ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา
“โย โข วกฺกลิ ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ โส ธมฺมํ ปสฺสติ”
(ภิกขุวักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่า เห็นเรา)
ข้อความข้างต้นนั้น พระพุทธองค์ตรัสต่อพระวักกลิ ปรากฏอยู่ในวักกลิสูตร เป็นข้อความที่ผู้สนใจศาสนาน่าจะได้รับรู้กันอยู่แล้ว
แต่มีน้อยคนมากที่จะสามารถอธิบายให้บุคคลทั่วไปเข้าใจถึงความหมายได้อย่างง่ายๆและชัดเจน
การเห็นธรรม ก็คือ การมีดวงตาเห็นธรรม ซึ่งคือการเห็นดวงธรรมของเราเอง
ส่วนการเห็นพระพุทธเจ้านั้น ในสุตตันตปิฎก พระพุทธองค์ทรงรับสั่งแก่สามเณรวาเสฏฐ์ ว่า
“ตถาคต สฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ ธมฺมกาโย กิติปิฯ”
(สามเณรวาเสฏฐ์ ธรรมกายคือตถาคต)
เมื่อรวม พุทธวัจนะทั้งสองเข้าด้วยกัน สรุปได้ว่า
“ผู้ใดเห็นดวงธรรม ผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือธรรมกาย”
การเห็นธรรม และ การเห็นพระพุทธเจ้านั้นสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนด้วยวิชาธรรมกาย อย่างที่สายปฏิบัติอื่นไม่สามารถอธิบายได้อย่างนี้
กายของเรา รวมกายภายในมีทั้งหมด 18 กาย ซึ่งมีกายธรรมรวมอยู่ด้วย ตามวิชา 18 กาย ซึ่งเป็นวิชาเบื้องต้นของวิชาธรรมกาย ในหนังสือทางมรรคผล https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/vbMEbSHWbT/หนังสือหลวงพ่อวัดปากน้ำ/ทางมรรคผล%20(วิชา%2018%20กาย).pdf
ขอให้ดูตัวอย่างการเห็นดวงธรรม และ เห็น
กายกายในกาย ณ ภายนอก ตามสติปัฏฐาน 4
นี่คือการเห็นกายในกาย ณ ภายนอก ตามสติปัฏฐาน 4
("วิชาธรรมกายเป็นสติปัฏฐาน 4 และอธิบายสติปัฏฐาน 4 ได้ดีที่สุด" http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tsongphol&date=30-05-2013&group=2&gblog=3)
การที่ดร.มนัสบอกวิชาให้เด็กทำตามคือ ดูกายฝันของท่านเอง ซึ่งเป็นกายในกาย ณ ภายนอกของเด็กนักเรียน นั้นคือ "ปริยัติ"
นักเรียนทำตามแล้ว เห็นกายฝันของท่านดร.มนัสเป็น "ปฏิบัติ"
เมื่อ "ปฏิบัติ" แล้วได้ผล คือ เห็นกายฝันของดร.มนัสจริง นั่นคือ "ปฏิเวธ"
การให้เด็กนักเรียนวาดรูปนั้น เพื่อให้เป็นหลักฐานในทางวิชาการว่า เด็กนักเรียนเห็นกายในกาย ณ ภายนอก คือ เห็นกายฝันของดร.มนัสจริง จนสามารถวาดรูปภาพออกมาได้
ผู้ที่สนใจจะเรียนวิชาธรรมกาย ติดตามรายละเอียดตามลิงก์ด้านล่าง
http://sueksakarun.blogspot.com/2013/03/blog-post_5.html
http://sueksakarun.blogspot.com/2013/04/blog-post.html
บล็อกของดร.มนัส โกมลฑา
http://www.komolthamanas.blogspot.com
การดูกายในกาย ณ ภายนอก
“โย โข วกฺกลิ ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ โส ธมฺมํ ปสฺสติ”
(ภิกขุวักกลิ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่า เห็นเรา)
ข้อความข้างต้นนั้น พระพุทธองค์ตรัสต่อพระวักกลิ ปรากฏอยู่ในวักกลิสูตร เป็นข้อความที่ผู้สนใจศาสนาน่าจะได้รับรู้กันอยู่แล้ว
แต่มีน้อยคนมากที่จะสามารถอธิบายให้บุคคลทั่วไปเข้าใจถึงความหมายได้อย่างง่ายๆและชัดเจน
การเห็นธรรม ก็คือ การมีดวงตาเห็นธรรม ซึ่งคือการเห็นดวงธรรมของเราเอง
ส่วนการเห็นพระพุทธเจ้านั้น ในสุตตันตปิฎก พระพุทธองค์ทรงรับสั่งแก่สามเณรวาเสฏฐ์ ว่า
“ตถาคต สฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ ธมฺมกาโย กิติปิฯ”
(สามเณรวาเสฏฐ์ ธรรมกายคือตถาคต)
เมื่อรวม พุทธวัจนะทั้งสองเข้าด้วยกัน สรุปได้ว่า
“ผู้ใดเห็นดวงธรรม ผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือธรรมกาย”
การเห็นธรรม และ การเห็นพระพุทธเจ้านั้นสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนด้วยวิชาธรรมกาย อย่างที่สายปฏิบัติอื่นไม่สามารถอธิบายได้อย่างนี้
กายของเรา รวมกายภายในมีทั้งหมด 18 กาย ซึ่งมีกายธรรมรวมอยู่ด้วย ตามวิชา 18 กาย ซึ่งเป็นวิชาเบื้องต้นของวิชาธรรมกาย ในหนังสือทางมรรคผล https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/vbMEbSHWbT/หนังสือหลวงพ่อวัดปากน้ำ/ทางมรรคผล%20(วิชา%2018%20กาย).pdf
ขอให้ดูตัวอย่างการเห็นดวงธรรม และ เห็นกายกายในกาย ณ ภายนอก ตามสติปัฏฐาน 4
นี่คือการเห็นกายในกาย ณ ภายนอก ตามสติปัฏฐาน 4
("วิชาธรรมกายเป็นสติปัฏฐาน 4 และอธิบายสติปัฏฐาน 4 ได้ดีที่สุด" http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tsongphol&date=30-05-2013&group=2&gblog=3)
การที่ดร.มนัสบอกวิชาให้เด็กทำตามคือ ดูกายฝันของท่านเอง ซึ่งเป็นกายในกาย ณ ภายนอกของเด็กนักเรียน นั้นคือ "ปริยัติ"
นักเรียนทำตามแล้ว เห็นกายฝันของท่านดร.มนัสเป็น "ปฏิบัติ"
เมื่อ "ปฏิบัติ" แล้วได้ผล คือ เห็นกายฝันของดร.มนัสจริง นั่นคือ "ปฏิเวธ"
การให้เด็กนักเรียนวาดรูปนั้น เพื่อให้เป็นหลักฐานในทางวิชาการว่า เด็กนักเรียนเห็นกายในกาย ณ ภายนอก คือ เห็นกายฝันของดร.มนัสจริง จนสามารถวาดรูปภาพออกมาได้
ผู้ที่สนใจจะเรียนวิชาธรรมกาย ติดตามรายละเอียดตามลิงก์ด้านล่าง
http://sueksakarun.blogspot.com/2013/03/blog-post_5.html
http://sueksakarun.blogspot.com/2013/04/blog-post.html
บล็อกของดร.มนัส โกมลฑา http://www.komolthamanas.blogspot.com