คำให้สัมภาษณ์ของ บดินทร์ อิสสระ จากมติชนรายสัปดา์ห์ ฉบับประจำวันที่ 2-8 สิงหาคม 2556
"หลังจากผมได้มีเวลาทบทวนตัวเองและได้ดูภาพในมุมต่าง ๆ ผู้รู้สึกเสียใจและละอายใจเป็นอย่างมากต่อการกระทำของผม เพราะเมื่อคิดย้อนกลับไปถึงนาทีนั้น ท่าทางการแสดงความดีใจ และโห่ร้องที่ได้แต้มของฝ่ายมณีพงศ์ ทั้งที่การดีใจมันไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อครั้งที่จับคู่กันในโอลิมปิกเกมส์ 2012 เลย ซึ่งระหว่างแข่ง ผมโดนตักเตือนจากผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน พี่ท๊อป(ภควัฒน์) ให้ตั้งสมาธิกับเกมการแข่งขัึน แต่ผมกลับระเบิดอารมณ์ที่มาจากแรงกดดัน และความโกรธจากเรื่องส่วนตัว มาบดบังความคิดและสติ จนพาลมองไปว่าเป็นท่าทียั่วยวน ซึ่งนั่นเป็นต้นเหตุใช้ความรุนแรงไล่ต่อยเพื่อนรัก"
อาทบอกต่อว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากที่การกระทำอันขาดสติได้ส่งผลทำให้เพื่อนรักมณีพงศ์ต้องมาโดนแบน 3 เดือน นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังเสียสิทธิ์ในการลงทำการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2013 ที่ประเทศจีนในเืดือนสิงหาคม ในฐานะนักกีฬาด้วยกันเข้าใจดีว่าการแข่งขันชิงแชมป์โลกสำคัญเพียงใด แต่มณีพงศ์ต้องเสียสิทธิจากการกระทำของตัุวผมเองทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของมณีพงศ์เลย เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วไม่มีใครคาดคิด และทางเลือกของมณีพงศ์มีน้อย และมณีพงศ์ก็เลือกที่จะวิ่งหนีและใช้ไม้แบดป้องกันตัว บาดแผลที่ใบหูของผมก็เกิดจากการป้องกันตัวของมณีพงศ์ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้ผมบาดเจ็บ
"ผมสำนึกผิด และขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ผมสมควรถูกลงโทษจากทางสมาคม ผมอยากวิงวอนให้ทางสมาคมลดโทษให้กับมณีพงศ์ เพื่อให้ได้เป็นตัึวแทนเข้าร่วมแข่งขันชิงแชมป์โลกด้วยครับ "
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครั้งแรกเมื่อผมได้เห็นข่าวนักแบดมินตัุนไทยไล่ชกกัน และได้ตามดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พูดตามตรงว่าโมโหมาก และความคิดแว่บแรกที่เข้ามาในหัวก็คือ ต้องลงโทษคนที่ก่อเหตุอย่างสาสม แบนไปตลอดชีวิตเลยยิ่งดี คนอะไรลุแก่โทสะ อันธพาล ไม่มีน้ำใจนักกีฬาเลย
แต่เมื่อไล่ดูคลิปหลาย ๆ คลิปไปเรื่อย ๆ (ส่วนใหญ่ก็จากที่โพสต์ให้ห้องนี้) มีบางคลิปที่ได้ยินคำพูดที่เขาสองคนทะเลาะกัน ได้ยินประมาณนี้นะครับ
อาท : Gru วางไม้แบดแล้วยังเอาไม้ัมาตี Gru อีก
เอ : ก็เมิงมาต่อยกูก่อนทำไมอะ
เฮ้ย นี่มันเหมือนเด็กผู้ชายที่เป็นเพื่อนกันทะเลาะกันเลย แต่ที่มันหนักหนาสาหัสกว่านั้นนับพันนับหมื่นเท่าก็คือ ดันไปต่อยกันในสนามแข่งขัน คือไม่มีวุฒิภาวะและควบคุมตัวเองไม่ได้เลย และภาพที่ออกมาก็แสดงถึงอารมณ์ที่รุนแรงชนิดที่น่ากลัวว่า ถ้าไปทำร้ายกันข้างนอก ฝ่ายที่เป็นผู้กระทำอาจพลั้งมือทำอะไรที่รุนแรงมากกว่าชกต่อยเพราะไม่มีสติเหลืออยู่เลย
แต่เมื่อได้อ่านคำให้สัมภาษณ์และประมวลเหตุการณ์จากที่เห็น ความรู้สึกส่วนตัว (ย้ำนะครับว่าส่วนตัว) ก็รู้สึกเห็นในอาทขึ้นมาบ้างเหมือนกัน โทษจากทางสมาคมฯก็นับว่าแรงพอสมควร เวลาสองปีที่ถูกแบนนับว่าเป็นช่วงเวลาทองของนักกีฬาวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวโอกาสดี ๆ ได้มากมาย แต่นั้นก็ถือว่าเป็นโทษที่เหมาะสม
และจากท่าทีที่แสดงความสำนึกผิดและรับผิดชอบในการกระทำของตน คห.ส่วนตัวอยากให้เขาได้มีโอกาสในวงการกีฬาต่อไป ให้เขาได้นำความผิดพลาดเป็นบทเรียนในชีวิต ไม่ถึงกับต้องอนาคตดับวูบไปเลย
ซึ่งคาดว่าจากความผิดครั้งนี้ อาทคงได้เรียนรู้อะไรมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอารมณ์ความโกรธและมีสติ เพราะการมานั่งเสียใจทีหลังมันแทบไม่คุ้มค่าและไม่มีประโยชน์เลย (และนี่ถ้าไปทะเลาะกันข้างนอกแล้วอาทมีอาวุธในมือ ไม่ต้องมานั่งเสียใจกันทั้งชีวิตหรอกหรือ)
ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาและเอาใจช่วยไม่ให้โทษที่อาทได้รับจากสหพันธ์แบดมินตันโลกนั้นหนักหนาสาหัสจนเกินไป
ปล.ผมไม่ได้ตามข่าวนะครับ จึงไม่ทราบว่าทาง BWF ออกบทลงโทษมาหรือยัง ซึ่งส่วนตัวยืนยันว่าถึงอย่างไรบทลงโทษก็ต้องมีเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ีงที่ผ่านชีวิตมาพอสมควร อยากจะเอาใจช่วยเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำผิดแล้วสำนึกผิดครับ
ความรู้สึกเมื่อได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ "อาร์ท บดินทร์ อิสสระ"
"หลังจากผมได้มีเวลาทบทวนตัวเองและได้ดูภาพในมุมต่าง ๆ ผู้รู้สึกเสียใจและละอายใจเป็นอย่างมากต่อการกระทำของผม เพราะเมื่อคิดย้อนกลับไปถึงนาทีนั้น ท่าทางการแสดงความดีใจ และโห่ร้องที่ได้แต้มของฝ่ายมณีพงศ์ ทั้งที่การดีใจมันไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อครั้งที่จับคู่กันในโอลิมปิกเกมส์ 2012 เลย ซึ่งระหว่างแข่ง ผมโดนตักเตือนจากผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน พี่ท๊อป(ภควัฒน์) ให้ตั้งสมาธิกับเกมการแข่งขัึน แต่ผมกลับระเบิดอารมณ์ที่มาจากแรงกดดัน และความโกรธจากเรื่องส่วนตัว มาบดบังความคิดและสติ จนพาลมองไปว่าเป็นท่าทียั่วยวน ซึ่งนั่นเป็นต้นเหตุใช้ความรุนแรงไล่ต่อยเพื่อนรัก"
อาทบอกต่อว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากที่การกระทำอันขาดสติได้ส่งผลทำให้เพื่อนรักมณีพงศ์ต้องมาโดนแบน 3 เดือน นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังเสียสิทธิ์ในการลงทำการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2013 ที่ประเทศจีนในเืดือนสิงหาคม ในฐานะนักกีฬาด้วยกันเข้าใจดีว่าการแข่งขันชิงแชมป์โลกสำคัญเพียงใด แต่มณีพงศ์ต้องเสียสิทธิจากการกระทำของตัุวผมเองทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของมณีพงศ์เลย เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วไม่มีใครคาดคิด และทางเลือกของมณีพงศ์มีน้อย และมณีพงศ์ก็เลือกที่จะวิ่งหนีและใช้ไม้แบดป้องกันตัว บาดแผลที่ใบหูของผมก็เกิดจากการป้องกันตัวของมณีพงศ์ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้ผมบาดเจ็บ
"ผมสำนึกผิด และขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ผมสมควรถูกลงโทษจากทางสมาคม ผมอยากวิงวอนให้ทางสมาคมลดโทษให้กับมณีพงศ์ เพื่อให้ได้เป็นตัึวแทนเข้าร่วมแข่งขันชิงแชมป์โลกด้วยครับ "
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครั้งแรกเมื่อผมได้เห็นข่าวนักแบดมินตัุนไทยไล่ชกกัน และได้ตามดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พูดตามตรงว่าโมโหมาก และความคิดแว่บแรกที่เข้ามาในหัวก็คือ ต้องลงโทษคนที่ก่อเหตุอย่างสาสม แบนไปตลอดชีวิตเลยยิ่งดี คนอะไรลุแก่โทสะ อันธพาล ไม่มีน้ำใจนักกีฬาเลย
แต่เมื่อไล่ดูคลิปหลาย ๆ คลิปไปเรื่อย ๆ (ส่วนใหญ่ก็จากที่โพสต์ให้ห้องนี้) มีบางคลิปที่ได้ยินคำพูดที่เขาสองคนทะเลาะกัน ได้ยินประมาณนี้นะครับ
อาท : Gru วางไม้แบดแล้วยังเอาไม้ัมาตี Gru อีก
เอ : ก็เมิงมาต่อยกูก่อนทำไมอะ
เฮ้ย นี่มันเหมือนเด็กผู้ชายที่เป็นเพื่อนกันทะเลาะกันเลย แต่ที่มันหนักหนาสาหัสกว่านั้นนับพันนับหมื่นเท่าก็คือ ดันไปต่อยกันในสนามแข่งขัน คือไม่มีวุฒิภาวะและควบคุมตัวเองไม่ได้เลย และภาพที่ออกมาก็แสดงถึงอารมณ์ที่รุนแรงชนิดที่น่ากลัวว่า ถ้าไปทำร้ายกันข้างนอก ฝ่ายที่เป็นผู้กระทำอาจพลั้งมือทำอะไรที่รุนแรงมากกว่าชกต่อยเพราะไม่มีสติเหลืออยู่เลย
แต่เมื่อได้อ่านคำให้สัมภาษณ์และประมวลเหตุการณ์จากที่เห็น ความรู้สึกส่วนตัว (ย้ำนะครับว่าส่วนตัว) ก็รู้สึกเห็นในอาทขึ้นมาบ้างเหมือนกัน โทษจากทางสมาคมฯก็นับว่าแรงพอสมควร เวลาสองปีที่ถูกแบนนับว่าเป็นช่วงเวลาทองของนักกีฬาวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวโอกาสดี ๆ ได้มากมาย แต่นั้นก็ถือว่าเป็นโทษที่เหมาะสม
และจากท่าทีที่แสดงความสำนึกผิดและรับผิดชอบในการกระทำของตน คห.ส่วนตัวอยากให้เขาได้มีโอกาสในวงการกีฬาต่อไป ให้เขาได้นำความผิดพลาดเป็นบทเรียนในชีวิต ไม่ถึงกับต้องอนาคตดับวูบไปเลย
ซึ่งคาดว่าจากความผิดครั้งนี้ อาทคงได้เรียนรู้อะไรมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอารมณ์ความโกรธและมีสติ เพราะการมานั่งเสียใจทีหลังมันแทบไม่คุ้มค่าและไม่มีประโยชน์เลย (และนี่ถ้าไปทะเลาะกันข้างนอกแล้วอาทมีอาวุธในมือ ไม่ต้องมานั่งเสียใจกันทั้งชีวิตหรอกหรือ)
ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาและเอาใจช่วยไม่ให้โทษที่อาทได้รับจากสหพันธ์แบดมินตันโลกนั้นหนักหนาสาหัสจนเกินไป
ปล.ผมไม่ได้ตามข่าวนะครับ จึงไม่ทราบว่าทาง BWF ออกบทลงโทษมาหรือยัง ซึ่งส่วนตัวยืนยันว่าถึงอย่างไรบทลงโทษก็ต้องมีเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ีงที่ผ่านชีวิตมาพอสมควร อยากจะเอาใจช่วยเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำผิดแล้วสำนึกผิดครับ