กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าสร้างความเข้าใจชุมชน ผุดโครงการลงพื้นที่เขตประกอบการ
อุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ
“ปลัดวิฑูรย์ฯ” คิกออฟเปิดตัวโครงการ“กระทรวงอุตสาหกรรม นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ” ตั้งเป้า 3 ปี เข้าถึงชาวบ้านและผู้ประกอบกิจการ 5,000 คน จัดกิจกรรมปูพรมทั่วประเทศ เน้นชุมชน/โรงเรียนรอบโรงงาน เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น ลดม็อบต่อต้านอุตสาหกรรมหนัก
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง “โครงการกระทรวงอุตสาหกรรม
นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ” ว่า ปัจจุบันยังคงมีความขัดแย้งระหว่างชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโรงงาน เนื่องจากประชาชนขาดความรู้ ความเข้าใจ และวิตกกังวลถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพของชุมชน อีกทั้งยังคงจดจำภาพของโรงงานในแง่ลบ
ทั้งๆ ที่การตั้งโรงงานสามารถพัฒนาเศรษฐกิจความเจริญในพื้นที่ชุมชนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการโครงการกระทรวงอุตสาหกรรม นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนและผู้ประกอบกิจการโรงงาน เพื่อประสานความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ ที่พบในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการสร้างโรงงานโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงงานผลิตกระดาษ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็ก จะเกิดขึ้นยากมาก เนื่องจากประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น และเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งข้อมูลเหล่านั้นเป็นเรื่องเก่าที่กล่าวถึงอุตสาหกรรมในแง่ลบว่าเคยส่งผลให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน ซึ่งปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่สามารถป้องกัน ควบคุม และลดปัญหามลภาวะได้ดียิ่งขึ้น แต่ประชาชนยังคงหวาดระแวงกับภาพในอดีต จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมในการเข้าไปให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาในเรื่องสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงประชาชนในทุกด้านตั้งแต่กระบวนการออกใบอนุญาต กระบวนการผลิต กระบวนการบำบัด การกำจัดของเสีย และมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากภาคอุตสาหกรรม” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
ทั้งนี้ โครงการ “กระทรวงอุตสาหกรรม นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ” มีแผนการดำเนินงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 ถึงกันยายน 2558 โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มผู้นำชุมชน ประชาชน เยาวชน ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรม จำนวน 20 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 11 แห่ง รวมไม่น้อยกว่า 5,000 คน ภายใน 3 ปี นอกจากการจัดฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจในเรื่องอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมอาสาพัฒนา ปรับปรุงสถานศึกษาอย่างน้อย 30 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม
สำหรับการจัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ จะจัดขึ้นครั้งแรกที่เขตประกอบการไออาร์พีซี
ณ ศูนย์การเรียนรู้เครือข่ายชุมชน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในวันที่ 8 กันยายน 2556 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 กันยายน 2556 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป้าหมายคือผู้ที่อาศัยโดยรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี และรอบนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยมีกิจกรรมเต็มรูปแบบ เช่นการจัดอบรมให้ความรู้ในรูปแบบสานเสวนา การจัดแข่งขันวิ่งมินิมาราธอน การปั่นจักรยานรณรงค์รักษ์สิ่งแวดล้อม กิจกรรมบันเทิง การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดสำหรับประชาชนในพื้นที่ การจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ การเยี่ยมชมการบริหารจัดการในโรงงาน กิจกรรมอาสาพัฒนาโรงเรียน เป็นต้น และคาดว่ากิจกรรมที่จังหวัดระยองจะมีประชาชนเข้าร่วม รวมประมาณ 2,000 คน
ในส่วนของหัวข้ออบรมถ่ายทอดความรู้ในโครงการ จะเป็นเรื่องที่ประชาชนและผู้ประกอบกิจการ
ควรรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 2) กระบวนการพิจารณาอนุญาตโรงงาน 3) เทคโนโลยีและระบบการจัดการมลพิษโรงงาน 4) การเฝ้าระวังและป้องกันมลพิษจากการประกอบกิจการโรงงาน 5) เทคโนโลยีการจัดการกากอุตสาหกรรม 6) การเฝ้าระวังและป้องกันเหตุฉุกเฉิน 7) ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตราย 8) กระบวนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แนวคิดการดำเนินโครงการดังกล่าว เน้นการทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อได้ความคิดเห็นจากประชาชน ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน ซึ่งเป็นการป้องกันและลดปัญหาข้อร้องเรียนจากภาคประชาชนเกี่ยวกับการประกอบกิจการอุตสาหกรรม และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจ ให้เกิดขึ้น ระว่าง 3 ภาคส่วนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
ก.อุต เดินหน้าสร้างความเข้าใจชุมชน ผุดโครงการลงพื้นที่เขตประกอบการ อุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ
อุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ
“ปลัดวิฑูรย์ฯ” คิกออฟเปิดตัวโครงการ“กระทรวงอุตสาหกรรม นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ” ตั้งเป้า 3 ปี เข้าถึงชาวบ้านและผู้ประกอบกิจการ 5,000 คน จัดกิจกรรมปูพรมทั่วประเทศ เน้นชุมชน/โรงเรียนรอบโรงงาน เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น ลดม็อบต่อต้านอุตสาหกรรมหนัก
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง “โครงการกระทรวงอุตสาหกรรม
นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ” ว่า ปัจจุบันยังคงมีความขัดแย้งระหว่างชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโรงงาน เนื่องจากประชาชนขาดความรู้ ความเข้าใจ และวิตกกังวลถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพของชุมชน อีกทั้งยังคงจดจำภาพของโรงงานในแง่ลบ
ทั้งๆ ที่การตั้งโรงงานสามารถพัฒนาเศรษฐกิจความเจริญในพื้นที่ชุมชนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการโครงการกระทรวงอุตสาหกรรม นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนและผู้ประกอบกิจการโรงงาน เพื่อประสานความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆ ที่พบในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการสร้างโรงงานโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงงานผลิตกระดาษ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็ก จะเกิดขึ้นยากมาก เนื่องจากประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น และเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งข้อมูลเหล่านั้นเป็นเรื่องเก่าที่กล่าวถึงอุตสาหกรรมในแง่ลบว่าเคยส่งผลให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน ซึ่งปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่สามารถป้องกัน ควบคุม และลดปัญหามลภาวะได้ดียิ่งขึ้น แต่ประชาชนยังคงหวาดระแวงกับภาพในอดีต จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมในการเข้าไปให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาในเรื่องสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงประชาชนในทุกด้านตั้งแต่กระบวนการออกใบอนุญาต กระบวนการผลิต กระบวนการบำบัด การกำจัดของเสีย และมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากภาคอุตสาหกรรม” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
ทั้งนี้ โครงการ “กระทรวงอุตสาหกรรม นำความรู้ สู่ชุมชนและผู้ประกอบการ” มีแผนการดำเนินงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 ถึงกันยายน 2558 โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มผู้นำชุมชน ประชาชน เยาวชน ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรม จำนวน 20 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 11 แห่ง รวมไม่น้อยกว่า 5,000 คน ภายใน 3 ปี นอกจากการจัดฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจในเรื่องอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมอาสาพัฒนา ปรับปรุงสถานศึกษาอย่างน้อย 30 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม
สำหรับการจัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ จะจัดขึ้นครั้งแรกที่เขตประกอบการไออาร์พีซี
ณ ศูนย์การเรียนรู้เครือข่ายชุมชน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในวันที่ 8 กันยายน 2556 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 กันยายน 2556 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป้าหมายคือผู้ที่อาศัยโดยรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี และรอบนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยมีกิจกรรมเต็มรูปแบบ เช่นการจัดอบรมให้ความรู้ในรูปแบบสานเสวนา การจัดแข่งขันวิ่งมินิมาราธอน การปั่นจักรยานรณรงค์รักษ์สิ่งแวดล้อม กิจกรรมบันเทิง การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดสำหรับประชาชนในพื้นที่ การจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ การเยี่ยมชมการบริหารจัดการในโรงงาน กิจกรรมอาสาพัฒนาโรงเรียน เป็นต้น และคาดว่ากิจกรรมที่จังหวัดระยองจะมีประชาชนเข้าร่วม รวมประมาณ 2,000 คน
ในส่วนของหัวข้ออบรมถ่ายทอดความรู้ในโครงการ จะเป็นเรื่องที่ประชาชนและผู้ประกอบกิจการ
ควรรู้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ประกอบด้วย 1) อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 2) กระบวนการพิจารณาอนุญาตโรงงาน 3) เทคโนโลยีและระบบการจัดการมลพิษโรงงาน 4) การเฝ้าระวังและป้องกันมลพิษจากการประกอบกิจการโรงงาน 5) เทคโนโลยีการจัดการกากอุตสาหกรรม 6) การเฝ้าระวังและป้องกันเหตุฉุกเฉิน 7) ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสารเคมีและวัตถุอันตราย 8) กระบวนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แนวคิดการดำเนินโครงการดังกล่าว เน้นการทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อได้ความคิดเห็นจากประชาชน ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน ซึ่งเป็นการป้องกันและลดปัญหาข้อร้องเรียนจากภาคประชาชนเกี่ยวกับการประกอบกิจการอุตสาหกรรม และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจ ให้เกิดขึ้น ระว่าง 3 ภาคส่วนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง