ลูกสาวเธอเห็นตัวแค่นี้เถอะแต่ก็หนักเอาการอยู่เหมือนกันเธอคงอุ้มไปตลอดทางที่เดินเที่ยวตลาดน้ำไม่ไหวแน่
“ ถ้าอย่างนะเรากับบ้านเลยก็ได้ค่ะ หนูน้อยทำหน้าเศร้า ”
ไม่รู้ว่าทำไมจอมทัพถึงไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเด็กคนนี้เลยใจมันกระตุกหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
“ เอาแบบนี้ดีไหมคุณขวัญ ผมจะเป็นคนอุ้มแกเองเพราะยังไงผมกับคุณแม่ก็จะไปเดินเที่ยวที่ตลาดน้ำอยู่แล้ว ”
“ จะดีเหรอค่ะ คือว่าดิฉัน ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะหนูขวัญไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเจ้าตัวเขาพูดแบบนี้แล้วแสดงว่าเขาเต็มใจ
น้องข้าวตังตัวคงไม่หนักเท่าไรหรอกแค่นี้ลูกชายป้าอุ้มได้สบายมาก ”
“ นะค่ะแม่ขวัญ ” หนูน้อยช่วยอ้อนอีกแรง
“ ก็ได้ค่ะ ” เย้เย้ จะได้ไปเที่ยวตลาดน้ำแล้ว
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดผู้คนจึงค่อนข้างเยอะ ขวัญข้าวไม่คิดว่าท่านประธานของเธอจะชอบมาเที่ยวสถานที่อะไรแบบนี้ ก็ปกติเห็นแต่ทำหน้า
เคร่งครึม เธอเองยังอดคิดไม่ได้ว่าวันหนึ่งท่านประธานของเธอจะยิ้มซักกี่ครั้งกัน ด้านคนที่อยากมาเที่ยวตลาดน้ำเสียเต็มประดาก็หลับคอพับ
คออ่อนอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มเพียงเดินไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นถึงแม้ว่าคนจะเยอะและอากาศร้อนก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนของแม่หนู
น้อยเลย ส่วนสองสาวต่างวัยถึงจะเดินได้เพียงไม่นานแต่สองมือก็เต็มไปด้วยข้าวของ ขณะกำลังเลือกซื้อขนมซึ่งเป็นทั้งของทานเล่นและของ
ฝากอยู่นั้น แม่ค้าเจ้าของร้านก็เอ่ยถาม
“ นั้นลูกสาวเหรอจ๊ะแม่หนู ”
“ ค่ะป้า ”
“ หน้าตาหน้ารักหน้าชังเชียวดูสิหน้าตาเหมือนคุณพ่อเสียด้วยท่าทางโตไปจะวาสนาดี ”
“ ขวัญข้าวอยากจะเอ่ยปฏิเสธ และรู้ว่าท่านประธานของเธอคงไม่ชอบแน่ ”
“ แต่คุณหญิงก็เอ่ยขัดมาเสียก่อน ใครเข้าก็พูดอย่างนั้นและจ๊ะแม่ค้า ”
“ คนแบบพ่อหนุ่มเนี่ย เดี๋ยวนี้หายากนะที่จะรักครอบครัวแบบนี้ ”
“ ขวัญข้าวหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของแม่ค้า ”
ขวัญข้าวเห็นว่าท่านประธานของเธอคงจะเมื่อยแล้วจึงได้เอ่ยถามออกไป
“ ท่านประธานค่ะให้ดิฉันอุ้มน้องข้าวตังต่อก็ได้นะค่ะท่านคงจะเมื่อยแล้ว ”
“ คุณจัดการกับของในมือคุณอย่างเดียวให้มันดีก็พอแล้ว ” จอมทัพเอ่ยเสียงเข้ม
ขวัญข้าวเดาว่าที่เขาไม่พอใจคงเป็นเรื่องเมื่อกี้นี้เป็นแน่ ที่เขากล่าวไปเสียงเข้มติดจะดุเล็กน้อยก็เพราะเธอเรียกเขาเสียเต็มยศทุกครั้งฟังแล้วมันน่าโมโหนัก ทำยังกับว่าไม่อยากให้ความสนิทสนมกับเขา หลังจากเดินช้อปปิ้งจนจุใจทั้งหมดก็มานั่งพักกันที่ร้านกาแฟโบราณ โดยมีหนูน้อยหลับอยู่บนตักของชายหนุ่ม และหญิงสาวก็หยิบพัดมาพัดให้ลูกสาวของเธอ เพราะอากาศค่อนข้างร้อนเลยที่เดียว ทำให้ผู้ที่พบเห็นและไม่ทราบความเป็นมาอดจะอิจฉาในภาพความน่ารักของ พ่อ แม่ ลูก เสียไม่ได้ ขนาดคุณหญิงที่นั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเด็กหญิงข้าวตังเป็นหลานของเธอจริงๆ และภาพครอบครัวที่อบอุ่นนั้นเป็นเรื่องจริงนางเองคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
“ แม่ขวัญจ๋า ” เสียงใสๆเรียกคุณแม่คนสวยก่อนจะเห็นหน้าเสียอีก
“ น้องข้างตังมาได้ยังไงลูก ” ขวัญข้าวออกจะตกใจไม่น้อยที่ได้เจอลูกสาว
“ พี่รัณไปรับน้องข้าวตังมาค่ะแม่ขวัญจ๋า ”
“ อะไรนะลูกพี่รัณไปรับมาอย่างนั้นเหรอค่ะ ”
“ จะตกใจทำไม่นักหนา ยัยขวัญฉันไม่ใช่โจรรับพาตัวเสียหน่อย ’’
“ กลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ’’
“ ก็ตอนแกเห็นไง ”
“ ไปอยู่เมืองผู้ดีอังกฤษมาไม่ทำให้ไอ้อาการกวนประสาทของแกนี่มันดีขึ้นเลยนะ’’
เนรัณ หรือ พี่รัณ ของน้องข้าวตังเป็นเพื่อนสนิทของขวัญข้าว ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม ที่น้องข้าวตังเรียกว่า พี่ แทนที่จะเป็นน้านั้น เพราะเจ้าตัวไม่ยอมนั่นเอง บอกว่าคนที่หน้าตาหล่อเหลาแถมสาวๆในสังกัดเพียบ จะมาเป็นน้าได้อย่างไรกัน ต้องเรียกพี่ถึงจะเหมาะสม
“ แกเลิกงานแล้วใช่มัย ”
“ ยังอีก 10 นาที ’’
“ เลิกงานก่อนซัก 10 นาที มันไม่ทำให้บริษัทแกจนลงซักเท่าไรหรอกน่า ”
“ ก็อีกแค่ 10 นาที แกรอไม่ได้หรือไงเล่า ”
“ ว่าแต่แกเหอะไม่ไปรายงานตัวกับสาวๆในสังกัดแกรึไงวันนี้ ”
“ วันนี้ฉันพักเรื่องสาวๆเอาวันก่อน ”
“ นัด กับ ยัยเป้ไว้แล้วด้วยว่าวันนี้จะไปทำกับข้าวกินที่บ้านของแก ”
เป้ หรือ เปมิกา ก็เป็นเพื่อนสนิทของเธออีกคนเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยจะเรียนกันคนละคณะแต่ความเป็นเพื่อนของเราก็ยังเหนียวแน่เหมือนเดิม
“ ที่บ้านฉัน แล้วฉันก็ต้องเป็นคนทำให้แกพวกแกกินใช่มัย ”
“ ก็ถูกต้อง หรือแกจะให้ฉันกับยัยเป้เป็นคนทำ ”
“ ถ้าให้แกสองคนทำมีหวังฉันกับน้องข้าวตังคงไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่ ’’
หนูน้อยข้าวตังที่นั่งเงียบมานานเพราะตื้นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ เพราะว่าหนูน้อยไม่เคยมาที่ทำงานของแม่ขวัญจ๋าของเธอเลย ก็เอ่ยถามพี่รัณขาของเธอด้วยว่าอยากทานของโปรด
“ พี่รัณขามีไอศกรีมด้วยใช่มัยค่ะ ” เสียงเล็กๆเอ่ยถาม
“ ถ้าคนสวยอย่างทานต้องมีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ’’
“ เย้ เย้ พี่รัณ ใจดีที่สุดเลยค่ะ”
หลังจากเลิกงานจอมทัพก็ตรงไปยังฝ่ายบัญชีเพื่อไปถามอาการของหนูน้อยที่เขาถูกชะตายิ่งนักว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะว่าวันนี้เขาทำงานยุ่งทั้งวันจึงไม่มีเวลา อันที่จึงเขาจะสั่งให้เธอไปพบเข้าที่ห้องก็ได้แต่เขาเลือกที่เดินลงมาเอง นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับท่านประธานบริษัทมาที่ฝ่ายบัญชี เหล่าพนักนักนั้นตกใจไม่น้อย ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีออกมาต้อนรับแทบไม่ทัน
“ ท่านประธานมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับถึงได้ลงมาด้วยตัวเองน่าจะเรียกผมให้ขึ้นไปพบ ”
“ เปล่าหรอกไม่มีอะไร ผมแค่จะมาพบคุณขวัญข้าวเขาหน่อยน่ะ”
“ นั่งเฉยกันอยู่ได้รีบไปตาม ขวัญข้าว มาซิ ” ผ.อ.ฝ่ายเอ่ยเสียงเข้มกับลูกน้อง
“ เอ่อคือว่าพี่ขวัญเพิ่งลงลิฟต์ไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
“ งั้นโทรไปบอกประชาสัมพันธ์ข้างล่างให้เรียกตัวไว้ก่อน ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ ”
จอมทัพเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงได้อยากเจอเธอนัก ได้แต่หาเหตุผลกับตัวเองว่าเขาอยากทราบอาอาการของแม่หนูน้อยข้าวตังเท่านั้น
ยังไม่ทันจะก้าวออกจากตึกของบริษัท ก็มีเสียงของประชาสัมพันธ์สาวสวยเรียก ขวัญข้าว เอาไว้เสียก่อน
“ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ ท่านประธานให้รออยู่ก่อนค่ะ ท่านมีเรื่องสำคัญจะคุยกับ คุณขวัญค่ะ”
อ้อค่ะ ขวัญข้าวรับคำด้วยสีหน้างง ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับเธอ คงไม่ใช่จะไล่เธอออก
หรอกนนะ
“ มีอะไรเหรอ ขวัญ เอ่อแกพาน้องข้าวตังไปรอที่รถก่อนก่อนได้ เดี๋ยวฉันตามไป ”
ขวัญข้าวเอ่ยเลี่ยงที่จะตอบคำถามเพื่อน เพราะเธอขี้เกียจหาเหตุผลว่าทำไม ท่านประธานถึงได้อยากจะพบ พนักงานบัญชีอย่างเธอ ยังไม่ทันที่จะออกไปรอแม่ขวัญจ๋าที่รถหนูน้อยข้าวตังก็มองไปเห็นใครบ้างคนก้าวออกมาจากลิฟต์ หนูน้อยดิ้นล้นตัวเองให้พ้นจากอ้อมแขนของพี่รัณขาของเธอทันที แล้ววิ่งไปยังเป้าหมาย ชายหนุ่มเมื่อก้าวออกจากลิฟต์มาเมื่อเห็นว่าใครกำลังวิ่งเข้ามา ก็ย่อตัวลงสองแขนกางออกเพื่อรอรับอยู่แล้ว
“ สวัสดีค่ะคุณอาจ๋า ” หนูน้อยยกมือพนมไหว้ชายหนุ่มอย่างสวยงามจากนั้นก็โถมทั้งตัวเข้าหาอ้อมแขนที่รอรับอยู่แล้ว
“ สวัสดีค่ะคนสวย ” จอมทัพอุ้มคนสวยของเขาขึ้นมาและเดินตรงไปยังหญิงสาวที่ทำหน้าตกใจยังกับเห็นผี พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายหน้าตาท่าทางดียืนอยู่ข้างหญิงสาว คงจะเป็นสามีของเธอสินะ ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงได้เกียจขี้หน้าหมอนี่ตั้งแต่แรกเห็น จอมทัพได้แต่พูดอยู่คนเดียวในใจ
ขวัญข้าวยังตกใจไม่หายทำไมลูกสาวของเธอถึงได้ให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับชายหนุ่มถึงเพียงนั้น เพียงแค่เจอกันแค่ครั้งเดียว อย่าว่าแต่ขวัญข้าวเลยที่ตกใจ พนักงานที่เลิกงานแล้วกำลังจะกลับบ้านได้มาเห็นเหตุการณ์ก็สงสัยยิ่งนักว่าเด็กน้อยในอ้อมแขนท่านประธานหนุ่มหล่อนั้นเป็นใครกัน ท่านประธานยังไม่ได้แต่งงานเสียหน่อย
ประจวบเหมาะกับเสียงโทรศัพท์ของเนรัณดังขึ้นเขาจึงปลีกตัวมารับโทรศัพท์
“ เอ่อท่านประธานมีอะไรจะคุยกับดิฉันเหรอค่ะ ” เจอกันที่ไรก็ปั้นหน้าครึมใส่เธอทุกที ขวัญข้าวได้แต่คิดคนเดียวในใจ
(เรียกซะเต็มยศอีกแล้ว) “ พอดีว่าผมจะมาถามอาการของน้องข้าวตังว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะแกคงจะหายดีแล้ว ”
“ น้องข้าวตังไม่เจ็บแผลแล้วใช่ไหมครับคนเก่ง ”
“ ไม่แล้วค่ะคุณอา น้องข้าวตังหายดีแล้วค่ะ”
“ ขวัญพอดีว่าฉันมีธุระด่วนคงไปไม่ได้แล้ว ”
“ อืม ไม่เป็นไรหรอกเอาไว้โอกาสหน้าก่อนแล้วกัน ” ขวัญข้าวไม่ได้เอ่ยถามถึงธุระของเพื่อน เพราะเธอรู้ดีว่าหากเพื่อนเธอต้องการจะเล่าจะพูดออกมาเอง
“ น้องข้าวตัง พี่รัณไปก่อนนะค่ะ ”
“ สวัสดีค่ะ พี่รัณ ”
เนรัณก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการเอ่อขอตัวกับเจ้านายของเพื่อน
จอมทัพคิดว่าชายหนุ่มอย่างเนรัณคงไม่ได้มีธุระที่ไหนหรอก คงจะออกไปหาเศษหาเหลือนอกบ้านเสียมากกว่า
“ เอ่อท่านประธานไม่มีอะไรแล้วใช่มัยค่ะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันของตัวกลับก่อนนะค่ะ”
“ น้องข้าวตังเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ ”
“ แม่ขวัญจ๋าแล้วเราชวนคุณอาไปทานข้าวที่บ้านของเรานะค่ะ ”
ขวัญข้าวนึกอยากจะตีก้นลูกสาวคนเก่งของเธอซักที แค่คุยกันไม่นานเธอยังรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจเลย
“ น้องข้าวตังลูก คุณอาคงไม่ว่างหรอกค่ะ เราอยากไปรบกวนคุณอาเลยนะค่ะ”
“ คุณอาขา คุณอาไม่ว่างเหรอค่ะ ”
จอมทัพนึกสนุกขึ้นมา เขาอยากจะรู้นัก ถ้าเขาตอบตกลงหนูน้อยไป หญิงสาวจะทำยังไง
“ สำหรับน้องข้าวตังคุณอาว่างเสมอค่ะ ”
“ จริงเหรอค่ะ จริงครับ ” หนูน้อยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหน้าบาน
หญิงสาวได้ยินคำตอบแล้วอยากจะเป็นลม เขาจะอยากไปกินข้าวบ้านเธอทำไมกัน
“ เอ่อ ท่านค่ะ ดิฉันเกรงว่าอาหารที่บ้านของดิฉันคงจะไม่ถูกปากท่านนะค่ะ แล้วก็ไม่ต้องตามใจน้องข้าวตังหรอกค่ะ ถ้าท่านไม่ว่างดิฉันจะพูดกับแกให้เข้าใจเอง ”
“ ใครบอกคุณว่าผมไม่ว่าง แล้วอีกอย่างนะอาหารมันก็ต้องถูกปากอยู่แล้ว ไม่ถูกปากจะกินได้ยังไงจริงไหม คุณหัวหน้าแผนก รีบไปเถอะผมหิวแล้ว ”
ชายหนุ่มก็เดินออกไปจากบริษัทโดยในอ้อมแขนมีคนตัวเล็กอยู่โดยไม่สนใจคนที่เดินตามหลังเลยซักนิดเดียว ขวัญข้าวได้แต่ส่งค้อนไปให้เขาตามหลัง
ผู้ชายอะไรกวนประสาทเสียจริง ถ้าไม่ติดว่ากลัวเขาจะไล่เธอออก คงจะต้องตอบกลับให้แสบๆคันๆกันบางล่ะ
“ ลุงสมฝากบอกคุณแม่ด้วยนะว่าผมจะกลับดึกหน่อย แล้วลุงก็กลับบ้านไปได้เลยเดี๋ยวผมกลับเอง ”
นายสมคนรับใช้เก่าแก่ของ บ้านสุรสิฐ อดจะแปลกใจไม่นานว่าทำไมวันนี้คุณทัพถึงได้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นนายสมก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของผู้เป็นนายอีกเลย
เมื่อเดินมาถึงที่รถ ลูกสาวของเธอก็ไม่มีวี่แววว่าจะยอมออกมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“ คุณเป็นคนขับก็แล้วกันเพราะผมไม่รู้ทางไปบ้านของคุณ ” ชายหนุ่มเห็นว่าให้เธอเป็นคนขับน่าจะสะดวดกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอกทางกันให้เหนื่อย
“ น้องข้าวตังลูกลงมาได้แล้วค่ะ”
“ แต่น้องข้าวตังอยากนั่งตักคุณอา ”
“ ไม่ได้หรอกค่ะเดียวคุณอาจะเมื่อยนะค่ะ”
“ ผมพูดซักคำหรือยังว่าผมเมื่อย คุณนี่ชอบคิดแทนผมอยู่เรื่อย ”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะพูด เปิดประตูรถทำหน้าที่คนขับของเธอดีกว่า
ตลอดเส้นทางคงจะมีแค่หนูน้อยข้าวตังเท่านั้นและที่มีความสุข หนูน้อยซักถามในสิ่งที่อยากรู้ตลอดเวลา แต่ว่าคุณอาจ๋าของแม่หนูน้องก็ไม่มีทีท่าว่าเบื่อหรือไม่อย่างตอบคำถาม
เนื่องจากใช้พลังงานไปมากบวกกับรถติดทำให้หนูน้อยข้าวตังพล้อยหลับไปในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“ น้องข้าวตังลูกถึงบ้านแล้วค่ะตื่นได้แล้ว ”
ขวัญข้าวส่งเสียงปลุกลูกสาวที่ดูท่าทางแล้วคงไม่อยากตื่นเท่าไร
“ คุณจะไปปลุกแกทำไมก็ให้แกนอนไปซิเดี๋ยวผมจะอุ้มแกเอง ”
ให้ตายเถอะเขาจะไม่ออกความเห็นซักเรื่องได้ไหมเนี่ย เธอเป็นแม่น่ะย่อมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ขวัญข้าวได้แต่คิดในใจ
“ ถ้าให้แกนอนตอนหัวค่ำ เดี๋ยวตอนกลางคืนแกจะไม่ยอมนอนน่ะค่ะ ” ( แล้วคนที่ลำบากก็เป็นเธอนี่และยัยขวัญ )
ขวัญข้าวให้เหตุผลกับชายหนุ่มที่สงสัยในการการะทำของเธอ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในเมื่อง่วงนอนก็ให้นอนไปเด็กอายุแค่ 4 ขวบ จะอะไรกันหนักกันหนา ชายหนุ่มอุ้มหนูน้อยลงมาจากรถพรางลูบหลังกล่อมให้หนูน้อยเข้าสู่นิทราอีกครั้ง เห็นเป็นแบบนี้ขวัญข้าวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงปล่อยเลยตามเลย ชวนให้คิดสงสัยว่าเขาเคยฟังอะไรใครบ้างหรือเปล่านอกจากตนเอง
กามเทพร่ายรัก บทที่ 2 เข้าใจผิด 50%
“ ถ้าอย่างนะเรากับบ้านเลยก็ได้ค่ะ หนูน้อยทำหน้าเศร้า ”
ไม่รู้ว่าทำไมจอมทัพถึงไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเด็กคนนี้เลยใจมันกระตุกหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
“ เอาแบบนี้ดีไหมคุณขวัญ ผมจะเป็นคนอุ้มแกเองเพราะยังไงผมกับคุณแม่ก็จะไปเดินเที่ยวที่ตลาดน้ำอยู่แล้ว ”
“ จะดีเหรอค่ะ คือว่าดิฉัน ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะหนูขวัญไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเจ้าตัวเขาพูดแบบนี้แล้วแสดงว่าเขาเต็มใจ
น้องข้าวตังตัวคงไม่หนักเท่าไรหรอกแค่นี้ลูกชายป้าอุ้มได้สบายมาก ”
“ นะค่ะแม่ขวัญ ” หนูน้อยช่วยอ้อนอีกแรง
“ ก็ได้ค่ะ ” เย้เย้ จะได้ไปเที่ยวตลาดน้ำแล้ว
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดผู้คนจึงค่อนข้างเยอะ ขวัญข้าวไม่คิดว่าท่านประธานของเธอจะชอบมาเที่ยวสถานที่อะไรแบบนี้ ก็ปกติเห็นแต่ทำหน้า
เคร่งครึม เธอเองยังอดคิดไม่ได้ว่าวันหนึ่งท่านประธานของเธอจะยิ้มซักกี่ครั้งกัน ด้านคนที่อยากมาเที่ยวตลาดน้ำเสียเต็มประดาก็หลับคอพับ
คออ่อนอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มเพียงเดินไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นถึงแม้ว่าคนจะเยอะและอากาศร้อนก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนของแม่หนู
น้อยเลย ส่วนสองสาวต่างวัยถึงจะเดินได้เพียงไม่นานแต่สองมือก็เต็มไปด้วยข้าวของ ขณะกำลังเลือกซื้อขนมซึ่งเป็นทั้งของทานเล่นและของ
ฝากอยู่นั้น แม่ค้าเจ้าของร้านก็เอ่ยถาม
“ นั้นลูกสาวเหรอจ๊ะแม่หนู ”
“ ค่ะป้า ”
“ หน้าตาหน้ารักหน้าชังเชียวดูสิหน้าตาเหมือนคุณพ่อเสียด้วยท่าทางโตไปจะวาสนาดี ”
“ ขวัญข้าวอยากจะเอ่ยปฏิเสธ และรู้ว่าท่านประธานของเธอคงไม่ชอบแน่ ”
“ แต่คุณหญิงก็เอ่ยขัดมาเสียก่อน ใครเข้าก็พูดอย่างนั้นและจ๊ะแม่ค้า ”
“ คนแบบพ่อหนุ่มเนี่ย เดี๋ยวนี้หายากนะที่จะรักครอบครัวแบบนี้ ”
“ ขวัญข้าวหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของแม่ค้า ”
ขวัญข้าวเห็นว่าท่านประธานของเธอคงจะเมื่อยแล้วจึงได้เอ่ยถามออกไป
“ ท่านประธานค่ะให้ดิฉันอุ้มน้องข้าวตังต่อก็ได้นะค่ะท่านคงจะเมื่อยแล้ว ”
“ คุณจัดการกับของในมือคุณอย่างเดียวให้มันดีก็พอแล้ว ” จอมทัพเอ่ยเสียงเข้ม
ขวัญข้าวเดาว่าที่เขาไม่พอใจคงเป็นเรื่องเมื่อกี้นี้เป็นแน่ ที่เขากล่าวไปเสียงเข้มติดจะดุเล็กน้อยก็เพราะเธอเรียกเขาเสียเต็มยศทุกครั้งฟังแล้วมันน่าโมโหนัก ทำยังกับว่าไม่อยากให้ความสนิทสนมกับเขา หลังจากเดินช้อปปิ้งจนจุใจทั้งหมดก็มานั่งพักกันที่ร้านกาแฟโบราณ โดยมีหนูน้อยหลับอยู่บนตักของชายหนุ่ม และหญิงสาวก็หยิบพัดมาพัดให้ลูกสาวของเธอ เพราะอากาศค่อนข้างร้อนเลยที่เดียว ทำให้ผู้ที่พบเห็นและไม่ทราบความเป็นมาอดจะอิจฉาในภาพความน่ารักของ พ่อ แม่ ลูก เสียไม่ได้ ขนาดคุณหญิงที่นั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเด็กหญิงข้าวตังเป็นหลานของเธอจริงๆ และภาพครอบครัวที่อบอุ่นนั้นเป็นเรื่องจริงนางเองคงจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
“ แม่ขวัญจ๋า ” เสียงใสๆเรียกคุณแม่คนสวยก่อนจะเห็นหน้าเสียอีก
“ น้องข้างตังมาได้ยังไงลูก ” ขวัญข้าวออกจะตกใจไม่น้อยที่ได้เจอลูกสาว
“ พี่รัณไปรับน้องข้าวตังมาค่ะแม่ขวัญจ๋า ”
“ อะไรนะลูกพี่รัณไปรับมาอย่างนั้นเหรอค่ะ ”
“ จะตกใจทำไม่นักหนา ยัยขวัญฉันไม่ใช่โจรรับพาตัวเสียหน่อย ’’
“ กลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ’’
“ ก็ตอนแกเห็นไง ”
“ ไปอยู่เมืองผู้ดีอังกฤษมาไม่ทำให้ไอ้อาการกวนประสาทของแกนี่มันดีขึ้นเลยนะ’’
เนรัณ หรือ พี่รัณ ของน้องข้าวตังเป็นเพื่อนสนิทของขวัญข้าว ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม ที่น้องข้าวตังเรียกว่า พี่ แทนที่จะเป็นน้านั้น เพราะเจ้าตัวไม่ยอมนั่นเอง บอกว่าคนที่หน้าตาหล่อเหลาแถมสาวๆในสังกัดเพียบ จะมาเป็นน้าได้อย่างไรกัน ต้องเรียกพี่ถึงจะเหมาะสม
“ แกเลิกงานแล้วใช่มัย ”
“ ยังอีก 10 นาที ’’
“ เลิกงานก่อนซัก 10 นาที มันไม่ทำให้บริษัทแกจนลงซักเท่าไรหรอกน่า ”
“ ก็อีกแค่ 10 นาที แกรอไม่ได้หรือไงเล่า ”
“ ว่าแต่แกเหอะไม่ไปรายงานตัวกับสาวๆในสังกัดแกรึไงวันนี้ ”
“ วันนี้ฉันพักเรื่องสาวๆเอาวันก่อน ”
“ นัด กับ ยัยเป้ไว้แล้วด้วยว่าวันนี้จะไปทำกับข้าวกินที่บ้านของแก ”
เป้ หรือ เปมิกา ก็เป็นเพื่อนสนิทของเธออีกคนเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยจะเรียนกันคนละคณะแต่ความเป็นเพื่อนของเราก็ยังเหนียวแน่เหมือนเดิม
“ ที่บ้านฉัน แล้วฉันก็ต้องเป็นคนทำให้แกพวกแกกินใช่มัย ”
“ ก็ถูกต้อง หรือแกจะให้ฉันกับยัยเป้เป็นคนทำ ”
“ ถ้าให้แกสองคนทำมีหวังฉันกับน้องข้าวตังคงไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่ ’’
หนูน้อยข้าวตังที่นั่งเงียบมานานเพราะตื้นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่ เพราะว่าหนูน้อยไม่เคยมาที่ทำงานของแม่ขวัญจ๋าของเธอเลย ก็เอ่ยถามพี่รัณขาของเธอด้วยว่าอยากทานของโปรด
“ พี่รัณขามีไอศกรีมด้วยใช่มัยค่ะ ” เสียงเล็กๆเอ่ยถาม
“ ถ้าคนสวยอย่างทานต้องมีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ’’
“ เย้ เย้ พี่รัณ ใจดีที่สุดเลยค่ะ”
หลังจากเลิกงานจอมทัพก็ตรงไปยังฝ่ายบัญชีเพื่อไปถามอาการของหนูน้อยที่เขาถูกชะตายิ่งนักว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะว่าวันนี้เขาทำงานยุ่งทั้งวันจึงไม่มีเวลา อันที่จึงเขาจะสั่งให้เธอไปพบเข้าที่ห้องก็ได้แต่เขาเลือกที่เดินลงมาเอง นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับท่านประธานบริษัทมาที่ฝ่ายบัญชี เหล่าพนักนักนั้นตกใจไม่น้อย ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีออกมาต้อนรับแทบไม่ทัน
“ ท่านประธานมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับถึงได้ลงมาด้วยตัวเองน่าจะเรียกผมให้ขึ้นไปพบ ”
“ เปล่าหรอกไม่มีอะไร ผมแค่จะมาพบคุณขวัญข้าวเขาหน่อยน่ะ”
“ นั่งเฉยกันอยู่ได้รีบไปตาม ขวัญข้าว มาซิ ” ผ.อ.ฝ่ายเอ่ยเสียงเข้มกับลูกน้อง
“ เอ่อคือว่าพี่ขวัญเพิ่งลงลิฟต์ไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
“ งั้นโทรไปบอกประชาสัมพันธ์ข้างล่างให้เรียกตัวไว้ก่อน ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ ”
จอมทัพเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงได้อยากเจอเธอนัก ได้แต่หาเหตุผลกับตัวเองว่าเขาอยากทราบอาอาการของแม่หนูน้อยข้าวตังเท่านั้น
ยังไม่ทันจะก้าวออกจากตึกของบริษัท ก็มีเสียงของประชาสัมพันธ์สาวสวยเรียก ขวัญข้าว เอาไว้เสียก่อน
“ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ ท่านประธานให้รออยู่ก่อนค่ะ ท่านมีเรื่องสำคัญจะคุยกับ คุณขวัญค่ะ”
อ้อค่ะ ขวัญข้าวรับคำด้วยสีหน้างง ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับเธอ คงไม่ใช่จะไล่เธอออก
หรอกนนะ
“ มีอะไรเหรอ ขวัญ เอ่อแกพาน้องข้าวตังไปรอที่รถก่อนก่อนได้ เดี๋ยวฉันตามไป ”
ขวัญข้าวเอ่ยเลี่ยงที่จะตอบคำถามเพื่อน เพราะเธอขี้เกียจหาเหตุผลว่าทำไม ท่านประธานถึงได้อยากจะพบ พนักงานบัญชีอย่างเธอ ยังไม่ทันที่จะออกไปรอแม่ขวัญจ๋าที่รถหนูน้อยข้าวตังก็มองไปเห็นใครบ้างคนก้าวออกมาจากลิฟต์ หนูน้อยดิ้นล้นตัวเองให้พ้นจากอ้อมแขนของพี่รัณขาของเธอทันที แล้ววิ่งไปยังเป้าหมาย ชายหนุ่มเมื่อก้าวออกจากลิฟต์มาเมื่อเห็นว่าใครกำลังวิ่งเข้ามา ก็ย่อตัวลงสองแขนกางออกเพื่อรอรับอยู่แล้ว
“ สวัสดีค่ะคุณอาจ๋า ” หนูน้อยยกมือพนมไหว้ชายหนุ่มอย่างสวยงามจากนั้นก็โถมทั้งตัวเข้าหาอ้อมแขนที่รอรับอยู่แล้ว
“ สวัสดีค่ะคนสวย ” จอมทัพอุ้มคนสวยของเขาขึ้นมาและเดินตรงไปยังหญิงสาวที่ทำหน้าตกใจยังกับเห็นผี พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายหน้าตาท่าทางดียืนอยู่ข้างหญิงสาว คงจะเป็นสามีของเธอสินะ ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงได้เกียจขี้หน้าหมอนี่ตั้งแต่แรกเห็น จอมทัพได้แต่พูดอยู่คนเดียวในใจ
ขวัญข้าวยังตกใจไม่หายทำไมลูกสาวของเธอถึงได้ให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับชายหนุ่มถึงเพียงนั้น เพียงแค่เจอกันแค่ครั้งเดียว อย่าว่าแต่ขวัญข้าวเลยที่ตกใจ พนักงานที่เลิกงานแล้วกำลังจะกลับบ้านได้มาเห็นเหตุการณ์ก็สงสัยยิ่งนักว่าเด็กน้อยในอ้อมแขนท่านประธานหนุ่มหล่อนั้นเป็นใครกัน ท่านประธานยังไม่ได้แต่งงานเสียหน่อย
ประจวบเหมาะกับเสียงโทรศัพท์ของเนรัณดังขึ้นเขาจึงปลีกตัวมารับโทรศัพท์
“ เอ่อท่านประธานมีอะไรจะคุยกับดิฉันเหรอค่ะ ” เจอกันที่ไรก็ปั้นหน้าครึมใส่เธอทุกที ขวัญข้าวได้แต่คิดคนเดียวในใจ
(เรียกซะเต็มยศอีกแล้ว) “ พอดีว่าผมจะมาถามอาการของน้องข้าวตังว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะแกคงจะหายดีแล้ว ”
“ น้องข้าวตังไม่เจ็บแผลแล้วใช่ไหมครับคนเก่ง ”
“ ไม่แล้วค่ะคุณอา น้องข้าวตังหายดีแล้วค่ะ”
“ ขวัญพอดีว่าฉันมีธุระด่วนคงไปไม่ได้แล้ว ”
“ อืม ไม่เป็นไรหรอกเอาไว้โอกาสหน้าก่อนแล้วกัน ” ขวัญข้าวไม่ได้เอ่ยถามถึงธุระของเพื่อน เพราะเธอรู้ดีว่าหากเพื่อนเธอต้องการจะเล่าจะพูดออกมาเอง
“ น้องข้าวตัง พี่รัณไปก่อนนะค่ะ ”
“ สวัสดีค่ะ พี่รัณ ”
เนรัณก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการเอ่อขอตัวกับเจ้านายของเพื่อน
จอมทัพคิดว่าชายหนุ่มอย่างเนรัณคงไม่ได้มีธุระที่ไหนหรอก คงจะออกไปหาเศษหาเหลือนอกบ้านเสียมากกว่า
“ เอ่อท่านประธานไม่มีอะไรแล้วใช่มัยค่ะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันของตัวกลับก่อนนะค่ะ”
“ น้องข้าวตังเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ ”
“ แม่ขวัญจ๋าแล้วเราชวนคุณอาไปทานข้าวที่บ้านของเรานะค่ะ ”
ขวัญข้าวนึกอยากจะตีก้นลูกสาวคนเก่งของเธอซักที แค่คุยกันไม่นานเธอยังรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจเลย
“ น้องข้าวตังลูก คุณอาคงไม่ว่างหรอกค่ะ เราอยากไปรบกวนคุณอาเลยนะค่ะ”
“ คุณอาขา คุณอาไม่ว่างเหรอค่ะ ”
จอมทัพนึกสนุกขึ้นมา เขาอยากจะรู้นัก ถ้าเขาตอบตกลงหนูน้อยไป หญิงสาวจะทำยังไง
“ สำหรับน้องข้าวตังคุณอาว่างเสมอค่ะ ”
“ จริงเหรอค่ะ จริงครับ ” หนูน้อยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหน้าบาน
หญิงสาวได้ยินคำตอบแล้วอยากจะเป็นลม เขาจะอยากไปกินข้าวบ้านเธอทำไมกัน
“ เอ่อ ท่านค่ะ ดิฉันเกรงว่าอาหารที่บ้านของดิฉันคงจะไม่ถูกปากท่านนะค่ะ แล้วก็ไม่ต้องตามใจน้องข้าวตังหรอกค่ะ ถ้าท่านไม่ว่างดิฉันจะพูดกับแกให้เข้าใจเอง ”
“ ใครบอกคุณว่าผมไม่ว่าง แล้วอีกอย่างนะอาหารมันก็ต้องถูกปากอยู่แล้ว ไม่ถูกปากจะกินได้ยังไงจริงไหม คุณหัวหน้าแผนก รีบไปเถอะผมหิวแล้ว ”
ชายหนุ่มก็เดินออกไปจากบริษัทโดยในอ้อมแขนมีคนตัวเล็กอยู่โดยไม่สนใจคนที่เดินตามหลังเลยซักนิดเดียว ขวัญข้าวได้แต่ส่งค้อนไปให้เขาตามหลัง
ผู้ชายอะไรกวนประสาทเสียจริง ถ้าไม่ติดว่ากลัวเขาจะไล่เธอออก คงจะต้องตอบกลับให้แสบๆคันๆกันบางล่ะ
“ ลุงสมฝากบอกคุณแม่ด้วยนะว่าผมจะกลับดึกหน่อย แล้วลุงก็กลับบ้านไปได้เลยเดี๋ยวผมกลับเอง ”
นายสมคนรับใช้เก่าแก่ของ บ้านสุรสิฐ อดจะแปลกใจไม่นานว่าทำไมวันนี้คุณทัพถึงได้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นนายสมก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของผู้เป็นนายอีกเลย
เมื่อเดินมาถึงที่รถ ลูกสาวของเธอก็ไม่มีวี่แววว่าจะยอมออกมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“ คุณเป็นคนขับก็แล้วกันเพราะผมไม่รู้ทางไปบ้านของคุณ ” ชายหนุ่มเห็นว่าให้เธอเป็นคนขับน่าจะสะดวดกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอกทางกันให้เหนื่อย
“ น้องข้าวตังลูกลงมาได้แล้วค่ะ”
“ แต่น้องข้าวตังอยากนั่งตักคุณอา ”
“ ไม่ได้หรอกค่ะเดียวคุณอาจะเมื่อยนะค่ะ”
“ ผมพูดซักคำหรือยังว่าผมเมื่อย คุณนี่ชอบคิดแทนผมอยู่เรื่อย ”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะพูด เปิดประตูรถทำหน้าที่คนขับของเธอดีกว่า
ตลอดเส้นทางคงจะมีแค่หนูน้อยข้าวตังเท่านั้นและที่มีความสุข หนูน้อยซักถามในสิ่งที่อยากรู้ตลอดเวลา แต่ว่าคุณอาจ๋าของแม่หนูน้องก็ไม่มีทีท่าว่าเบื่อหรือไม่อย่างตอบคำถาม
เนื่องจากใช้พลังงานไปมากบวกกับรถติดทำให้หนูน้อยข้าวตังพล้อยหลับไปในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“ น้องข้าวตังลูกถึงบ้านแล้วค่ะตื่นได้แล้ว ”
ขวัญข้าวส่งเสียงปลุกลูกสาวที่ดูท่าทางแล้วคงไม่อยากตื่นเท่าไร
“ คุณจะไปปลุกแกทำไมก็ให้แกนอนไปซิเดี๋ยวผมจะอุ้มแกเอง ”
ให้ตายเถอะเขาจะไม่ออกความเห็นซักเรื่องได้ไหมเนี่ย เธอเป็นแม่น่ะย่อมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ขวัญข้าวได้แต่คิดในใจ
“ ถ้าให้แกนอนตอนหัวค่ำ เดี๋ยวตอนกลางคืนแกจะไม่ยอมนอนน่ะค่ะ ” ( แล้วคนที่ลำบากก็เป็นเธอนี่และยัยขวัญ )
ขวัญข้าวให้เหตุผลกับชายหนุ่มที่สงสัยในการการะทำของเธอ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดี ในเมื่อง่วงนอนก็ให้นอนไปเด็กอายุแค่ 4 ขวบ จะอะไรกันหนักกันหนา ชายหนุ่มอุ้มหนูน้อยลงมาจากรถพรางลูบหลังกล่อมให้หนูน้อยเข้าสู่นิทราอีกครั้ง เห็นเป็นแบบนี้ขวัญข้าวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงปล่อยเลยตามเลย ชวนให้คิดสงสัยว่าเขาเคยฟังอะไรใครบ้างหรือเปล่านอกจากตนเอง