ร้านสตาร์บัคที่เป็นร้านขายกาแฟราคาเริ่มต้นเหยียดร้อยบาทต่อแก้ว สำเหนียกเอาไว้ว่าเป็นราคากาแฟที่ชนใช้แรงงานวันละสามร้อยบาทหรือคนจนหาเช้ากินค่ำไม่สามารถดื่มได้ หรือดื่มได้ยาก ฉะนั้นในร้านกาแฟที่ขายราคานี้ลูกค้าส่วนมากน่าจะเป็นชนชั้นกลางขึ้นไปที่บ้านไม่ได้ปากกัดตีนถีบ น่าจะได้รับการศึกษากันอย่างพอสมควร พนักงานในร้านก็น่าจะได้รับการอบรมที่ดีในเรื่องการบริการ
เมื่อวานนี้ผมเดินเข้าร้านนี้สาขา The Circle ระหว่างเดินผ่านเข้าไปยังเคาเตอร์ เห็นคนนั่งกันเต็มทุกโต๊ะ แต่เห็นว่าร้านมีชั้นสองซึ่งผมเข้าใจว่าไม่มีกระจก เป็นแบบเปิดโล่ง และเมื่อวานก็เป็นวันฝนพรำ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีที่ในร่มด้วยเปล่า ก่อนสั่งเครื่องดื่ม ผมได้ถามกับพนักงานที่เคาเตอร์ว่า "ชั้นสองมีที่หรือเปล่า" พนักงานตอบว่า "ไม่มี" ผมก็สั่งกาแฟร้อนมาแก้วนึง
พนักงานถามว่าจะทานที่ร้านหรือจะรับกลับดีคะ ผมสวนไปทันควันว่าถ้าไม่มีที่ก็ต้องรับกลับ
ประเด็นคือจะถามทำไมครับ ถามแบบนี้ไม่ต่างกับ พนักงานในร้านซื้อสะดวกว่าจะรับซาลาเปาเพิ่มไหม หรืออีกนัยหนึ่งคือถามส่งเดช
สู้บอกลูกค้าว่าตอนนี้ที่นั่งอาจจะเต็ม ใส่แก้วกระดาษได้ไหมคะ ดูจะจริงใจกว่าเปล่าครับ
อีกเรื่องสำคัญคืือในร้านวันนี้ ลูกค้าทั้งหลายที่ยึดที่นั่ง เอาพื้นที่ร้านไปนั่่งติวหนังสือกันเป็นคอร์สๆ เอาตำราเรียนมานั่งอ่านเป็นล่ำเป็นสัน เอาคอมพิวเตอร์มานั่งทำงานเป็นชั่วโมงๆ มันใช่ที่แล้วเหรอครับ ร้านกาแฟมันควรจะเป็นที่พบปะนั่งพักคุย พักผ่อน อ่านนิตยสาร นสพ พอสมควร หรือถ้าจะอ่านนิยายจุฑาเทพมันก็น่าจะพอสมควร ไม่ใช่กาแฟแก้วนึงพี่ล่ออ่านคุณชายครบทั้งห้าคน
การติวหนังสือเป็นชั่วโมงๆ มันเอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาตั้งเป็นมากๆ แต่ใช้พื้นทีืของลูกค้าส่วนรวม ไม่ต่างจากพวกเอาอาหารนอกร้านมาทานในร้าน
ราคากาแฟแก้วละร้อยมันไม่ได้ไม่สะท้อนถึงสามัญสำนึกของคนมีปัญญาจ่ายแม้แต่น้อยนิด ซึ่งทางร้านสตาร์บัคเองก็ไม่เห็นจะทำอะไรกับเรื่องนี้
ซึ่งผมก็ไม่รู้เมื่อไรทางร้านจะมีมาตราการจัดการกับเรื่องนี้ หลายๆ สาขาคนแน่นตลอดโดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุด
สุดท้ายผมอยากจะเอนตัวสบายๆ พักและจิบกาแฟสักครึ่งชั่วโมง กลับต้องถือกาแฟฝ่าสายฝน ไปนั่งดื่มในรถเอาแทน
บ่นๆ ครับ ผมว่าเรื่องนี้ร้านอาหารร้านคาเฟ่ ก็ควรจะต้องปรับตัวด้วย ลูกค้าเองก็ควรจะรู้จักมารยาทด้วยเช่นกัน
บ่นๆ การยึดเอาร้านกาแฟร้านอาหารเป็นที่ติวหนังสือ และการปฎิบัติของร้าน กรณีร้านกาแฟสตาร์บัค
เมื่อวานนี้ผมเดินเข้าร้านนี้สาขา The Circle ระหว่างเดินผ่านเข้าไปยังเคาเตอร์ เห็นคนนั่งกันเต็มทุกโต๊ะ แต่เห็นว่าร้านมีชั้นสองซึ่งผมเข้าใจว่าไม่มีกระจก เป็นแบบเปิดโล่ง และเมื่อวานก็เป็นวันฝนพรำ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีที่ในร่มด้วยเปล่า ก่อนสั่งเครื่องดื่ม ผมได้ถามกับพนักงานที่เคาเตอร์ว่า "ชั้นสองมีที่หรือเปล่า" พนักงานตอบว่า "ไม่มี" ผมก็สั่งกาแฟร้อนมาแก้วนึง
พนักงานถามว่าจะทานที่ร้านหรือจะรับกลับดีคะ ผมสวนไปทันควันว่าถ้าไม่มีที่ก็ต้องรับกลับ
ประเด็นคือจะถามทำไมครับ ถามแบบนี้ไม่ต่างกับ พนักงานในร้านซื้อสะดวกว่าจะรับซาลาเปาเพิ่มไหม หรืออีกนัยหนึ่งคือถามส่งเดช
สู้บอกลูกค้าว่าตอนนี้ที่นั่งอาจจะเต็ม ใส่แก้วกระดาษได้ไหมคะ ดูจะจริงใจกว่าเปล่าครับ
อีกเรื่องสำคัญคืือในร้านวันนี้ ลูกค้าทั้งหลายที่ยึดที่นั่ง เอาพื้นที่ร้านไปนั่่งติวหนังสือกันเป็นคอร์สๆ เอาตำราเรียนมานั่งอ่านเป็นล่ำเป็นสัน เอาคอมพิวเตอร์มานั่งทำงานเป็นชั่วโมงๆ มันใช่ที่แล้วเหรอครับ ร้านกาแฟมันควรจะเป็นที่พบปะนั่งพักคุย พักผ่อน อ่านนิตยสาร นสพ พอสมควร หรือถ้าจะอ่านนิยายจุฑาเทพมันก็น่าจะพอสมควร ไม่ใช่กาแฟแก้วนึงพี่ล่ออ่านคุณชายครบทั้งห้าคน
การติวหนังสือเป็นชั่วโมงๆ มันเอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาตั้งเป็นมากๆ แต่ใช้พื้นทีืของลูกค้าส่วนรวม ไม่ต่างจากพวกเอาอาหารนอกร้านมาทานในร้าน
ราคากาแฟแก้วละร้อยมันไม่ได้ไม่สะท้อนถึงสามัญสำนึกของคนมีปัญญาจ่ายแม้แต่น้อยนิด ซึ่งทางร้านสตาร์บัคเองก็ไม่เห็นจะทำอะไรกับเรื่องนี้
ซึ่งผมก็ไม่รู้เมื่อไรทางร้านจะมีมาตราการจัดการกับเรื่องนี้ หลายๆ สาขาคนแน่นตลอดโดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุด
สุดท้ายผมอยากจะเอนตัวสบายๆ พักและจิบกาแฟสักครึ่งชั่วโมง กลับต้องถือกาแฟฝ่าสายฝน ไปนั่งดื่มในรถเอาแทน
บ่นๆ ครับ ผมว่าเรื่องนี้ร้านอาหารร้านคาเฟ่ ก็ควรจะต้องปรับตัวด้วย ลูกค้าเองก็ควรจะรู้จักมารยาทด้วยเช่นกัน