'เอไอเอส'หวังเลียนแบบ'ทรู'ตั้งกองทุนโครงสร้างโทรคม

กระทู้ข่าว
ไอที-นวัตกรรม
วันที่ 7 สิงหาคม 2556 10:26
'เอไอเอส'หวังเลียนแบบ'ทรู'ตั้งกองทุนโครงสร้างโทรคม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เอไอเอสขอด้วย หากกลุ่มทรูดันตั้งอินฟราสตรักเจอร์ ฟันด์สำเร็จ ย้ำสัญญาอยู่บนมาตรฐานเดียวกันตามกฎบีทีโอ

นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวถึงแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรักเจอร์ ฟันด์) ในกิจการโทรคมนาคมว่า หากมีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าเอกชนสามารถดึงทรัพย์สินโทรคมนาคม เสา สถานีฐาน ตามสัญญาสัมปทานสร้าง-โอน-บริการ (บีทีโอ) ไปจัดตั้งเป็นกองทุนได้บริษัทก็พร้อมดำเนินการทันที

ทั้งนี้ แผนการจัดตั้งกองทุนรวม มีแนวคิดจากกรณี บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่าจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวมูลค่าไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท

"เราคงดูผลสรุปว่าหากทรูทำได้ แล้วในสัญญาสัมปทานที่เอไอเอสทำร่วมกับบมจ.ทีโอที ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกัน เราก็ทำได้ ส่วนเสาสถานีฐานที่เซ็นโอนให้ทีโอทีตามบีทีโอ บริษัทสามารถเซ็นสงวนสิทธิ์การใช้งานได้ แต่สุดท้ายต้องดูว่ากลุ่มทรูทำอย่างไรกับเสาที่อยู่ในการเจรจาระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม และมีปัญหาชั้นอนุญาโตตุลาการ"

เขา กล่าวว่า สาเหตุที่เอไอเอสจะออกอินฟราสตรักเจอร์ ฟันด์ไม่ได้หมายความว่าบริษัทมีหนี้น้อยจึงไม่จำเป็นต้องทำ แต่หากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมดำเนินการได้ ผู้ถือหุ้นก็ย่อมถามบอร์ดบริษัทว่าทำไมถึงไม่ดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ได้มีหนังสือ จท.11-560068 ลงวันที่ 3 ก.ค.2555 ขอหารือกรณีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ ร่วมกับกลุ่มทรู อยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

เรื่องดังกล่าวมีประเด็นต้องพิจารณาว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ตาม.พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 หรือไม่

หากต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจะต้องขอใบอนุญาตประเภทใด โดยสำนักงาน กสทช. ได้จัดทำระเบียบว่าการการประชุม เรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการโทรคมนาคม (กทค.) แล้ว เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2556 สำนักงาน กสทช.นำเข้าบรรจุเป็นวาระจร ไม่ผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง แต่บอร์ด กทค.ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว

'ประวิทย์' ชงเรียก 5 ค่ายหารือร่วม

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการรูปแบบใหม่ เรื่องใหม่ ที่ยังไม่เคยมีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใดทำมาก่อน ดังนั้นบอร์ด กทค. และสำนักงาน กสทช. ควรเชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาด 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส (เอไอเอส) บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) บริษัท ทรูมูฟ จำกัด บมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม และบริษัทกองทุนรวมทั้งหมดที่สนใจรูปแบบธุรกิจดังกล่าว เข้าหารือร่วมกัน ถึงแนวทางการจัดหารูปแบบธุรกิจ และความเป็นไปได้ว่าจะออกมาลักษณะใด

ขณะเดียวกัน ต้องหาข้อสรุป เมื่อทรูมูฟยังติดปัญหาเกี่ยวกับพันธสัญญาสัมปทานในลักษณะการสร้าง โอน บริการ หรือบีทีโอ ซึ่งก็ควรแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อยก่อน

ไอซีทีขอศึกษาเคลียร์ข้อกฎหมาย

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กสท และกระทรวงไอซีที ยังไม่ได้ตัดสินใจดำเนินการใด เนื่องจากต้องศึกษารายละเอียดและขั้นตอน รวมถึงประเด็นข้อกฎหมายด้วยว่า หากนำทรัพย์สินตามสัญญาบีทีโอตามที่ทรูมูฟส่งมอบคืนให้ กสท จะเข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) หรือไม่

ทั้งนี้เพราะหากนำโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เสาโทรคมนาคม อุปกรณ์ตามสัญญา จะกระทบกฎหมายดังกล่าว รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยไหม ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนไม่ได้ ต้องศึกษาอย่างละเอียด และรอบคอบ

แม้ว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะเปิดเสรีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่ยังผูกโยงกันหลายส่วนทั้งเรื่องสัญญาสัมปทานระหว่างทรู กับทีโอที และกสท รวมถึงการเกี่ยวโยงกับไอซีทีด้วย
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่