมายที่กองอยู่ตรงหน้าก็เป็นอุปสรรคไปเสียทุกที
เบื่อหน่ายกับวังวนชีวิตเดิมๆ ที่ต้องดิ้นรน ทำงานหนักและเหนื่อย หาเงินเพื่อดำรงชีวิตต่อไป
เคยคิดตลกๆ ว่าไม่อยากทำแล้ว แต่...ไม่ทำงาน แล้วจะกินอะไร ไหนจะพ่อแม่ น้อง ภาระหนี้สินมากมาย เอาที่ไหนใช้เขา
ก็เลยต้องทน ทำมันต่อไป แม้จะเบื่อ จะท้อ แต่ก็ต้องทำ จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
เบื่อที่ทุกวันต้องมานั่งคิดว่าวันนี้จะกินอะไร เบื่อที่ต้องสรรหาของมีประโยชน์ หรือต้องคอยระวังการกิน
เพราะมีปัญหาสุขภาพ จะกินตามใจปากก็ไม่ได้ ร่างกายจะยิ่งทรุดลงไป
วันไหนเบื่อมากๆ ก็ไม่กิน กินวันละมื้อ พอประทังชีวิต สบายใจดีนะคะ ไม่ต้องมานั่งคิดให้ปวดหัว
ว่าเช้ากินอะไร เที่ยงกินอะไร เย็นกินอะไร กับข้าวซ้ำๆ นั่นก็เบื่อ นี่ก็เบื่อ
เบื่อมาก ก็ไม่ต้องกินมันซะ จบง่ายๆ ดี กินแค่วันละมื้อ แต่ก็ทำได้ไม่นาน
เพราะร่างกายต้องทำงานหนัก สมองต้องคิดงานหนักทั้งวี่ทั้งวัน ก็ยังต้องกินต่อไป
เบื่อที่ต้องคอยดูแลรักษาสังขารนี้ กายนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ของเราสักหน่อย
ทำไมต้องคอยดูแลให้มีชีวิตยืนนาน ให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เพราะมันห้ามกันไม่ได้เลย
แต่ที่ต้องดูแล ก็เพราะหน้าที่ ต้องดูแลครอบครัว พ่อแม่ ท่านแก่ตัวไปทุกวัน
เราต้องแข็งแรงเพื่อดูแลท่าน หรือบางที แรงกายเราก็ยังได้ทำประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
ทุกครั้งที่ถามตัวเอง ทำไมต้องอยู่นานๆ ทำไมต้องแข็งแรง ก็ตอบตัวเองเสมอว่าอยู่เพื่อพ่อแม่
อยู่เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์บ้าง ทำประโยชน์ให้คนอื่นบ้าง
ทั้งที่ใจลึกๆ มันก็เบื่อหน่าย กับการมีชีวิตที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายคน ไม่อยากเกิดแล้ว ไม่อยากเวียนว่ายในวัฎสงสาร
ใครเคยมีอารมณ์เบื่อหน่ายแบบนี้บ้างคะ แล้วกำจัดอารมณ์เหล่านี้ได้ยังไง
ทุกวันนี้เหมือนกับชีวิตยังไม่พบความสุขที่แท้จริงเลยค่ะ
เบื่อชีวิตกันบ้างมั้ยคะ...การเกิด...เป็นทุกข์จริงๆ
ยิ่งได้เข้าวัด ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ได้อยู่กับความสงบ แม้ครั้งหนึ่งจะไม่กี่วัน
แต่ก็สุขกายสุขใจ เคยคิดอยากปลีกวิเวก ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ในโลกของความจริง
มันทำไม่ได้ ด้วยภาระหน้าที่ และอะไรอีกหลายๆอย่าง ที่เป็นต้นเหตุของทุกข์ทั้งนั้น
แม้วันพระ จะแบ่งเวลาให้ตัวเองได้สวดมนต์ นั่งสมาธิบ้าง แต่เหมือนยังไม่เพียงพอ
อยากทำให้ได้ทุกวัน แต่งานมากมายที่กองอยู่ตรงหน้าก็เป็นอุปสรรคไปเสียทุกที
เบื่อหน่ายกับวังวนชีวิตเดิมๆ ที่ต้องดิ้นรน ทำงานหนักและเหนื่อย หาเงินเพื่อดำรงชีวิตต่อไป
เคยคิดตลกๆ ว่าไม่อยากทำแล้ว แต่...ไม่ทำงาน แล้วจะกินอะไร ไหนจะพ่อแม่ น้อง ภาระหนี้สินมากมาย เอาที่ไหนใช้เขา
ก็เลยต้องทน ทำมันต่อไป แม้จะเบื่อ จะท้อ แต่ก็ต้องทำ จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
เบื่อที่ทุกวันต้องมานั่งคิดว่าวันนี้จะกินอะไร เบื่อที่ต้องสรรหาของมีประโยชน์ หรือต้องคอยระวังการกิน
เพราะมีปัญหาสุขภาพ จะกินตามใจปากก็ไม่ได้ ร่างกายจะยิ่งทรุดลงไป
วันไหนเบื่อมากๆ ก็ไม่กิน กินวันละมื้อ พอประทังชีวิต สบายใจดีนะคะ ไม่ต้องมานั่งคิดให้ปวดหัว
ว่าเช้ากินอะไร เที่ยงกินอะไร เย็นกินอะไร กับข้าวซ้ำๆ นั่นก็เบื่อ นี่ก็เบื่อ
เบื่อมาก ก็ไม่ต้องกินมันซะ จบง่ายๆ ดี กินแค่วันละมื้อ แต่ก็ทำได้ไม่นาน
เพราะร่างกายต้องทำงานหนัก สมองต้องคิดงานหนักทั้งวี่ทั้งวัน ก็ยังต้องกินต่อไป
เบื่อที่ต้องคอยดูแลรักษาสังขารนี้ กายนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ของเราสักหน่อย
ทำไมต้องคอยดูแลให้มีชีวิตยืนนาน ให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เพราะมันห้ามกันไม่ได้เลย
แต่ที่ต้องดูแล ก็เพราะหน้าที่ ต้องดูแลครอบครัว พ่อแม่ ท่านแก่ตัวไปทุกวัน
เราต้องแข็งแรงเพื่อดูแลท่าน หรือบางที แรงกายเราก็ยังได้ทำประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
ทุกครั้งที่ถามตัวเอง ทำไมต้องอยู่นานๆ ทำไมต้องแข็งแรง ก็ตอบตัวเองเสมอว่าอยู่เพื่อพ่อแม่
อยู่เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์บ้าง ทำประโยชน์ให้คนอื่นบ้าง
ทั้งที่ใจลึกๆ มันก็เบื่อหน่าย กับการมีชีวิตที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายคน ไม่อยากเกิดแล้ว ไม่อยากเวียนว่ายในวัฎสงสาร
ใครเคยมีอารมณ์เบื่อหน่ายแบบนี้บ้างคะ แล้วกำจัดอารมณ์เหล่านี้ได้ยังไง
ทุกวันนี้เหมือนกับชีวิตยังไม่พบความสุขที่แท้จริงเลยค่ะ