การสอนวิชาธรรมกายหลักสูตร 1 กายธรรมให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสงขลา อ. หาดใหญ่ โดย ดร. มนัส โกมลฑา เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ซึ่งเป็นการสอนเด็กนักเรียน 2 ศาสนารวมกัน คือ พุทธกับอิสลาม
การสอนดังกล่าวนั้น พิสูจน์เรื่อง "ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ" ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
การที่นักเรียนฟังคำบอกวิชาของดร.มนัส เป็นการเรียน "ปริยัติ" เช่นเดียวกับปัจจวัคคีย์ที่ฟังคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งก็แสดงว่า ปริยัตินั้น ไม่จำเป็นต้องเรียนให้จบเปรียญ 8 เปรียญ 9 หรือศึกษาพระไตรปิฎกมาเป็นปีๆ
เมื่อนักเรียนฟังคำบอกวิชาและทำตาม นั่นก็คือ "ปฏิบัติ"
เมื่อปฏิบัติแล้ว ก็เห็นดวงธรรม เห็นกายธรรมในท้องนั่นก็คือ "ปฏิเวธ"
จะเห็นได้ว่า วิชาธรรมกายอธิบายพระไตรปิฎกได้ดีที่สุด
ขอให้อ่านอนัตตลักขณสูตร ด้านล่าง
๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
ขอให้สังเกตคำว่า ......"อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้"......
นั่นก็แสดงว่า ขณะที่ปัจจวัคคีย์ฟังคำสอนของพระพุทธองค์ก็เห็นไปตามคำสอน เช่นเดียวกับเด็กนักเรียนที่ฟังคำบอกวิชาของดร.มนัส แล้วก็เห็นดวงธรรม กายธรรม
การให้เด็กนักเรียนวาดรูปนั้น เพื่อให้เป็นหลักฐานในทางวิชาการว่า เด็กนักเรียนเห็นพระในท้องจริงๆ จนสามารถวาดรูปภาพออกมาได้
ผู้ที่สนใจจะเรียนวิชาธรรมกาย ติดตามรายละเอียดตามลิงก์ด้านล่าง
http://sueksakarun.blogspot.com/
http://sueksakarun.blogspot.com/2013/03/blog-post_5.html
วิชาธรรมกายสอนเด็กหูได้
การสอนวิชาธรรมกายหลักสูตร 1 กายธรรมให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดสงขลา อ. หาดใหญ่ โดย ดร. มนัส โกมลฑา เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2556 ซึ่งเป็นการสอนเด็กนักเรียน 2 ศาสนารวมกัน คือ พุทธกับอิสลาม
การสอนดังกล่าวนั้น พิสูจน์เรื่อง "ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ" ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
การที่นักเรียนฟังคำบอกวิชาของดร.มนัส เป็นการเรียน "ปริยัติ" เช่นเดียวกับปัจจวัคคีย์ที่ฟังคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งก็แสดงว่า ปริยัตินั้น ไม่จำเป็นต้องเรียนให้จบเปรียญ 8 เปรียญ 9 หรือศึกษาพระไตรปิฎกมาเป็นปีๆ
เมื่อนักเรียนฟังคำบอกวิชาและทำตาม นั่นก็คือ "ปฏิบัติ"
เมื่อปฏิบัติแล้ว ก็เห็นดวงธรรม เห็นกายธรรมในท้องนั่นก็คือ "ปฏิเวธ"
จะเห็นได้ว่า วิชาธรรมกายอธิบายพระไตรปิฎกได้ดีที่สุด
ขอให้อ่านอนัตตลักขณสูตร ด้านล่าง
๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้น เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
ขอให้สังเกตคำว่า ......"อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้"......
นั่นก็แสดงว่า ขณะที่ปัจจวัคคีย์ฟังคำสอนของพระพุทธองค์ก็เห็นไปตามคำสอน เช่นเดียวกับเด็กนักเรียนที่ฟังคำบอกวิชาของดร.มนัส แล้วก็เห็นดวงธรรม กายธรรม
การให้เด็กนักเรียนวาดรูปนั้น เพื่อให้เป็นหลักฐานในทางวิชาการว่า เด็กนักเรียนเห็นพระในท้องจริงๆ จนสามารถวาดรูปภาพออกมาได้
ผู้ที่สนใจจะเรียนวิชาธรรมกาย ติดตามรายละเอียดตามลิงก์ด้านล่าง
http://sueksakarun.blogspot.com/
http://sueksakarun.blogspot.com/2013/03/blog-post_5.html